ไลฟ์แฮ็ก

Mindset ที่จะช่วยให้เลิกกังวลกับสิ่งที่คนอื่นคิด

152
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
Mindset ที่จะช่วยให้เลิกกังวลกับสิ่งที่คนอื่นคิด

สวัสดีคุณผู้อ่านครับ มีคนเคยกล่าวเอาไว้ “การใส่ใจสิ่งที่คนอื่นคิดเนี่ยมันจะทำให้คุณกลายเป็นทาสของพวกเขา” ผมเข้าใจครับว่าหากเราดำเนินชีวิตอยู่บนสังคมเดียวกัน การรับฟังคำวิจารณ์จากผู้อื่นอาจพอมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่บางครั้งแม้ว่าเราจะทำดีที่สุดแล้ว ใครบางคนก็ยังไม่ชอบเราอยู่ดีและเขาก็จะสรรหาข้อด้อยที่สุดของเรามาต่อว่าเราจนได้ สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรจะจำเอาไว้คือ จงเชื่อมันในตัวเอง

เรามักจะคอยกังวลว่าจะใส่อะไรออกไปข้างนอกดี ใส่อะไรไปเรียนดี ใส่อะไรไปทำงานดีเพื่อที่จะให้แน่ใจว่าเราดูดีในสายตาคนอื่น เรามักจะกังวลว่าจะทำอะไรเพื่อให้คนอื่นมองว่าดูดีเสมอเรามักจะเลือกโพสต์ภาพที่ดีที่สุดที่เลือกมาหลังจากถ่ายไปประมาณยี่สิบกว่ารูปแล้วก็ใส่ฟิลเตอร์เข้าไปจะได้รับการไลค์เยอะ ๆ และเป็นการยืนยันกับตัวเองว่าฉันสวยและน่ารัก

Advertisement

Advertisement

การทำแบบมันเหมือนเป็นการใช้ชีวิตอยู่ในกรอบที่คนอื่นคิด ทั้งหมดนั่นมันคือการไม่เชื่อมั่นในตัวเอง มันทำให้เราอึดอัดในร่างกายของเราเอง มันทำให้เรารู้สึกเสียใจที่เป็นตัวเราเอง มันทำให้เราดำเนินชีวิตอยู่บนบรรทัดฐานของคนอื่น การใช้ชีวิตบนสิ่งที่คนอื่นคิดมันทำให้เรารู้สึกไม่เชื่อถือในตัวเอง กระวนกระวาย คิดว่าตัวเองไม่ดีพอ ไม่เก่งพอ ไม่ฉลาดพอ ไม่สวยพอ

เลิกใช้ชีวิตบนคำวิจารณ์ของคนอื่นได้แล้ว หากมัวแต่กังวลกับคำวิจารณ์ของคนอื่นก็อดใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเองจริง ๆ พอดี

ความจริงคือความคิดเห็นของคนอื่น ๆ ต่อตัวเรามันไม่ใช่ธุระอะไรของเราเลย ความคิดเห็นของพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา ไม่ว่าเขาจะตัดสินว่าอย่างไรก็ตามจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม

คนที่ประสบความสำเร็จเขาสามารถยืนต่อหน้าคนแปลกหน้ายี่สิบคนแล้วพูดเรื่องอะไรก็ได้ โดยที่บางคนอาจจะไม่ชอบสิ่งที่เขาใส่ บางคนก็ชอบสิ่งที่เขาใส่ บางคนคิดว่าเขาเป็นไอ้โง่ และบางคนก็รักสิ่งที่เขาพูด บางคนลืมสิ่งที่เขาพูดทันทีหลังจากที่จากไป และบางคนก็จดจำสิ่งที่เขาพูดไปอีกหลายปี

Advertisement

Advertisement

แม้ว่าแต่ละคนนั้นได้รับสิ่งที่ออกมาจากเราเหมือน ๆ กัน แต่ความคิดเห็นของพวกเขาต่อตัวเรานั้นมันไม่มีทางเลยที่จะเหมือนกัน และมันไม่ใช่สิ่งที่เราจะจัดการกับตัวเองหรือจัดการกับพวกเขาเลย เราเพียงแค่ทำมันให้ดีที่สุด ณ ช่วงเวลานั้นก็พอ บางครั้งเราทำให้ตายอย่างไรคนบางคนก็จะไม่มีทางชอบเราอยู่ดี และบางครั้งไม่ว่าเราทำอะไรคนบางคนก็จะยังคงชอบเรา

และนี่คือแนวคิด หรือ Mindset นี่ผมอยากคุณผู้อ่านมีไว้ครับ เพื่อที่จะได้เลิกกังวลกับคำวิจารณ์ของคนอื่นได้เสียที

