อื่นๆ
[รีวิวภาพยนตร์] The King การเมือง สงคราม
![[รีวิวภาพยนตร์] The King การเมือง สงคราม](https://sls-prod.api-onscene.com/partner_files/trueidintrend/12391/The-King.jpg)
อีกหนึ่งหนังพีเรียตฟอร์มยักษ์จาก Netflix ที่ได้ทีมนักแสดงนำระดับคุณภาพมาร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็น ทีโมที ชาลาเมซ (Call Me by Your Name) โรเบิร์ต แพตทินสัน (Good TIme) และ โจเอล อีเกอร์ตัน (The Gift) พร้อมโปรดักชั่นสุดยิ่งใหญ่ ที่ได้เสียงวิจารณ์ในแง่บวกจากนักวิจารณ์ต่างประเทศ ด้วยโทนหนัง และฉากสงครามต่าง ๆ ที่ทำให้หนังก็ได้ถูกเทียบเคียงว่าเป็น Game of Thrones เวอร์ชั่นของ Netflix ก็ว่าได้
โดยเนื้อหาของหนังจะว่าด้วยต้นศตวรรษที่ 15 เมื่อกษัตริย์ เฮนรี่ที่ 4 แห่งอังกฤษรทรงรประชวรหนัก ส่วนทางด้านผู้สืบทอดตำแหน่งอย่างองค์ชายโทมัส กลับเสียชีวิตจากสงคราม ทำให้ ฮัล องค์ชายผู้รักความสงบ ที่หันไปใช้ชีวิตแบบสามัญชน ต้องรับสืบทอดตำแหน่งกษัตริย์ เฮนรี่ที่ 5 แห่งอังกฤษ แทน ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งอยู่นั้น กษัตริย์เฮนรี่ที่ 5 ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายที่จะทำสงครามจากฝรั่งเศส ส่วนตัวพระองค์เองก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง ว่าสามารถเป็นกษัตริย์ ที่สร้างความยิ่งใหญ่ให้อังกฤษได้อีกครั้ง
Advertisement
Advertisement
จากภาพรวม The KIng เรียกได้ว่าเป็นหนังที่ได้รับอิทธิพลมาจากซีรีส์ Game of Thrones ค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นบทหนังที่ออกมาในอารมณ์การเมือง การปกครอง ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างเข้มข้นมีชั้นเชิงไม่แพ้กัน นอกจากนี้หนังยังมีฉากสงครามช่วงท้ายเรื่อง ที่มาทรงเดียวกับ Battle of Bastards ของซีรีส์เรื่องเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดฉากสงครามที่สมจริง การถ่ายทอดฉาก Long Take สุดตระการตา ถือว่าเป็นหนังที่ดูแล้วนึกถึงความยอดเยี่ยมของ Game of Thrones ซีซั่นแรก ๆ ไม่น้อย
หนังจะถ่ายทอดเรื่องราวโดยเน้นไปที่ชีวิตของ กษัตริย์เฮนรี่ที่ 5 ตั้งแต่ตอนที่เป็นปุถุชน จนกลายเป็นกษัตริย์ที่รักความสงบ ก่อนจะถูกฝรั่งเศสกดดันให้ต้องออกไปรบ โดยบทหนังสามารถถ่ายทอดพัฒนาการของตัวละคร กษัตริย์เฮนรี่ ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยไม่ถ่ายทอดออกมาให้พระองค์ ออกมาเป็นวีรบุรุษมากเกินไป แต่กลับถ่ายทอดพระองค์ ให้ออกมาให็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง ไม่ต่างจากคนอื่น ๆ แต่ความน่าสนใจคือความคิด และอดีตอันไม่สวยงามที่ทำให้พระองค์ มีความแตกต่างจากกษัตริย์องค์อื่น ๆ
Advertisement
Advertisement
ความสนุกของหนังเรื่องนี้ คือการถ่ายทอดประเด็นเรื่องการเมือง การปกครองในยุคนั้น ออกมาได้ยอดเยี่ยม หนังได้ถ่ายทอดวิธีการปกครองบ้านเมืองออกมาได้อย่างสมจริง พร้อมทั้งเต็มไปด้วยกลยุทธ์ หักเหลี่ยม เฉือนคม ของตัวละครต่าง ๆ รวมไปถึงการวางแผนการรบที่ชวนให้เราได้คิดตาม และลุ้นตามไปกับหนังตลอดทั้งเรื่อง ใครที่ชื่นชอบหนังการเมืองการปกครอง The King ถือว่าเป็นอีกผลงานที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
หากให้เทียบกับหนังพีเรียดเรื่องอื่น ๆ The King อาจไม่ใช่หนังกระแส ที่จะดูบันเทิง และเน้นขายงานโปรดักชั่นนัก นักจะค่อนข้างถ่ายทอดแบบหนังอินดี้ ที่เน้นไปที่การแสดงของนักแสดง และเน้นไปที่ความคมคายของบทหนังซะมากกว่า ดังนั้นใครที่คาดหวังที่จะได้ชมฉากแอ็คชั่น หรืองานโปรดักชั่น อลังการ ตลอดทั้งเรื่องแบบใน The Lord of the Rings หรือ 300 ในหนังเรื่องนี้ อาจจะต้องผิดหวัง
Advertisement
Advertisement
ด้านการแสดงของ ทีโมที ชาร์ลาเมซ ก็สามารถแบกรับหนังเรื่องนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม ในเรื่องนี้ใครที่ชื่นชอบนักแสดงหนุ่มน้อยผู้นี้ เราจะได้เห็นเขาอย่างเต็มอิ่ม ทีโมที สามารถยกระดับการแสดงของเขาให้เติบโตไปอีกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฉากดราม่า ที่ต้องถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละคร ทีหลากหลายอารมณ์กว่าเดิม จากต้นเรื่องที่เป็นคนธรรมดา มาสู่กษัตริย์ผู้เคร่งขรึม พร้อมฉากอารมณ์ และฉากแอคชั่นที่เยอะกว่าผลงานเรื่องก่อนๆ นอกจาก ทีโมที แล้ว อีกคนที่ถ่ายทอดบทได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันคือ โรเบิร์ต แพตทินสัน ที่สามารถถ่ายทอดบทของ องค์ชายจากฝรั่งเศส ที่มีความเป็นตัวร้ายแบบจิต ๆ ได้อย่างน่าชื่นชม โดยเฉพาะการพูดอังกฤษสำเนียงฝรั่งเศสที่เหมือนจริงมาก ๆ เรียกได้ว่าเป็นอีกบทบาทที่น่าสนใจของ แพตทินสัน ในปี 2019 นี้
The KIng ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหนัง Original Netflix ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นบทหนังที่เน้นไปที่การเมือง การปกครอง ได้อย่างเข้มข้น การถ่ายทอดบทบาทของทีมนักแสดงนำที่ล้วนถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมบทบาท โดยเฉพาะหากใครที่คิดถึงความยอดเยี่ยมของ Game of Thrones ในช่วงซีซั่นแรก ๆ หนังเรื่องนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง
ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.imdb.com/
ความคิดเห็น
