เครดิตภาพหน้าปก : https://rb.gy/mlog9u มารู้จัก 7 เครื่องเทศยอดฮิต คู่ครัวไทย สารพัดประโยชน์ วัฒนธรรมการใช้ "เครื่องเทศ" (Spices) มีปรากฏมานานเเล้วในหลายวัฒนธรรมตั้งเเต่โบราณ โดยส่วนใหญ่ก็ได้มาจากส่วนต่างๆ ของพืช ไม่ว่าจะเป็นผล เมล็ด ใบ ราก หรือลำต้นที่ทำให้เเห้ง นับว่าเป็นวัตถุดิบสำคัญที่นิยมนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารต่างๆ เพื่อช่วยเพิ่มรสชาติ กลิ่น หรือสีสันของเมนูอาหารให้มีความหลากหลายเเละน่ารับประทานมากขึ้น อีกทั้งประโยชน์ของเครื่องเทศก็ไม่ได้มีประโยชน์เพียงนำมาใช้ปรุงอาหารเท่านั้นนะคะ เพราะบางชนิดก็ยังมีสรรพคุณทางยา ช่วยรักษาโรคเเละบำรุงร่างกาย จึงไม่เเปลกใจเลยที่วัฒนธรรมอาหารหลายๆ สัญชาติในปัจจุบันนี้มีเครื่องเทศไปเป็นส่วนประกอบทำให้อาหารมีความเป็นเอกลักษณ์ที่น่าสนใจเลยทีเดียวค่ะ วันนี้เราเลยถือโอกาสชวนทุกคนไปทำความรู้จักกับ 7 เครื่องเทศยอดฮิตที่อยู่คู่ครัวไทยมาช้านาน ใครอยากรู้เเล้วว่าจะมีเครื่องเทศชนิดไหนบ้าง เเต่ละชนิดมีสรรพคุณอย่างไร ตามเราไปดูเลยค่ะ 1. พริกไทย (Pepper) เครดิตภาพ : https://bit.ly/2VVLNqS พริกไทย เป็นอีกหนึ่งเครื่องเทศที่อยู่คู่ครัวคนไทยมาช้านาน หลายต่อหลายเมนูอาหารที่มีพริกไทยเข้าไปเป็นส่วนประกอบก็ชวนให้รับประทานเสมอ ผลแก่ที่ตากแห้งทั้งเปลือกจะเรียกว่า พริกไทยดำ ส่วนผลแก่ที่นำเอาเปลือกออกมาเเล้ว เหลือเพียงเม็ดจะเรียกว่า พริกไทยขาวหรือพริกไทยล่อน ซึ่งจะให้กลิ่นค่อนข้างฉุน เเละให้รสชาติร้อน เเละยังมีสรรพคุณทางยาอีกมากมายเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็น แก้ท้องผูก แก้ปวดฟัน ช่วยขับเหงื่อ ขับลม ได้เป็นอย่างดีทีเดียว วิธีการประกอบอาหาร : เราสามารถใช้ทั้งเมล็ด หรือนำไปป่นละเอียด ใช้สำหรับเเต่งกลิ่นอาหาร ช่วยดับกลิ่นคาว เเละเป็นส่วนประกอบของน้ำพริกแกงชนิดต่างๆ 2. โป๊ยกั๊ก หรือจันทน์แปดกลีบ (Star anise) เครดิตภาพ : https://rb.gy/s0ljxl นึกถึงโป๊ยกั๊กก็คงนึกถึง พะโล้ หม้อใหญ่ๆที่หลายบ้านนิยมทำรับประทานกัน โป๊ยกั๊กเครื่องเทศที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน เเต่คนไทยเราก็นิยมนำมาใช้เพื่อปรุงอาหารเช่นเดียวกัน โดยมีชื่อในไทยว่า "จันทน์แปดกลีบ" นั่นก็เพราะมีลักษณะผลเป็นรูปดาวแปดเเฉก มีสีน้ำตาลอมเเดง ให้กลิ่นหอม อ่อนๆ เเละมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ตรงที่มีรสชาติเผ็ดหวาน ในส่วนของสรรพคุณทางยาช่วยบำรุงธาตุ ขับเสมหะ ขับลม เเก้ธาตุพิการ รักษาอาการเหน็บชา วิธีการประกอบอาหาร : นิยมนำไปเผาไฟ หรือต้มให้หอมก่อน เเล้วนำไปใส่ในหม้อตุ๋น หรือหม้ออบ เพื่อสร้างกลิ่นหอมในการรับประทาน เเละที่เด็ดสุดก็คือนิยมนำไปป่นให้ละเอียดเเล้วนำมาเป็นส่วนผสมในเมนูสำคัญอย่าง "ต้มพะโล้" นี่ล่ะค่ะ 3. ลูกผักชี (Coraninder seed) เครดิตภาพ : https://bit.ly/3cQmIog ลูกผักชีมีลักษณะลูกกลมเล็ก มีสีขาวหม่นหรือสีน้ำตาลซีด ให้กลิ่นหอม ยิ่งเมล็ดแก่เท่าไหร่ก็ยิ่งหอมมากขึ้น ลูกผักชีมีประโยชน์ช่วยในการเจริญอาหาร แก้อาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลมเเละขับปัสสาวะได้ดี วิธีการประกอบอาการ : ส่วนใหญ่เเล้วนิยมนำลูกผักชีไปโขลกรวมกับเครื่องเทศอื่นๆ เพื่อเป็นส่วนผสมของพริกแกงประเภทต่างๆ ส่วนใหญ่หากต้องประกอบอาหารต้องนำไปคั่วเสียก่อน หรือนิยมใช้ร่วมกับเมล็ดยี่หร่า คั่วเเล้วโขลกขณะที่มันยังร้อนๆ ให้ละเอียด เเล้วนำไปใช้เครื่องแกงของแกงเผ็ด พะเเนง แกงเขียวหวาน มัสมั่น หรือข้าวหมกไก่ เป็นต้น 4. ขมิ้นชัน (Turmeric) เครดิตภาพ : https://bit.ly/2S9IBad เครื่องเทศลือชื่อเเละมากสรรพคุณก็ต้องยกให้ "ขมิ้นชัน" เลยล่ะค่ะ ขมิ้นชันยังได้รับการบรรจุให้เป็นสมุนไพรที่อยู่ในกลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพ ในขมิ้นชันอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี สารคูเคอร์มิน (Curcumin) ช่วยลดการสะสมในตับ ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร รวมไปถึงบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เเละอาหารท้องเสียได้เป็นอย่างดีอีกด้วย 5. อบเชย (Cinnamon) เครดิตภาพ : https://bit.ly/2xb7kDz เเม้จะชื่อว่า "อบเชย" เเต่ใช่ว่าประโยชน์ของมันจะเชยเหมือนชื่อซะที่ไหน ส่วนที่นำมาใช้นั่นก็คือเปลือกของต้นอบเชย ที่ให้สีน้ำตาลอมเเดง อบเชยให้กลิ่นหอมละมุนรสชาติหวานฝาด เปลือกของอบเชยประกอบไปด้วยสารเเทนนิน (Tannins) ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีสรรพคุณในการช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือบรรเทาอาหารปวดท้องอันเนื่องมาจากอาหารไม่ย่อยได้เป็นอย่างดี วิธีการประกอบอาหาร : สำหรับวิธีการนำมาใช้เพื่อปรุงอาหารให้นำมาคั่ว หรือเผาก่อนเพื่อให้มีกลิ่นหอมก็สามารถดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ได้เป็นอย่างดี จะใส่ทั้งชิ้นหรือป่นให้ละเอียดเเล้วนำไปผสมในแกง เช่น แกงมัสมั่น เนื้อตุ๋น เป็นต้น หรือจะใช้ผงอบเชยที่บดละเอียดโรยไว้บนหน้ากาเเฟหรือขนมหวาน ก็นืยมเหมือนกัน 6. ใบกระวาน (Bay leaf) เครดิตภาพ : https://bit.ly/2KBFxiO ใบกระวาน