เปรียบเทียบรายได้ขับรถส่งอาหาร เจ้าไหนคุ้มสุด!

เรียกได้ว่าอาชีพขับรถส่งอาหารหรือ Food Delivery นั้นน่าจะเป็นอาชีพแห่งปีเลยก็ว่าได้ ยิ่งในช่วงสถานการณ์ที่มีโรคระบาดของ COVID-19 ทำให้ใครหลายๆคนเปลี่ยนอาชีพที่ตัวเองทำอยู่ มาเป็นอาชีพรับส่งอาหารผ่านแอพพลิเคชั่น Food Delivery และมีรายได้ที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้เช่นกัน  สำหรับใครที่กำลังสนใจในอาชีพนี้แต่ยังไม่มีข้อมูล ไม่รู้ว่าจะสมัครที่ไหนยังไงหรือว่า รายได้ดีไหม ต้องทำอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบรายได้ของการขับรถส่งอาหารว่าเจ้าไหนจะได้ค่าตอบแทนที่คุ้มที่สุด

1.  LINE MAN ถ้าพูดถึงเรื่องจำนวนเงินนั้น ทุก ๆ ออเดอร์ที่ได้รับจะถูกหักค่าคอมมิชชั่น 15% จากยอดนั้น ๆ

อย่างเช่นค่าบริการส่งอาหารเริ่มต้น 55 บาทต่อครั้ง จะได้รับจริงเพียง 46.75 บาท

และจะได้ค่าส่งเพิ่มเติม กิโลเมตรละ 9 บาท 

สำหรับหลังเวลา 21.00 น. - 22.59 น. จะได้เพิ่ม 50 บาท 

ข้อด้อยของไลน์แมน

1. เนื่องจากมีผู้ขับขี่จำนวนมาก อาจจะทำให้รับงานได้น้อยลงถ้าเกิดมีคนขับเยอะ
2. คนขับต้องกดแย่งลูกค้าเองผ่าน Application ซึ่งก็หมายถึง ความเสถียรของระบบอินเทอร์เน็ตหรือโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานด้วย ซึ่งอาจจะเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกันในจุดนี้

วิธีการสมัครเป็นคนขับ LINE man

1. เข้าไปในเว็บไซต์ ตามลิงก์นี้ สมัคร LINE MAN
2. เข้าไปในเว็บไซต์จะเป็นของ LALAMOVE ให้หรอกประวัติส่วนตัวและรายละเอียดต่าง ๆ ที่จำเป็นให้ถูกต้องและครบถ้วน
3. เมื่อกรอกเสร็จแล้ว เราก็เพียงรอพนักงานของ LINE MAN ติดต่อกลับมาเพื่อเริ่มต้นการทำงาน เพียงแค่นี้คุณก็จะได้ รับงานของ LINE MAN แล้ว

---

2. Grab Foodรายได้นั้นจะแบ่งเป็น 3 ส่วนดังนี้

1. ค่าจัดส่งจะเริ่มที่ 40 บาทและถ้าระยะทางมากกว่า 3 กิโลเมตรขึ้นไปจะได้รับเงินเพิ่มตามระยะทาง
2. บางงานอาจจะได้รับโบนัสเพิ่ม ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและเวลาของการรับงาน
3.  มี Intensive พิเศษ จากการเก็บสะสมเพชร ถ้าได้ครบตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนดก็จะได้รับเงินโบนัสพิเศษเพิ่มเติม

ค่าคอมมิชชั่นของ GRAB FOOD นั้นจะหัก 15% ของค่าจัดส่ง เช่น ยอด 200 บาท จะเหลือ 170 บาท

