เมื่ออายุเริ่มเข้าสู่วัย 50+ เราจะได้รับสัญญาณแจ้งเตือนถึงความเสื่อมของร่างกายอยู่เป็นระยะ หากปล่อยปละละเลยหรือมองข้ามสัญญาณเตือนภัยเหล่านี้ ความเสี่ยงต่อสุขภาพจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจเกินเยียวยาหรือแก้ไข ฉันไม่ลังเลที่จะเข้ารับการตรวจเช็คร่างกายประจำปีเป็นประจำ รวมถึงเข้ารับการประเมินความเสี่ยงการเกิดโรค จากด้วยการตรวจสภาพเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ยังมีชีวิตซึ่งเป็นหนึ่งวิธีการใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากเชื่อว่าสภาพของเซลล์เม็ดเลือดแดงจะสามารถบ่งชี้ถึงโอกาสในการเกิดโรคเรื่้อรังหรือโรคร้ายแรงได้อีกทาง ฉันขอรับการตรวจสภาพเซลล์เม็ดเลือดแดงด้วยการเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว ก่อนนำไปตรวจสอบผ่านกล้องจุลทัศน์ ภาพที่ปรากฏคือการเรียงตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ติดหนึบ คล้ายกับเส้นเชือก พร้อมกลุ่มตะกรั่นสีขาว ที่สะท้อนการสะสมของสารต่าง ๆ ที่ร่างกายรับเข้าไปเป็นจำนวนมากและกำจัดออกได้ไม่หมด สาเหตุหลักคือการมีไขมันในเลือดสูง ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงมีความหนืดข้น และจับตัวเป็นกลุ่มก้อน นี่อาจเป็นร่องรอยที่นำไปสู่การเกิด โรคหลอดเลือดสมอง ไขมัน และโรคหัวใจ ในอนาคตได้ ประกอบกับค่าไขมันเลว คลอเรสเตอรอล และไตกรีเซอไรด์จากการตรวจเลือที่อยู่ในระดับปริ่มๆ จนเกือบจะเกินมาตรฐาน และมีตัวแปรที่เพิ่มความเสี่ยงจากกรรมพันธุ์เข้ามาด้วย ทำให้ฉ้นต้อง "เลือก" ที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตในวัย 50 ต้น ๆ ทันที ฉันหันมาออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเดินเร็วไม่น้อยกว่า 3 กม./ วัน ในช่วงเย็น แทบจะเรียกได้ว่าเดินทุกวันตลอดสัปดาห์ ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะบังคับตัวเองจากคนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย ฉันต้องใช้ทริคหลายอย่างมาช่วยให้ตัวเองสนุกและท้าทายกับการออกกำลังกายเป็นประจำ ฉันเลือก ใช้ Smart Watch ที่มีตัวจับระยะทางการวิ่ง ปริมาณเผาผลาญแคลอรี่ และสามารถโหลดเพลงโปรดมาไว้ฟังระหว่างเดินออกกำลังกาย นอกจากนี้ฉันยังต้องหาใช้ตัวช่วยมาตรวจจับและวิเคราะห์คุณภาพการนอนหลับในแต่ละคืนด้วย โดย ฉันได้ปรับพฤติกรรมการนอน เพื่อให้พักผ่อนให้ได้ 6-7 ชั่วโมงต่อวัน โดยพยายามตัดทิ้งเรื่องเครียด ๆ ออกไป เพื่อให้การนอนมีคุณภาพเพียงพอ เปิดเพลงฟังทุกเช้าหลังตื่นนอนแทนการเสพข่าวสาร ฟังเพลงและร้องเพลงให้มากขึ้น หันมาเลือกกินอาหารแนวสุขภาพแม้ไม่ใช่อาหารคลีนแต่ก็จะเลือกให้มี ผัก ผลไม้ ในสัดส่วนมากพอ ที่สำคัญฉันพยายามหาโอกาสช่วงวันหยุดออกไปสูดอากาศในต่างจังหวัดเพื่อให้ปอดได้สัมผัสกับโอโซนบริสุทธิ์บ้าง พร้อมรับวิตามินทางหลอดเลือดดำ เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย สัปดาห์ละ 1 ครั้งต่อเนื่อง เพื่อเคลียร์ความเสี่ยงต่างๆ ในการเกิดโรคออกไป (Chelation Therapy) หลังจากใช้หลาย "ตัวช่วย" เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตมาระยะหนึ่ง ฉันก็เริ่มคุ้นชินกับไลฟ์สไตล์ใหม่ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจก็คือ ผลลัพท์ของตัวชี้วัดที่เริ่มเปลี่ยนไป ตั้งแต่ สกอร์วัดคุณภาพการนอน ที่ได้จาก Smart Watch บ่งบอกว่าฉันพักผ่อนได้ดีขึ้นมาก ไม่เพียงแต่ระยะเวลาในการนอนที่เป็นไปตามเกณฑ์ที่ต้องการเท่านั้น หากแต่ยังสามารถหลับได้ลึกขึ้น จนรู้สึกได้ถึงความสดชื่น แทบทุก ๆ เช้าของวันใหม่ สิ่งที่ทำให้ใจฟูมากขึ้นไปอีกก็คือ ผลการวิเคราะห์เซลล์เม็ดเลือดแดง ที่เป็นตัวแปรบ่งชี้ความเสี่ยงในการเกิดโรค มีรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เซลล์มีการเรียงตัวอย่างสวยงามมากขึ้น กระจายตัวได้ดีขึ้น และเซลล์ยังมีสภาพที่สมบูรณ์ขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ที่สำคัญกลุ่มตะกรั่นที่แสดงร่องรอยของสารตกค้างในเลือดก็ปรากฏชัดเจนเหมือนเดิมอีก ฉันอาจโชคดีอยู่บ้างที่ยังกู้ “ต้นทุนสุขภาพ” ให้ฟื้นกลับมาได้ แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าฉันจะปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ สิ่งที่ฉันจะต้องทำต่อจากนี้คือการ "รักษาต้นทุนสุขภาพ" ให้อยู่ในระดับนี้ต่อไป ต้องไม่ประมาทกับการกินและพฤติกรรมการใช้ชีวิต เพื่อลดความเสี่ยงและความน่ากลัวของโรคเรื้อรังและโรคร้ายต่าง ๆ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพคู่ไปกับ “สังคมสูงวัย” ในขณะนี้เครดิตภาพ ภาพหน้าปก โดย corelens จาก Canvaภาพประกอบ 1-3 โดยผู้เขียน ภาพประกอบที่ 4 โดย @Lifestylememory จาก Freepikออกกำลังกายอยู่บ้านได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !