อื่นๆ
พรานป่ากับป่าลี้ลับ
.jpg)
เครดิตภาพ: https://www.pinterest.com/pin/320388960961001201/?lp=true
เรื่องที่เล่านี้ก็คงจะเป็นแค่เฉพาะกับคนที่รู้จักหรือคนที่สนิทเท่านั้น เพราะประสบการณ์หลอนๆของผมนั้นเป็นประสบการณ์ที่ผมเจอมากับตัวเองเมื่อหลายปีก่อนแต่พอนึกถึงทีไรผมก็ยังจำความรู้สึกและบรรยากาศในตอนนั้นได้ดีไม่มีวันลืมเลยครับ ก่อนหน้านี้ที่ผมจะมาเปิดร้านขายอาหารอย่างทุกวันนี้ผมเคยเป็นนายพรานนำทางนักท่องเที่ยวเดินป่ามาก่อนจังหวัดที่ผมอยู่นั้นก็เป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับเขตชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งปกติแล้วผมเคยนำเป็นนักท่องเที่ยวเท่านั้นเป็นงานในครั้งนั้นที่ทำให้ผมได้เจอกับเรื่องราวหลอนๆ ก็เป็นงานที่ผมถูกผู้ใหญ่ขอร้องให้ไปช่วยเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนชายแดนดูเส้นทางเพราะเจ้าหน้าที่จะทำการเข้าจับกุมผู้ลักลอบตัดไม้เถื่อนในทีแรก
Advertisement
Advertisement
ภรรยาของผมเธอไม่ค่อยอยากจะให้ผมไปสักเท่าไหร่ เพราะกลัวจะเป็นอันตรายและลูกของผมก็ยังเล็กอยู่อีกทั้งยังเคยมีข่าวอยู่บ่อยๆพวกลักลอบตัดไม้และมีอาวุธและเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่มาหลายรอบแล้วผมเองก็ลังเลเพราะผู้ใหญ่จริงๆก็คือพ่อของผมชวนภรรยาก็ด้วยความเป็นห่วง สุดท้ายผมก็ตัดสินใจไปอยู่ดีถึงแม้จะขัดใจภรรยาอยู่บ้างแต่ก็เลือกที่จะไปทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมือนกับที่พ่อผมสอนอยู่ตลอด พ่อของผมเลยให้ไอก่อยลูกน้องพ่อคนหนึ่งติดตามผมเข้าป่าไปด้วยไอ้ก่อยในตอนนั้นอายุห่างกับผมประมาณ 3 ปีเข้าใจกันได้ไม่นาน แต่ก็รู้สึกสนิทกันเร็วคุยกันง่าย ผมกับไอ้ก่อยแล้วพ่อมาพบเจ้าหน้าที่อุทยานตามเวลานัดหมาย
ในการออกลาดตระเวนครั้งนี้จะมีผมและปล่อยที่เป็นคนในพื้นที่ พาเจ้าหน้าที่เข้าไปยังเขตที่มีชาวบ้านเคยเข้าไปเก็บของป่าแล้วบอกว่าเห็นโจรลักลอบเข้ามาตัดไม้อยู่บ่อยๆ แผนการหลายๆอย่างของผมขอไม่อธิบายทั้งหมดนะครับเพราะการเข้าป่าไปนั้นจะต้องมีการวางแผนที่ละเอียดมาก และเพื่อความปลอดภัยของทุกคนเจ้าหน้าที่อาจจะไม่ชำนาญทางเท่ากับชาวบ้านในท้องถิ่นที่อยู่กับป่ามาตั้งแต่เกิดจึงจำเป็นต้องมีคนนำทางที่เป็นคนในพื้นที่อย่างผม และให้ก่อยนำทางไปด้วยเจ้าหน้าที่ที่จะออกลาดตระเวนนั้นมีทั้งหมด 5 คนรวมพวกผมแล้วก็เป็น 7 คนสำหรับการออกลาดตระเวนในครั้งนี้ต้องใช้เวลาวางแผนเดินทางกันพอสมควรก่อนที่จะเริ่มออกลาดตระเวนจริง
Advertisement
Advertisement
