อื่นๆ
เปิดเรื่องราวที่มาของ รอยสัก รู้แล้วคุณจะอึ้ง!

ปัจจุบันเริ่มเห็นหลายคนหันมาให้ความสนใจกับศิลปะบนเรือนร่างผ่านรอยสักกันมากเป็นพิเศษ อาจจะเป็นเพราะด้วยสังคมที่มีการเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น จนทำให้หลายหน่วยงานให้ความอะลุ่มอล่วยกับบุคคลที่มีรอยสักบนร่างกาย แต่รู้หรือไม่ครับว่ารอยสักแต่ละแบบที่คุณสักกันนั้น มันมีเรื่องราวประวัติความเป็นมาซ่อนอยู่ด้วยนะ บทความนี้ผมเลยนำที่มาของรอยสักแต่ละประเภทมาบอกเล่าให้คุณได้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกรอยสัก ว่าแต่ละแบบแต่ละสไตล์นั้นมันจะเข้ากับตัวคุณมากน้อยแค่ไหน
1. Tribal
เมื่อพูดถึงประเภทของรอยสัก ประเภทแรกที่เราควรพูดถึงเลยก็คือ Tribal หรือแปลเป็นไทยว่า รอยสักแบบชนเผ่า ถือเป็นรอยสักที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ และยังเป็นต้นกำเนิดของการวาดลวดลายบนเรือนร่างมนุษย์อีกด้วย รอยสักแบบนี้ถือเป็นการสักเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของชนเผ่าตัวเอง เพื่อสร้างความน่าเกรงขามต่อเผ่าอื่น โดยเริ่มมาจากเผ่า Polynesian เป็นเผ่าแรก ถ้าใครนึกไม่ออกว่ารอยสักแบบนี้คืออะไร ให้คุณนึกถึง ดเวย์น จอห์นสัน หรือเดอะร็อก เพราะเขามีเชื้อสายมาจากชนเผ่าซามัว เช่นเดียวกับบท เจ้าหน้าที่ Hobbs ที่เขาได้รับในเรื่อง Hobbs and Shaw ยังไงล่ะ
Advertisement
Advertisement
2. Old School
ต่อกันด้วยรอยสักสุดคลาสสิกอย่าง Old School หรือที่รู้จักกันในชื่อ American Traditional เริ่มมีมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 20 ในช่วงนั้นถือเป็นยุคทองของการเดินเรือเลยก็ว่าได้ ทำให้รอยสักส่วนใหญ่ในยุคนั้นจะมีลายเส้นที่ธรรมดาเรียบง่าย ไม่หวือหวา ส่วนใหญ่จะเป็นลวดลายเกี่ยวกับเรืออย่างเช่น กะลาสีเรือ สมอเรือ หรือจะเป็นสัญลักษณ์ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เพราะช่วงนั้นถือเป็นปีแจ้งเกิดของมอเตอร์ไซด์อเมริกันชื่อดังอย่าง Harley Davidson ด้วยเช่นเดียวกัน
3. New School
เมื่อมียุคคลาสสิกแล้ว ต่อมาก็ต้องเป็นยุคโมเดิร์น รอยสักที่ผมกำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ก็คือ New School รอยสักสไตล์นี้จะมีการเพิ่มลูกเล่นความน่าสนใจลงไปในลายเส้น เพิ่มความซับซ้อนอย่างการสักแบบสามมิติ มีการเล่นสีใช้สีที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น ผลงานที่ออกมาจะเป็นแนวล้ำหน้าทันสมัย มีจินตนาการ
Advertisement
Advertisement
4. Japanese ต่อกันที่รอยสักญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันในชื่อ Irezumi จุดเด่นของรอยสักประเภทนี้ก็จะเน้นที่ลวดลายที่อ่อนช้อย งดงาม มาพร้อมความดุดันในตัว เห็นแล้วจะรู้ได้ทันทีเลยว่า นี่แหละคืองานสักของญี่ปุ่น ลายที่นิยมสักกันก็จะเป็น ปลาคาร์ฟ ซามูไร หรือจะเป็นพวกภูตผีปีศาจเลยล่ะ
5. Thai
เมื่อพูดถึงรอยสักญี่ปุ่นแล้ว เราก็ต้องมาพูดถึงรอยสักของไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกกันบ้าง แรกเริ่มเดิมทีรอยสักของไทยนั้นเริ่มมาจากการสักยันต์พร้อมร่ายมนต์คาถา เพื่อเรียกขวัญกำลังใจก่อนออกไปสู้รบกับข้าศึก แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มเปลี่ยนจากการสักยันต์ธรรมาดา มาเป็นการสักที่มีลายเส้นสวยงามชดช้อยตามเอกลักษณ์ความเป็นไทย ยกตัวอย่างเช่นลายยักษ์ พญานาค รวมถึงพระพุทธรูปด้วยเลยล่ะ
6. Geometric
ปิดท้ายกันด้วยรอยสักยอดนิยมที่ใครหลายคนชอบกันนั่นก็คือ รอยสักรูปทรงเลขาคณิต จุดเด่นของรอยสักประเภทนี้ก็คือการใช้รูปเรขาคณิตอย่าง สามเหลี่ยม สีเหลี่ยม วงกลม มาผสมรวมกันให้เกิดเป็นลวดลายสุดเท่ ที่ไม่เยอะจนเกินไป หรืออาจะเรียกว่าเป็นหนึ่งในสไตล์มินิมอลเลยก็ว่าได้
Advertisement
Advertisement
ผมว่าจริง ๆ แล้วจุดประสงค์ของการสักนั้นมันไม่ได้มีเพียงแค่ความสวยงามอย่างเดียวนะครับ ยังมีอีกหลายคนเลือกที่จะแต่งแต้มร่างกายด้วยหมึกเพียงเพื่อต้องการเป็นเครื่องเตือนใจและระลึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้วก็ได้นะครับ อย่างเพื่อนใกล้ตัวผมคนนึง ที่ต้องเรียนหนังสือไปด้วยทำงานไปด้วยแถมยังกลัวเข็มอีก แต่เขาก็ยังตัดสินใจสักลงกลางหลังรูปโต ๆ เป็นรูปแม่ของเขา เพื่ออยากให้ท่านอยู่เคียงข้าง แม้ในความเป็นจริงนั้นท่านได้จากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม หรือจะเป็นรอยสัก 99 บนนิ้วก้อยด้านขวาของป๋าเบค เดวิด เบ็คแฮม ที่หมายถึงปี 1999 ที่เขาพาแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คว้าทริปเปิลแชมป์ได้สำเร็จ เห็นไหมล่ะครับว่าจริง ๆ แล้วเรื่องของรอยสักนั้นมันมีความลึกซึ้ง และเรื่องราวต่าง ๆ มากมายซ่อนอยู่ สุดท้ายนี้ผมอยากฝากไว้ว่า อย่าไปตัดสินใครสักคนเพียงแค่รอยสักของเขาเลยนะครับ เพราะมันไม่สามารถการันตีหรือตัดสินใครคนใดคนหนึ่งได้เลยว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ดี
เครดิตภาพจาก Instagram และ Unsplash
ภาพประกอบที่1ภาพประกอบที่2ภาพประกอบที่3ภาพประกอบที่4ภาพประกอบที่5ภาพประกอบที่6
ความคิดเห็น
