อื่นๆ
เรื่องสยอง : the Visitor

The visitor
เสียงฝนโปรยปรายในยามค่ำคืนราวกับว่ามันจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ แสงไฟจากถนนสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้องของทนายหนุ่ม เค้ากำลังนั่งคิ้วขมวดขณะอ่านเอกสารอะไรบางอย่างเกี่ยวกับลูกความของเค้า ไฟสีส้มสลัวๆภายในห้องช่วยให้เค้ามีสมาธิมากขึ้น ก็อกๆๆ!! เสียงเคาะประตูดังขึ้นดึงให้ทนายหนุ่มออกจากภวังค์ เค้ารีบวางเอกสารในมือและพุ่งตรงไปยังประตู ราวกับเค้ากำลังรอผู้มาเยือน ทันทีที่ประตูเปิดออก เผยให้เห็นผู้หญิงในชุดเดรสยาว ที่ตัวชุ่มไปด้วยน้ำจากฝนที่ตกอยู่ภายนอก เธอคือพิมพ์ลูกความคนล่าสุดของเค้า ใบหน้าของทนายไม่ได้แปลกใจกับผู้มาเยือนมากนัก แต่กลับเป็นใบหน้าที่แสดงถึงความโล่งอก ยังไม่มีบทสนทนาใดจากทั้งคู่ ทนายหนุ่มรีบพาเธอเข้ามาในห้อง และนั่งลงบนโซฟา ก่อนที่เค้าจะหยิบผ้าขนหนูมาห่มตัวเธอ บทสนทนาแรกของทั้งคู่จึงเริ่มต้นขึ้น
Advertisement
Advertisement
ทนาย : "4 วัน....4วันที่ผ่านมา คุณหายไปไหนมาทำไมไม่มีใครติดต่อคุณได้เลย"
พิมยังคงเงียบ ความหนาวทำให้เธอนั่งขดตัว เมื่อไม่มีการตอบรับจากคู่สนธนา ทนายจึงพูดต่อ
ทนาย : "เอาล่ะ ถ้าคุณไม่บอกผม ผมคงต้องแจ้งญาติของคุณให้ทราบ"
พิม : สามีฉัน!
พิมรีบตอบขณะที่ทนายกำลังจะลุกไปหยิบโทรศัพท์ เสียงของเธอฉุดให้เค้านั่งลงที่เดิม
ทนาย : "เกิดอะไรขึ้น"
พิม : "คุณต้องรีบจัดการ เรื่องหย่าให้ฉันเร็วที่สุด"
ทนาย : แต่คุณต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟังก่อน
พิมเงียบราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ทนาย : "คุณพิมคุณฟังผมนะ ตอนนี้เรื่องมันใหญ่ขึ้นแล้วหลังจากที่คุณหายไป แล้วอยู่ๆคุณก็มาที่ห้องผม คุณจำเป็นต้องเล่าเรื่องทั้งหมด เราจะได้หาทางช่วยคุณ"
คำพูดของทนายทำให้พิมเริ่มเล่า
พิม : "4 วันก่อน เราทะเลาะกัน เค้าบอกให้ฉันเลิกคิดเรื่องการหย่า เรามีปากเสียงกันนาน...และมันก็เหมือนเดิมๆ"
Advertisement
Advertisement
พิมพูดปนสะอื้น ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่แก้ม
ทนาย : "คุณจะบอกว่า..เค้าลงไม้ลงมือกับคุณเหมือนครั้งก่อนๆ? "
พิม : "ไม่...ไม่เหมือน ครั้งนี้มันหนักกว่าทุกครั้ง เค้าฟาดฉันด้วยแจกัน พอฉันล้มลงเค้าก็กระหน่ำตีฉัน"
พิมสะอื้นหนักกว่าเดิม
ทนาย : "คุณบอกว่าเค้ากระหน่ำตีคุณ ?"