ข้อดีของ GRAB FOOD

1. สามารถรับงานได้ตลอดซึ่งขึ้นอยู่กับเวลา เปิดปิดบริการของร้านค้าต่าง ๆ
2. ระบบ GPS ของแอปพลิเคชันจะค้นหางานที่ใกล้ที่สุดให้แก่คนขับ
3. สามารถเลือกวันและเวลาทำงานได้ ไม่มีข้อกำหนดตายตัว ถ้าวันไหนไม่สะดวกที่จะรับงานสามารถปิดระบบได้
4. มีโบนัสและค่า Incentive พิเศษให้ ซึ่งข้อนี้ถ้าใครขยันก็จะมีโบนัสที่เพิ่มมากขึ้นด้วย
5. มีประกันอุบัติเหตุให้แก่คนขับในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุระหว่างทำงาน (อันนี้เคยเจอกับตัวเองเลย ซึ่งพอดีวันนั้นไป ที่ออฟฟิศของ GRAB FOOD ชลบุรีแล้วมีปลายสายโทรเข้ามาหาที่ออฟฟิศว่าโดนเฉี่ยวชนระหว่างจัดส่งสินค้า ซึ่งทางพนักงานก็ให้โทรเข้า Call Center ทันทีและแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงทีเช่นกัน )

ข้อด้อยของ Grab Food

1. ต้องใช้ความเร็วในการกดรับออเดอร์ลูกค้า ถ้าโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ตของใครเกิดมีปัญหาช่วงเวลานั้น ก็อาจจะทำให้เสียโอกาสในการรับงานนั้นไป
2. ได้รับเงินวันรุ่งขึ้น ส่วนเงินพิเศษจะได้ทุกวันพุธ ซึ่งตรงนี้บางคนก็อาจจะไม่ค่อยชอบ ซึ่งก็เป็นข้อด้อยหลักของ GRAB FOOD

วิธีการสมัคร

1. สมัครผ่านออนไลน์ทางเว็บไซต์ GRAB 
2. สมัครด้วยตนเองได้ที่สำนักงานของ GRAB แต่ละจังหวัดทั่วประเทศ

ค่าสมัคร

มีค่าแรกเข้า 200 บาท โดยการเติมเงินเข้ากระเป๋าใน Application 

---

3. Get Driver ค่าคอมมิชชั่นจะคิดจาก 10 % ของค่าบริการจัดส่งและเงินสมทบ เช่น ยอดจำนวน 100 บาทก็จะได้รับเงิน 90 บาท

ค่าตอบแทน

1. มีค่าบริการนอกเวลา 20 บาทต่อครั้งช่วงเวลา 00.00 น. - 04.00 น
2. ค่าตอบแทนเริ่มต้น 60 บาทต่อครั้ง
3. ถ้าระยะทางมากกว่า 5 กิโลเมตร จะได้เพิ่ม 10 บาทต่อกิโลเมตร
4. มีค่า Intensive สูงสุดถึง 1,000 บาทต่อวัน
5. ผู้ขับโดยเฉลี่ยจะมีรายได้เดือนละ 15,000 บาทถึง 20,000 บาท

จุดเด่น ของ Get Driver

1. สามารถวิ่งรับงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยที่ไม่จำกัดช่วงเวลา
2. ดูรายได้แบบรายวันและย้อนหลังได้ถึง 7 วัน
3. มีแผนเงินสะสมประจำปีและเงินที่ช่วยเหลือในยามฉุกเฉิน
4. มีประกันสุขภาพและประกันรถจักรยานยนต์ให้แก่ผู้ขับ
5. สามารถรับเงินได้ทันทีหลังจากจบงาน