ผู้หญิงเล่นเทนนิสภาพโดย Joshua Rawson-Harris

1. รู้ตัวว่าให้คุณค่ากับอะไร

การรู้คุณค่าสูงสุดของตัวเราเองมันเป็นเหมือนกับการมีไฟฉายที่สว่างเพื่อใช้ในการเดินผ่านป่ามืด ๆ หากคุณมีไฟฉายที่ไม่ค่อยสว่างคุณอาจออกมาจากป่าได้แต่ในระหว่างทางนั้นคุณอาจจะหลงทางหรือสะสุดล้มบ่อยมาก ด้วยไฟฉายที่สว่างกว่านั้นการจะต้องเลือกว่าจะไปซ้ายหรือขวานั้นมันจะชัดเจนและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

Advertisement

Advertisement

หลาย ๆ นั้นใช้ชีวิตไปโดยที่ไม่รู้ว่าคุณค่าที่จริงของตัวเองคืออะไรและรู้สึกหลงทางกับชีวิต ไม่มั่นใจกับการตัดสินใจของตัวเอง มักจะมีคำถามกับสิ่งที่ตัวเองทำในทุก ๆ เรื่อง ซึ่งแน่นอนครับว่าการที่เป็นแบบนั้นในการทำงานมันสร้างผลกระทบอย่างมากต่อชีวิต คุณจะไม่มีหลักการที่ยึดมั่นในการใช้ชีวิต คุณจำเป็นต้องหาคุณค่าสูงสุดในชีวิตของคุณให้เจอ

หากคุณให้คุณค่ากับความถูกต้อง คุณจะไม่กลัวที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่กังวลว่าคนรอบข้างจะคิดอย่างไร

หากคุณให้คุณค่ากับความขยันหมั่นเพียร เมื่อคุณกำลังทำงานแล้วมีคนชวนคุณไปเที่ยวคุณจะสามารถบอกปฎิเสธไปได้โดยไม่รู้สึกผิด

หากคุณให้คุณค่ากับความเห็นอกเห็นใจ คุณจะยินดีที่จะทำบางสิ่งเพื่อผู้อื่นเพื่อจะไม่ได้ทำให้พวกเขาผิดหวัง (สำหรับผู้ที่ให้ค่ากับความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ผมอยากบอกไว้เล็ก ๆ ว่าการเห็นอกเห็นใจตนเองก็สำคัญเช่นกันนะครับ)

สิ่งเหล่านี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของชีวิตคุณ จงรู้คุณค่าของคุณและสิ่งที่คุณให้ความสำคัญมากที่สุด ไฟฉายของคุณจะสว่างขึ้น

หญิงสาวภาพโดย K8

2. รู้จักที่จะอยู่ในที่ของตนเอง

อีกวิธีหนึ่งที่จะหยุดการใส่ใจเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นคิด คือ การเข้าใจว่าโลกใบนี้มีอยู่สามเรื่อง

เรื่องที่หนึ่ง คือ เรื่องของธรรมชาติ ไม่ว่าใครจะเกิดหรือตายนั้นมันเป็นเรื่องของธรรมชาติ ร่างกายและยีนที่คุณมีนั้นมันก็เป็นเรื่องของธรรมชาติ คุณไม่สามารถไปยุ่งเรื่องของธรรมชาติได้ คุณควบคุมมันไม่ได้

เรื่องที่สอง คือ เรื่องของคนอื่น สิ่งที่พวกเขาทำคือเรื่องของพวกเขา สิ่งที่เพื่อนบ้านคิดเกี่ยวกับคุณคือเรื่องของพวกเขา การที่เพื่อนร่วมงานของคุณจะมาทำงานกี่โมงมันก็เรื่องของเขา หากมีรถยนต์คันหนึ่งไม่ยอมไปในขณะที่ไฟเขียวแล้วมันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของเรา

เรื่องที่สาม คือ เรื่องของตัวเราเอง หากคุณโกรธคนขับรถยนต์คันนั้นเพราะคุณต้องรอไฟแดงอีกรอบนั่นแหละเรื่องของคุณ หากคุณรู้สึกหงุดหงิดเพราะเพื่อนร่วมงานของคุณมาสายอีกแล้วนั่นแหละเรื่องของคุณ หากคุณกังวลว่าเพื่อนบ้านคิดกับคุณยังไงนั่นแหละเรื่องของคุณ

สิ่งที่พวกเขาคิดมันคือเรื่องของพวกเขา สิ่งที่ตัวเราคิดจึงจะเป็นเรื่องของตัวเรา

คุณมีเรื่องเดียวที่ต้องกังวลคือเรื่องของตัวเอง สิ่งที่คุณคิดและสิ่งที่คุณทำเท่านั้นที่เป็นสิ่งที่สามารถควบคุมได้ในชีวิต

