อื่นๆ

เรื่องสยอง : สดๆ ร้อนๆ (ทหารเกณฑ์)

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เรื่องสยอง : สดๆ ร้อนๆ (ทหารเกณฑ์)

       เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งผมยังเป็นทหารเกณฑ์ เมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว หลังจากฝึกเสร็จผมก็ได้ย้ายไปประจำอยู่ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี ในสมัยนั้นความเจริญเรียกได้ว่าแทบจะไม่มี เรามาถึงที่ค่ายแห่งนี้ก็เกือบจะค่ำแล้ว หลังจากที่คุยเรื่องกฎระเบียบอะไรต่างๆ ก็แยกย้ายกันขึ้นโรงนอน 

Pixabay

       โรงนอนของทหารเกณฑ์ที่พวกเรานอน จะเป็นเรือนนอนไม้หลังยาว ความกว้างประมาณแค่ 2 เมตร แต่จะมีผนังแค่ 3 ด้าน ด้านที่เป็นบันไดทางขึ้นจะปล่อยโล่งไว้ พวกเราก็อาบน้ำอาบท่าเสร็จเรียบร้อยก็มากลางมุ้งของใครของมัน นอนเรียงกันยาวไปจนสุดเรือนนอน หันหัวเข้าหาผนังหันเท้าไปทางด้านบันใด ผมกับเพื่อนก็นอนคุยเล่นกันไปเรื่อยเปื่อย จนแทบจะเผลอหลับไป จากที่ตอนแรกกะว่าจะหลับค่อยสวดมนต์ก็ลืมไม่ได้ทำ ในระหว่างที่ผมเคลิ้มเข้าสู่ภวังค์ เสียงของอะไรบางอย่างก็ดังขึ้น มันเป็นเสียงคล้ายๆจิ้งหรีดดังขึ้นมารอบทิศทางจนนอนไม่ได้ ผมเลยตัดสินใจจะลุกขึ้นถามเพื่อน แต่ในจังหวะที่พยายามจะลุกขึ้น ก็พบว่าผมไม่สามารถขยับตัวได้เลย ทำได้เพียงกรอกตาไปมา ยิ่งออกแรงเท่าไหร่ เสียงก็เหมือนจะเริ่มดังขึ้น จากเสียงคล้ายจิ้งหรีด ก็กลายเป็นเหมือนมีเสียงเด็กร้อง เสียงตุ๊กแก เสียงคนคุยกัน ดังโหมเข้ามาจากสุดเรือนนอน เสียงนั่นยังดังต่อเนื่องไม่หยุด ความรู้สึกเหมือนเสียงมันวิ่งไล่มาบนคานของเรือนนอนแล้วมาหยุดตรงผม รู้สึกได้เลยถึงเหงื่อที่ท่วมตัวในขณะนั้น เริ่มหายใจไม่ออก มันอึดอัดไปหมด

Advertisement

Advertisement

        ทันใดนั้นเองผมเห็นดวงไฟอะไรบางอย่างวิ่งมาจากสุดเรือนนอนช้าๆ ผ่านมุ้งของเพื่อนแต่ละคนมา ผมทำได้แค่กรอกตามอง แสงยังคงวิ่งมา จนกระทั้งมาหยุดที่ปลายเท้าผม ก่อนจะค่อยๆจางหายไป แต่สิ่งที่ทำให้ผมช็อคยิ่งกว่าดวงไฟคือ ที่ปลายเท้าผมจะนอนตรงกับเสาต้นหนึ่งที่ไม่ได้สูงไปถึงเพดาน หรือ ที่เค้าเรียกกันว่าเสาหัวขาด ที่ด้านบนของเสานั้น ผมเห็นลักษณะของหัวคนที่พาดอยู่ ดวงตาของมันจ้องตรงมาทางผมราวกับว่ากำลังโกรธแค้นอะไรผม ดวงตาของมันแดงก่ำราวกับสีเลือด สีผิวดำก่ำ หน้าตุดุเป็นอย่างมาก มันมองผมนิ่งอยู่อย่างนั้น ผมที่นอนแน่นิ่งเช่นกันเริ่มพยายามดิ้น แต่ดิ้นเท่าไหร่ก็เหมือนไม่มีแรง แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เหงื่อออก เป็นช่วงเวลาที่ทรมานมากๆ ในตอนนั้นผมห้อยพระหลวงปู่ทวดที่พ่อของผมให้ติดตัวมา เมื่อนึกเรื่องนี้ได้จึงพยายามสวดมนต์ผิดบ้างถูกบ้าง ในตอนนั้นสติมันกระเจิงไปหมด แต่เสียงก็ไม่ได้เงียบลงเลย และใบหน้านั้นก็ยังคงจ้องไม่เลิกลา จนผมเริ่มหมดความอดทน ก็ตะโกนด่าออกไปต่างๆนาๆ กูไปทำอะไรให้มึง และคำหยาบอีกสารพัด เท่าที่จะนึกออก สลับกับสวดมนต์ เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ แต่ในความรู้สึกมันยาวนานและทรมานเหลือเกิน เมื่อไม่ยอมไปซักที ผมจึงพยายามขยับตัวอีกครั้ง แต่ก็ยังเหมือนคนเป็นอัมพาต กว่าจะขยับได้ทีละนิดๆ ผมตั้งใจจะขยับตัวไปหาเพื่อนที่นอนอยู่อีกมุ้งหนึ่งข้างๆซึ่งติดกัน ทุกอย่างในความรู้สึกยังคงดำเนินไป สายตาคู่นั้นไม่ละจากผมเลยแม้แต่วินาเดียว จนกระทั่ง หลังของผมชนกับหลังของเพื่อน วินาทีนั้นเหมือนทุกอย่างปลดล็อค ผมสะดุ้งตัวขึ้นมาอย่างแรง พร้อมกับหายใจเข้าเฮือกใหญ่เหมือนคนจมน้ำ เพื่อนที่ยังไม่นอน ลุกขึ้นมามองผมเป็นตาเดียวกัน ในตอนนั้นผมไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เก็บข้าวของแต่งตัววิ่งลงเรือนนอน ไปอยู่กับเพื่อนที่กำลังเข้าเวร และเล่าเรื่องนี้ให้มันฟัง 

