อื่นๆ

Day of Being Wild ผลงานสร้างชื่อครั้งสำคัญของหว่อง กาไว และจุดเริ่มต้นของคำว่า "กระทำความหว่อง"

132
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
Day of Being Wild ผลงานสร้างชื่อครั้งสำคัญของหว่อง กาไว และจุดเริ่มต้นของคำว่า "กระทำความหว่อง"

Day of Being Wild เป็นหนังผลงานการกำกับเรื่องที่สองในชีวิตของ หว่อง กาไว หลังจากที่เขาได้แจ้งเกิดจากหนังแอ็คชั่น แก๊งสเตอร์เรื่อง As Tears Go By (1988) ซึ่งความพิเศษของ Day of Being Wild คือการที่หนังเรื่องนี้ได้เป็นการทำให้ หว่อง กา ไว ได้พบกับลายเซ็นการทำหนังของตัวเอง ด้วยการถ่ายทอดหนังที่ไม่มีพลอตเรื่องที่ชัดเจน เน้นการเล่าเรื่องผ่านตัวละครเป็นหลัง พร้อมทั้งบรรยากาศที่ชวนเหงา และการกระทำของตัวละครที่เรียกว่า "กระทำความหว่อง" จนกลายเป็นเอกลักษณ์ในหนังเรื่องอื่น ๆ ต่อมาของ หว่อง กาไว 

https://www.imdb.com/title/tt0101258/mediaviewer/rm523580672โดยหนังจะเล่าเรื่องราวของ ยกไจ๋ (เลสลี่ จาง) หนุ่มเพลย์บอย ที่อาศัยอยู่กับ ป้า (รีแบ็กกา แพน) ที่รับเขามาเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่เป็นเด็กที่เคยมีปมเรื่องการถูกพ่อ แม่ ทิ้งตั้งแต่เด็ก ทำให้ ยกไจ๋ เติบโตมาเป็นเพลย์บอย ที่ชอบหักอกผู้หญิงไปเรื่อย โดยเขาได้ไปคบหากับ โซว ไหล่เจิน (จาง ม่านอวี้) หลังจากนั้นเขาก็ทอดทิ้งเธออย่างไม่ใยดี และไปคบกับ มีมี/ลูลู (หลิว เจียหลิง) แทน ในขณะที่ โซว ไหล่เจิน ที่พึ่งถูก ยกไจ๋ ทอดทิ้งได้ไม่นาน เธอก็ได้พบกับ ตำรวจหนุ่ม (หลิว เต๋อหัว) ที่ได้มีใจให้เธอเช่นกัน ความรักชุลมุนของคน 4 คน ท่ามกลางบรรยากาศของเมืองฮ่องกงยุค 60 ก็ได้เริ่มขึ้น

Advertisement

Advertisement

https://www.imdb.com/title/tt0101258/mediaviewer/rm1904379905สำหรับ Day of Being Wild ถือว่าเป็นเสมือนหนังทดลอง ของทั้งตัว หว่อง กา ไวเอง และหนังฮ่องกง ยุคนั้น เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่ายุคนั้น หนังฮ่องกง ล้วนแต่เต็มไปด้วยหนังกำลังภายใน และหนังแอ็คชั่น แก๊งสเตอร์ แต่ หว่อง กาไว กลับเรื่องที่จะทำหนังที่ไม่แมส และมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า ซึ่งหนังถือว่านำเสนอออกมาให้เข้าใจง่ายต่อคนทั่วไป หากเทียบกับผลงานหลัง ๆ เพราะเนื้อหาจะเล่นไปที่ความสัมพันธ์ต่างๆ ของตัวละคร เป็นหลัก นอกจากนี้ หว่อง กาไว ยังทำหนังเรื่องนี้ โดยไม่มีการใช้บทหนัง หรือพลอตเรื่องที่ชัดเจน แต่จะเล่าเรื่องโดยเน้นไปที่การกระทำต่าง ๆ ของตัวละครแทน 