เป็นเครื่องเทศที่มีการนำมาใช้ประโยชน์ในการปรุงอาหารได้อย่างหลากหลายเลยนะคะ เพราะใบกระวานให้กลิ่นหอมฉุน เเละค่อนข้างมีรสชาติที่เผ็ดร้อน ช่วยขับลม บำรุงเลือด แก้จุกเสียด ท้องอืด ท้องเฟ้อ ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด วิธีการประกอบอาหาร : วิธีการใช้ใบกระวานก็คือ ฉีกเอาก้านกลางออกเเล้วมาใส่เป็นชิ้นๆ ไม่ต้องเยอะมาก ช่วยในการดับกลิ่นคาวเนื้อสัตว์ได้เป็นอย่างดี เเละยังเป็นการเพิ่มความหอมให้กับเเกงนั้นๆได้อีกด้วย หรือจะนำมาปั่นเพื่อผสมกับเครื่องเทศอื่นๆ สำหรับทำเป็นพริกเเกงได้เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะพบในอาหารเช่น สตูว์ ข้าวหมกไก่ สเต็ก หรือแกงมัสมั่น เป็นต้น 7. ยี่หร่า หรือ เทียนขาว (Cumin seeds) เครดิตภาพ : https://bit.ly/359tG51 สำหรับยี่หร่ามีลักษณะเป็นผลรูปรียาวเเบน เเละมีสีเหลืองอมน้ำตาลให้รสชาติเผ็ดร้อนเเละขม เเต่ก็มีกลิ่นหอมมากทีเดียว เมื่อผลเเก่จะเเตกออกเป็น 2 ซีก เเต่ละซีกจะมี 1 เมล็ด ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์คือเมล็ด ซึ่งจะมีกลิ่นหอม เเละน้ำมันจากเมล็ดจะมีรสเผ็ดร้อน ยี่หร่ามีสรรพคุณทางยาช่วยขับลม ขับระดูขาว แก้ท้องอืดท้องเฟ้อได้เป็นอย่างดี วิธีการประกอบอาหาร : เครื่องเทศยี่หร่านิยมนำมาใช้ร่วมกับเมล็ดผักชีโดยการคั่วไฟอ่อนๆ เพื่อให้มีกลิ่นหอม เเล้วนำไปป่นให้ละเอียด เเล้วนำไปผสมเข้ากับเครื่องเเกงของคุณได้เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น แกงพะเเนง แกงเขียวหวาน หรือเเกงเผ็ด ล้วนเเต่ช่วยเพิ่มกลิ่นเเละรสชาติได้เป็นอย่างดี เเละทั้งหมดนี้ก็เป็น 7 เครื่องเทศยอดฮิตที่เรามักจะเห็น ได้สัมผัส หรือลิ้มลองรสชาติกันมาบ้างเเล้วนะคะ ซึ่งบางคนอาจจะชอบ หรือไม่ชอบเอาซะเลยก็ไม่ใช่เรื่องเเปลกหรอกค่ะ เเต่ถ้าลองได้มองข้ามเรื่องกลิ่น หรือรสชาติที่ร้อนเเรง เเล้วมองให้ลึกไปถึงประโยชน์ต่อสุขภาพที่คุณจะได้รับจากมันเเล้วล่ะก็เชื่อว่าจะทำให้คุณสามารถรับประทานเครื่องเทศได้มากขึ้นอย่างเเน่นอนค่ะ อีกอย่างหนึ่ง "เครื่องเทศ" ที่อยู่ในอาหารไทยหลายต่อหลายเมนูก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาติตะวันตกอยากเดินทางมาลิ้มลองอาหารไทยที่มากล้นไปด้วยเสน่ห์เเละทำให้พวกเขาหลงใหลเอาง่ายๆ เเล้วสำหรับคนไทยอย่างเราล่ะค่ะที่อยู่ใกล้เครื่องเทศเเละสมุนไพรเเค่นี้จะมองข้ามความสำคัญของมันไปเชียวหรือ ลองพิจารณาอีกครั้ง ชิมรสชาติอาหารไทยอีกที เพราะนอกจากรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เเล้ว คุณจะพบว่าเสน่ห์ของเครื่องเทศชวนให้หลงใหลไม่เบาเลยล่ะค่ะ