จุดอ่อนของ Get Driver

1. เนื่องจาก Application Get  เปิดให้บริการได้ไม่นานจึงยังมีบริการเฉพาะในกรุงเทพฯ ยังไม่มีการให้บริการในพื้นที่ต่างจังหวัด
2. Application Get มีร้านอาหารที่เข้าร่วมกับแอปไม่มากเท่ากับแอปอื่น ๆ ที่เปิดบริการมาก่อนหน้านี้
3. ระบบจะจ่ายงานให้กับคนขับที่มีเงินในกระเป๋าเพียงพอเพื่อที่จะหักค่าธรรมเนียมการรับงานเท่านั้น เพราะฉะนั้นคนขับต้องมีเงินใน กระเป๋าขั้นต่ำ 100 บาท
4. หากคนขับรับงาน 15 งานขึ้นไปแต่ว่าคะแนนดาวที่สะสมตั้งแต่เปิดระบบงานวิ่งครั้งแรก น้อยกว่าหรือเท่ากับ 3 คะแนน อาจจะถูกบริษัทพิจารณาระงับ สัญญาณถาวรได้

วิธีสมัครขับ Get

1. สมัครด้วยตนเองได้ที่บริษัท Get Thailand 152 อาคารชาร์เตอร์สแควร์ ชั้น 21 ยูนิต 21-04 ถนน สาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
2. สมัครออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ได้ที่  Get Thailand

ไม่มีค่าสมัคร และค่าแรกเข้า

---

4.Food Panda

1. ในส่วนของระบบค่าตอบแทนนั้นค่อนข้างที่จะแตกต่างจากแอปพลิเคชั่นอื่นๆ เพราะว่าคนขับจะได้รับเฉพาะค่าจัดส่งจะไม่มีค่าตอบแทนเป็นรายชั่วโมงโดยจะได้รับตามการจัดอันดับเรตติ้งการทำงาน
2. มีโอกาสได้รับเงินเพิ่มเติมจากโบนัสที่ทำได้ตามเงื่อนไขของบริษัท จะมีเป็นช่วงเวลาภายใน 7 วัน 30 วันหรือ 45 วัน ถ้าทำ order ได้ตามที่บริษัทกำหนดก็สามารถรับโบนัสได้

ข้อเด่นของ Food Panda

1. ไม่ต้องกดแย่งงานกันเองเพราะมีระบบจ่ายงานอัตโนมัติตามพื้นที่ที่คนขับอยู่
2. ระบบการจ้างงานจะเป็นพนักงานประจํา มีสวัสดิการพนักงานและประกันชีวิตแบบกลุ่มให้  เราจึงเห็นพนักงานของฟู้ดแพนด้าอยู่เป็นหลักเป็นแหล่งตามสถานที่หรือร้านอาหารต่างๆ เพื่อนนั่งรอ order ของลูกค้า
3. แบ่งโซนได้ชัดเจนไม่ต้องขับขี่ไปในระยะทางที่ไกลเกินไป
4. สามารถวิ่งรับงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ข้อด้อย

1. ไม่สามารถรับเงินได้ทันทีหลังจากจบงานโดยต้องรอรับตามรอบบัญชีของบริษัทเท่านั้น
2. รับเฉพาะพนักงานประจำแต่บางครั้งก็สามารถเลือกทำเป็น part time ได้
3. ไม่สามารถเลือกรับงานเองได้เลยและวิ่งได้เฉพาะโซนที่บริษัทกำหนดไว้เท่านั้น

วิธีสมัครขับ Food Panda

1. สมัครผ่านทางออนไลน์ได้ที่ Foodpanda.co.th
2. สมัครด้วยตนเอง ที่สำนักงานสาขาสุขุมวิท 59/33 ซอยสุขุมวิท 26 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ

มีค่าตรวจประวัติ 100 บาท

---

จากการเปรียบเทียบของทั้ง 4 บริษัทนั้นก็ขึ้นอยู่กับคนขับว่าสะดวกหรือชอบระบบของบริษัทไหนมากกว่า สะดวกที่จะทำแบบไหนมากกว่าอยากที่จะทำเป็นครั้งคราวหรืออยากที่จะเป็นพนักงานประจำและการรับผลตอบแทนนั้นก็ค่อนข้างจะแตกต่างกันเช่นกัน ซึ่งใครสะดวกแบบไหนก็ลองไปสมัครกันดูได้

บทความโดย FangzWTF