https://www.imdb.com/title/tt0101258/mediaviewer/rm528648193เสากลางของเรื่องนี้คือ ยกไจ๋ ที่รับบทโดย เลสลี่ จาง ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องรางชุลมุนของเหล่าคนที่ "ถูกทอดทิ้ง"ยกไจ๋ ถูกทอดทิ้งโดยแม้แท้ ๆ และต้องถูกเลี้ยงดูโดยป้า ที่ไม่ได้ให้ความสนใจเขาเท่าไหร่ ทำให้เขาเป็นเพียงเพลย์บอย ที่พร้อมจะทิ้งผู้หญิงทุกคนที่เขาพบเจอ เปรียบเสมือนว่าเขานั่น คือ"นกไร้ขา" ที่จะบินไปเรื่อย จนกว่าจะตาย ผู้หญิงคนแรกที่ ยกไจ๋ ทอดทิ้งคือ ซูไหล่เจิน ที่ดูเหมือนว่าเขาจะหลงรักเธอมากที่สุด แต่สุดท้ายเขาก็ทอดทิ้งเธอไปคบกับ มีมี/ลูลู ที่เธอดุเหมือนจะหลงรัก ยกไจ๋ มากกว่า แต่หลังจากนั้น ยกไจ๋ ก็รับรู้ว่าเขากำลังจะถูกทอดทิ้งโดยป้าของเขา ที่กำลังจะย้ายไปอเมริกา ท้ายที่สุด ยกไจ๋ ก็ทอดทิ้ง มีมี/ลูลู เพื่อออกเดินทางไปยังฟิลิปปินส์ เพื่อไปหาแม่แท้ ๆ ของเขา ทำให้ตัวละครของหนังเรื่องนี้ แทบจะถูกทิ้งกันถ้วนหน้าก็ว่าได้

Advertisement

Advertisement

https://www.imdb.com/title/tt0101258/mediaviewer/rm2477885441

หากสังเหตุดี ๆ จะพบว่าแทบทุกตัวละครในหนังเรื่องนี้ ล้วนแต่มีปม บาดแผลในใจ (โดยเฉพาะการถูกทอดทิ้งจากคนที่พวกเขารัก) ซึ่งเป็นเสมือนพลอตเรื่องหลัก ๆ ของหนังเรื่องนี้ก็ว่าได้ ส่วนคนที่ดูเหมือนจะมีจิตใจที่แข็งแรงที่สุดในเรื่องนอกจากป้าของยกไจ๋แล้ว ก็คือตัวละครตำรวจหนุ่ม ที่รับบทโดย หลิว เต๋อหัว ที่เป็นเสมือนผู้สังเกตการณ์เรื่องราวทั้งหมด พร้อมที่งยังมีความเป็นพระเอกมากที่สุดอีกด้วย 

อย่างไรก็ตาม บรรดาตัวละครหลักที่เป็นเต็มไปด้วยบาดแผลทางจิตใจเหล่านี้ หว่อง กาไว ก็สามารถทำให้นักแสดงผู้รับบทตัวละครเหล่านี้ สามารถถ่ายทอดบทบาทของพวกเขาออกมาได้อย่างเต็มที่ และเข้าถึงอารมณ์ได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็น เลสลี่ จาง ที่สามารถแบกรับหนังทั้งเรื่องได้อย่างน่าชื่นชม การแสดงบท ยกไจ๋ ของเขาในเรื่องนี้ ทำให้เขาได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก Hong Kong Films Award พร้อมท่าเต้นของเขาที่กลายเป็นที่จดจำมาจนถึงทุกวันนี้ ด้าน จาง ม่านอวี้ และ หลิว เจียหลิง ก็สามารถถ่ายทอดความเศร้า ของสองหญิงที่ถูกยกไจ๋ทอดทิ้ง ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้ทั้งสองกลายเป็นนักแสดงคู่บุญของ หว่อง กาไว ในเวลาต่อมา 

Advertisement

Advertisement

Day of Being Wild อาจไม่ใช่หนังที่แมส หรือสนุกมากนัก แต่ความแปลกใหม่ และความกล้าที่จะฉีกกรอบ ขนบธรรมเนียมการทำหนังในยุคนั้น ของ หว่อง กาไว ทำให้เวลาต่อมา ลายเซ็นของเขาได้กลายเป็นที่กล่าวถึง ยกย่อง จากคนทำหนัง และนักดูหนังในเวลาต่อมา ทำให้ผลงานเรื่องนี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหนังที่ควรค่าแก่การดู และศึกษามาจนถึงทุกวันนี้

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.imdb.com/

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์