หญิงสาวภาพโดย Timur Romanov

3. จงรู้ตัวว่าคุณเป็นนายของความรู้สึกตัวเอง

ถ้าเราเอาความรู้สึกของเราไปผูกไว้กับความคิดของคนอื่น นั่นแปลว่าเรากำลังอนุญาติให้พวกเขาควบคุมชีวิตของเราอยู่ คุณจะกลายเป็นแค่หุ่นเชิดที่เมื่อพวกเขาชักใยชีวิตคุณ คุณจะรู้สึกดีหรือรู้สึกแย่ไปตามนั้น

หากมีคนเมินคุณ คุณก็คงรู้สึกแย่ คุณอาจคิดว่าเขาทำให้คุณรู้สึกแย่จากการไม่สนใจคุณ แต่ความจริงแล้วเขาไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของคุณได้เลย เขาแค่เมินเฉยต่อคุณ แต่คุณดันไปให้ความหมายของการกระทำนั้นเอง สำหรับคุณนั่นอาจหมายความว่าคุณไม่คุ้มค่ากับเวลาของเขา ไม่ดีพอ ไม่ฉลาดพอ หรือไม่เจ๋งพอ จากนั้นคุณจะรู้สึกเศร้าหรือโมโหเพราะความหมายที่คุณให้กับการกระทำนั้น นั่นคือการที่คุณได้รับผลทางอารมณ์จากความคิดของคุณเอง

คนเดียวที่สามารถทำร้ายความรู้สึกของตัวเราได้ คือ ตัวเราเอง

หากต้องการจะเปลี่ยนความรู้สึกที่ได้จากการกระทำของคนอื่น คุณเพียงแค่ต้องเปลี่ยนความคิดตัวเอง แต่ว่าเรื่องแบบนี้มันอาจยากเพราะความคิดของของเรามักจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ ฉะนั้นมันอาจต้องใช้เวลาสักหน่อยเพื่อจะรู้เท่าทันความคิดของตัวเราเอง

นักวิ่งภาพโดย Nicolas Hoizey

4. รู้ตัวว่ากำลังทำดีที่สุดแล้ว

ผมรู้ว่ามันไม่ง่ายที่จะต้องแบกรับคำวิจารณ์จากคนอื่น แต่คุณไม่จำเป็นต้องแบกรับอะไรทั้งนั้นหากรู้ตัวว่าทำดีที่สุดแล้ว

เราควรจะเป็นผู้ที่รู้ตัวเองดีที่สุดว่าตัวเราทำได้แค่ไหนและเราใช้ความพยายามมากแค่ไหนกว่าจะมาถึงจุดได้ ไม่จำเป็นต้องฟังว่าใครจะคิดกับเรายังไง แค่พยายามทำให้ดีสุดในทุก ๆ ครั้งที่สามารถทำได้ ณ จุดนั้น หากเรายังไม่พอใจกับสิ่งที่เราทำลงไปนั้นก็ไม่เป็นไร จงใช้มันเป็นแรงผลักดันตัวเราเองเพื่อฝึกฝนและทำให้ดีกว่าเดิมในครั้งถัดไป

ไอศครีมหกภาพโดย Sarah Kilian

5. รู้ว่าทุกคนก็ทำผิดพลาดกันทั้งนั้น

แม้ว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างเห็นคุณค่าของตัวเอง แม้ว่าเราจะอยู่ในที่ของเรา แม้ว่าเราจะทำเต็มที่ที่สุดแล้ว เราก็ยังทำผิดพลาด โดยที่แทบจะไม่ต้องถามเลยด้วยซ้ำว่าทำไม เราทุกคนเป็นกันทั้งนั้น เราทุกคนมีข้อผิดพลาด

หลายคนอาจรู้สึกแย่กับเรื่องที่ทำผิดพลาด แต่ว่าการจมปรักอยู่กับที่สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วนั้นมันไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไร ในขณะที่คุณไม่ยอมเดินหน้าต่อและมัวจมปรักกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วแทนที่คนอื่นจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นมันอาจยิ่งทำให้คนอื่นจดจำคุณกับความผิดพลาดนั้นก็ได้ จงปล่อยอดีตให้ผ่านไปซะ สิ่งที่คุณจะสามารถทำได้เพื่อให้ข้อผิดพลาดมันมีประโยชน์คือการเรียนรู้จากมัน เมื่อคุณเข้าใจบทเรียนที่ได้รับจากประสบการณ์แล้วมันก็ถึงเวลาที่จะต้องเดินหน้าต่อไป

หยุดกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นคิด แล้วชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไป


ภาพปกโดย Nik Shuliahin

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์