Advertisement

Advertisement

Pixabay

       จุดที่เพื่อนผมเข้าเวรจะเป็นบริเวณด้านหน้าค่ายซึ่งจะไกล้กับบริเวณบ้านพักนายทหาร เรานั่งคุยกันถึงประมาณตี 1 ก็มีหญิงวัยกลางคนเดินจูงลูกสาวมา ในตอนแรกก็สงสัยว่าเป็นใครทำไมมาเดินในค่ายดึกๆป่านนี้ แต่พอได้คุยก็ได้ใจความว่า เธอเป็นภรรยาของนายทหารท่านหนึ่ง พึ่งขับรถกลับมาจากต่างจังหวัด และเข้าบ้านไม่ได้ เนื่องจากสามีน่าจะหลับไปแล้ว เพื่อนผมก็เลยลองเดินไปช่วยเรียกให้ ผมที่กำลังผวากับเหตุการณ์ที่พึ่งเจอมาก็เลยเดินตามไปด้วย ก็เรียกกันอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งสามีเธอออกมาเปิดประตู แต่ผมไม่เห็นหน้าของนายทหารท่านนั้น คืนนี้ก็ผ่านไป โดยที่ผมไม่ได้นอน และต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่อย่างอ่อนเพลีย จนกระทั่งเย็น นายสิบท่านหนึ่งก็เรียกเพื่อนผมไปสองคน ให้ไปงัดบ้านนายทหารหลังหนึ่ง เมื่อผมรู้ว่าเป็นบ้านนายทหารที่เมื่อคืนผมไปเรียก มันก็อดสงสัยไม่ได้ที่จะตามไปดู

Advertisement

Advertisement

        เมื่อประตูเปิดออกกลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ภาพนั้นยังติดตาผมจนถึงวันนี้ และ มันทำให้ผมถึงกับเข่าอ่อน เมื่อเห็นใบหน้าของศพ แม่ลูกที่มาขอความช่วยเหลือผมเมื่อคืน คิดไปว่าเธอคงโดนยิงหลังจากที่เข้าบ้านไป แต่เมื่อผมเดินขึ้นไปชั้น 2 ต้องเข่าทรุดยิ่งกว่า แทบจะเป็นลม เมื่อใบหน้าของร่างที่ไร้วิญญาณของนายทหารท่านนั้น คือใบหน้าที่มาจ้องมองผมเมื่อคืนก่อน เพียงแต่มีร่องรอยของกระสุนที่ทะลุบริเวณกระหม่อม มือเท้าผมชา หายใจไม่ทั่วท้อง จากตอนแรกที่คิดว่าผมเปิดประตูให้แม่ลูกเข้าไปตาย กลายเป็นรู้ขึ้นมาในวินาทีนั้นว่า แม่ลูกที่ผมเจอคงไม่ใช่คนแน่ๆ และมารู้ที่หลังว่าจริงๆ แม่ลูกกลับมาตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว สาเหตุการฆ่าตัวตายยกครัว มาจาก ภรรยานายทหารท่านนี้แอบไปมีชู้ แต่ผมรู้ข้อมูลไม่มากนัก แต่น่าจะพึ่งตายไม่นานก่อนที่ผมเจอที่เรือนนอน เรียกได้ว่าเจอแบบ สดๆร้อนๆเลย

    ในความโชคร้ายแสนสาหัสยังมีความโชคดีอยู่ที่หลังจากคืนนั้นพวกเราได้ย้ายไปอยู่เรือนนอนอีกที่หนึ่ง เรื่องราวของผมมีคนนำไปหลอก ทหารรุ่นน้องอีกหลายต่อหลายรุ่น และผมก็ไม่เคยเจออะไรอีกเลย จนกระทั่ง ถึงวันปลดประจำการณ์ พรุ่งนี้เช้าจะได้กลับบ้าน พวกผมต้องกลับไปนอนเรือนนอนนั้นอีกครั้ง ผมแทบจะลืมเรื่องนั้นไปแล้ว และคิดว่าผ่านมานานคงไม่มีอะไรแล้ว แต่ก็เหมือนเดิน พอไกล้จะหลับเสียงจิ้งหรีด เสียงเด็กร้องประดังประเดเข้ามา แต่ครั้งนี้พอเริ่มรู้ตัว ผมก็ลุกขึ้นเก็บข้าวของแล้วเดินออกมาจากค่ายทันทีตั้งแต่คืนนั้นเลย


***ขอบคุณภาพประกอบการเล่าเรื่องจาก

https://pixabay.com/images/search/ghost/

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์