อื่นๆ
เรื่องของฉัน
เรื่องราวของฉัน จริงๆ มันก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ เผลอแป๊บๆ มันก็ผ่านมา 50 ปีแล้วนะ เรื่องบางเรื่อง เหตุการณ์บางอย่างก็ยังอยู่ในความจำ เหมือนมันเพิ่งเกิดไปเมื่อไม่นานนี้เอง ทั้งๆ ที่ก็ผ่านมาตั้ง 30 กว่าปีแล้ว มีทั้งความสุข ความเศร้า คละเคล้ากันไป บางเรื่องฉันก็อยากจะจำมันไว้ไปตลอด แต่บางเรื่องฉันก็ไม่อยากคิดถึงมันเลย
ตอนยังเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ พ่อแม่ ก็คิดว่าฉันแค่เป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยพูดจา เข้าสังคมไม่เก่ง หรือถ้าเป็นสมัยนี้ก็คงจะเรียกว่า โลกส่วนตัวสูง สินะ เพราะตอนนั้นฉันไม่ค่อยมีเพื่อนที่สนิทกันมากๆ อาจะเป็นเพราะว่า ฉันพูดคุยกับใครไม่เก่ง ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง เวลาจะไปไหนก็ไม่เคยได้ไปคนเดียว ต้องมีแม่หรือพี่สาวไปด้วยเท่านั้น และเหตุผลอีกข้อหนึ่งก็คือ พ่อของฉันดุมาก ฉันก็เลยต้องระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษ ซึ่งฉันก็เลยเป็นคนที่ชอบเก็บตัวไปอีก เวลาอยู่ที่บ้าน ฉันก็จะอยู่ในห้องนอน จนตอนนี้ฉันต้องออกจากบ้านมาทำงานด้วยตัวเอง อันที่จริงฉันก็ชอบนะ เพราะมันเข้ากับนิสัยของฉันที่ชอบอยู่คนเดียวอยู่แล้ว ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้มีแฟนด้วย รู้สึกอิสระมาก เช้าก็ไปทำงาน เลิกงานก็กลับมานอน เสาร์-อาทิตย์ก็ไปเที่ยวห้าง ไปว่ายน้ำ ไปหาอะไรกินอร่อยๆ ได้ตามใจชอบ ที่ทำงานก็เป็นออฟฟิศเล็กๆ มีพนักงานประมาณเกือบ 10 คน อันที่จริง ฉันก็ได้เรียนรู้งานจากที่นี่ไปไม่น้อยเลย ทั้งการอยู่ร่วมกับเพื่อนในที่ทำงาน การใช้เงินอย่างประหยัดยังไงให้รอดถึงสิ้นเดือน เพราะตอนที่ทำงานใหม่ๆ นั้น ฉันยังได้เงินเดือนไม่ถึง 5,000 บาทเลย ต้องอาศัยในห้องเช่าราคาถูก ซื้อข้าวกับแกงถุงละ 10 บาทไปกินที่ออฟฟิศ ก็สนุกไปอีกแบบนึงเหมือนกันนะ พอได้รับเงินเดือนมา ฉันก็จะแบ่งเงินออกเป็นส่วนๆ เป็นค่าห้องส่วนหนึ่ง แล้วที่เหลือก็จะแบ่งใช้เป็นรายสัปดาห์ ถ้าสัปดาห์ไหนเงินเหลือมากหน่อย ก็พอจะได้กินของอร่อยๆ อย่างพิซซ่า หรือ ไก่ทอดบ้างเป็นบางครั้ง บางทีก็จะแบ่งไปใช้อย่างอื่น เช่น ซื้อเสื้อผ้าชุดทำงานบ้าง ก็จะเลือกซื้อที่ราคาไม่แพง ตามแผงแถวหน้าม.รามฯ หรือตามตลาดนัดบ้าง บางทีพี่สาวก็จะมีพวกเสื้อผ้าสวยๆ ที่เค้าใส่ไม่ได้แล้วมาให้บ้าง ก็ทำให้เราประหยัดเงินค่าเสื้อผ้าไปได้เยอะเลย พอทำงานไปได้สักพัก ทางบริษัทก็จะขึ้นเงินเดือนให้ ฉันก็พอจะมีเงินเหลือมากขึ้น พอจะเอาไปใช้จ่ายอย่างอื่นที่ฉันอยากได้บ้าง เช่น หนังสือเล่มโปรดที่ฉันชอบอ่าน เมื่อก่อนนี้ฉันจะชอบอ่านหนังสือ แล้วก็สะสมหนังสือนวนิยายไว้หลายเล่มเลย แต่พอย้ายบ้านบ่อยๆ หนังสือก็เสียหายบ้าง โดนทิ้งไปบ้าง ก็น่าเสียดายเหมือนกันนะ บางเล่มก็เป็นหนังสือที่เราเคยอ่านมาตั้งแต่เด็ก พอโตมาพอมีกำลังจะซื้อได้ ก็เลยอยากซื้อมาเก็บไว้เป็นที่ระลึก
Advertisement
Advertisement
เคยมีคำกล่าวไว้ว่า "เวลาเปลี่ยนไป ใจของคนก็เปลี่ยนตาม" ก็คงจะจริงตามนั้น เพราะทุกวันนี้ฉันก็ไม่ได้คิด ไม่ได้หวังเรื่องอะไรมานานแล้ว ก็แค่ใช้ชีวิตไปให้ผ่านเป็นวันๆ ไป จากเมื่อก่อนอยากเป็นนักเขียน อยากเป็นคนเขียนกวี เคยฝึกอยู่พักหนึ่ง ตอนสมัยยังวัยรุ่น พอโตมาก็วุ่นวายกับเรื่องราวต่างๆ รอบตัว ทั้งการงาน การเรียน การใช้ชีวิต ก็เลยค่อยๆ ห่างไป จนในที่สุดก็ไม่ได้คิดถึงมันอีกเลย ก็เคยหยิบกวีบทเก่าๆ ที่เคยเขียนเอาไว้มาอ่านเล่นๆ ดู ก็อืม นะ ตอนนั้นทำไมมันคิดออกว่าจะเขียนว่าอะไร มาตอนนี้สิ คิดอะไรไม่ออกเลย 555 นี่จะเขียนเรื่องตัวเองแท้ๆ ยังต้องรอเป็นปีๆ เลยกว่าจะนึกออก กว่าจะลำดับเรื่องราวออกมาให้เป็นตัวหนังสือ กว่าจะลำดับความคิดตัวเองอีก ยากนะ พูดเลย
เครดิตรูป : ฉันเอง
Advertisement
Advertisement
นักเขียนสายอินดี้ ผู้มองว่างานเขียนเป็นงานยาก แต่ก็รักงานนี้มาก
ความคิดเห็น