พิมเงียบและหลบสายตาทนาย
ทนาย : "คุณพิม คือตอนนี้ คุณดูไม่มีรอยแผลหรือรอยฟกช้ำซักเท่าไหร่ "
พิม : "คุณมีหน้าที่ฟ้องเค้าไม่ใช่หรอ ไม่ใช่มาจับผิดฉัน "
พิมตอบกลับทันที
ทนาย : "ผมเข้าใจ แต่ว่าสถานการ์ณตอนนี้ เราพูดอะไรลอยๆไม่ได้"
พิม :"แล้วไง...สุดท้ายก็ไม่มีใครเชื่อฉันใช่ไหม "
ทนาย : "คุณต้องเข้าใจก่อนว่า ช่วงเวลาที่คุณหายไป คนที่ตามหาและดูเป็นห่วงคุณมากที่สุด คือสามีของคุณ "
พิม : "สุดท้ายก็เหมือนเดิม ทุกครั้งที่ฉันถูกทำร้าย ฉันไม่เคยได้รับความเป็นธรรมอย่างที่ผู้หญิงคนอื่นควรได้รับ แม้กระทั่ง พ่อ แม่ น้องฉัน และตอนนี้ก็เป็นคุณ"
Advertisement
Advertisement
พิมเริ่มน้ำตาไหลพราก เสียงสะอื้นของเธอดังมากขึ้นๆ
ทนาย : "คุณฟังผมนะ ไม่ว่ายังไง ผมอยู่ข้างคุณแน่นอน ยาที่สามีคุณให้กิน คุณได้กินมันบ้างไหม"
พิม : "แม้แต่คุณก็หาว่าฉันเป็นบ้างั้นหรอ ทุกคนหาว่าฉันเป็นบ้า"
เสียงของพิมแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ที่รุนแรงขึ้น
ทนาย : "คุณแค่ป่วย...เราจะฟ้องเค้าง่ายกว่านี้ ถ้าคุณไม่มีประวัติ หลงผิดคิดไปเองว่าคนอื่นทำร้ายคุณ แต่ถ้าคุณยังยืนยันที่จะฟ้องเค้าจริงๆ เรามาหาวิธีอื่นที่ดีกว่านี้เถอะ "
พิมเริ่มร้องไห้หนักขึ้น เธอเริ่มโวยวาย
พิม : "แม้แต่คุณก็หาว่าฉันเป็นบ้า ทุกคนหาว่าฉันเป็นบ้า นี้ไง!...คุณเห็นแผลฉันไหม นี้ไง"
เธอฟูมฟายพร้อมกับชี้ไปที่รอยฟกช้ำนิดๆหน่อยๆ 2-3 จุดบนตัวเธอ
พิม : "หรือ มันยังไม่พอ! "
พิมหยิกไปที่เนื้อตัวของเธอ ทนาย : ใจเย็น! ทนายรีบพุ่งเข้าไปหยุดการกระทำของเธอ และพยายามอธิบาย
ทนาย : "สิ่งที่คุณเล่ามา กับรอยฟกช้ำแค่นี้ มันไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้เลย"
พิมเริ่มสงบสติอารมณ์
ทนาย : "ผมไม่ได้เชื่อทุกอย่างที่ลูกความผมพูดทุกครั้ง แต่ผมมีหน้าที่ทำให้คนอื่นเชื่อลูกความของผม มองหน้าผมแล้วตั้งสติ และ เล่าความจริงให้ผมฟัง และเราจะหาวิธีหย่าให้คุณ"
พิม : "ถ้าทุกคนมองว่าฉันบ้า ฉันก็ต้องทนแบบนี้ต่อไปใช่ไหม และทุกๆคนที่เป็นแบบฉันก็ไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไรเลยใช่ไหม "
ทนาย : "คุณแนน น้องสาวของคุณเป็นห่วงคุณมาก ผมว่าอย่างน้อยเราควรโทรบอกเธอ"
พิม :"ไม่ได้! "
พิมรีบสวนขึ้นมา
ทนาย : "ถ้างั้นคุณต้องรีบเล่าความจริงให้ผมฟัง 4 วันก่อนคุณไปไหนมา "
พิม : "ฉัน...... "
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาขัดจังหวะ ทั้งคู่หันไปมองต้นเสียงเป็นตาเดียวกัน ทนายลุกขึ้นและเดินไป ณ ต้นเสียง บริเวณหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หน้าจอโทรศัพท์โชว์ชื่อของปลายสาย "คุณแนน"
ทนาย : "เจ้านายผมโทรมา สายนี้ผมต้องรับ"
ทนายหนุ่มหันไปบอกพิม ก่อนจะรับสาย
แนน: คุณทนายใช่ไหมคะ ตำรวจพบศพของพี่หนูแล้ว สามีเธอฆ่าเธอ แล้วเอาศพไปทิ้งในคลอง ได้ 3-4 วันแล้ว เราควรเชื่อเธอแต่แรกเราควรฟ้องหย่าให้เธอ
เสียงของปลายสายฟูมฟายจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ก็รู้เรื่องมากพอที่จะทำให้ทนายหนุ่มยืนชงักแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น......
ความคิดเห็น