ในวันถัดไปในช่วงนั้นเป็นช่วงที่พายุเข้าเร็วกว่ากำหนด กรมอุตุได้แจ้งเอาไว้ซึ่งพวกเราทุกคนนั้นออกเดินทางกันมาได้ครึ่งทางแล้วจะกลับไปก็คงจะเสียเวลาทำให้ต้องมีการวางแผนกันใหม่เล็กน้อย และเปลี่ยนระยะเส้นทางในการ ท่านลงเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงทางน้ำป่าสัตว์มีพิษ และการเดินทางที่ยากลำบากส่วนหัวหน้าเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้นำเจ้าหน้าที่คนอื่นๆนั้นชื่อวิชัยแกเป็นคนค่อนข้างเคร่งครัดและระเบียบมากๆและค่อนข้างจะดูถูกเพราะเจ้าหน้าที่ติดตามจะออกมาลาดตระเวนในครั้งนี้มีแต่คนหนุ่มทำให้แกดูถึงช้ากว่าทุกครั้งที่ผมเคยเจอ พี่แจ้ที่แจ้สูบบุหรี่หน่อยแป๊บนึงไอ้ก่อยบอกกับผมระหว่างที่เรากำลังนั่งพักกันจากการเดินทางเข้าป่าก๋อยเดินหายไปอีกด้านหนึ่งก่อนจะมีเจ้าหน้าที่ 2 คนเดินตามไปผมบอกว่ายังไงห้ามสูบบุหรี่ได้ยินไหม เครดิตภาพ:https://www.pinterest.com/pin/300474606384371777/?lp=true
Advertisement
Advertisement
พี่ชัยแกก็พูดตะโกนเสียงดังขึ้นมาทำเอาผมและคนอื่นๆตกใจกันหมดเจ้าหน้าที่ที่หลบไปก่อนหน้านี้ก็รีบหันหลัง จะมีก็แต่ไอ้ก่อยที่เดินหายไปแล้วชวนผมเองก็ไม่กล้าทำอะไรมากเพราะอายุห่างกับพี่ชัยเยอะจะเรียกว่าพี่ชัยเป็นคนที่อาวุโสและมีอำนาจสั่งการสูงสุดในทีมตอนนี้เลยก็ว่าได้ พวกเราทุกคนร้อยเกาะอยู่นานพอสมควรจนมันร่วงเลยเวลาที่ควรจะกลับมาได้แล้ว พี่ชัยเลยบอกให้ผมลองเดินไปดูว่าไอ้ก่อยมันหายไปไหน
ผมเดินไปตามทางที่เห็นครั้งสุดท้ายว่าไอ้ก่อย มันเดินเข้าไปแต่พอเข้าไปได้ไม่นานสักพักผมก็เห็นว่ามันเป็นพื้นที่ต้นไม้ใหญ่ที่มีเถาวัลย์เกี่ยวพันไปมาแถมไม่มีที่ให้ยืนหรือเดินต่อไปได้ ถ้าจะไปต่อก็ต้องเดินเลี่ยงไปอีกทางนึงมันก็ไกลออกไปอีกผมไม่คิดว่าไอ้ก่อยมันจะเดินไปทางนั้น ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติทันที เพราะเห็นเศษขี้เถ้าจากบุหรี่ของไอ้จ่อยมันหล่นลงกองอยู่ที่เดียวหมายความว่ามันน่าจะยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงนี้ เห็นว่ามันน่าจะมีแค่ทางเดียวเท่านั้นที่พอจะเดินไปได้ผมยืนคิดอยู่สักพักว่าจะกลับไปบอกทางเจ้าหน้าที่ก่อนหรือจะลองเดินไปดูไอ้ก่อยสักหน่อย แต่ผมก็ตัดสินใจกลับไปหาเจ้าหน้าที่ก่อนเผื่อว่ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆหลายหัวก็คงจะดีกว่าหัวเดียวอย่างแน่นอน
ผมเดินย้อนกลับมาทางเดิมก็เห็นเจ้าหน้าที่ที่เหลือเริ่มจัดแจงค่าของต่างๆออกจากกระเป๋าสัมภาระกันแล้วฝนกำลังจะตกผมว่าเราพักกันก่อนแล้วกันแล้วก่อยล่ะ ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าตอนนั้นท้องฟ้ากำลังมืดครึ้มเมฆดำก้อนใหญ่ลอยเข้ามาปกคลุมพื้นที่ป่า ผมเริ่มใจหายนึกถึงคำที่ภรรยาบอกว่ามันอันตรายและไม่อยากให้ผมเข้าไป มันทำให้ผมกลัวขึ้นมาอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าผมกลัวอะไรว่าไงแก้บ่อยล่ะไปไหนเดินไปตามเมื่อกี้แล้วไม่เจอครับมันอาจจะเดินไปเก็บของป่าเดี๋ยวก็คงกลับมาพี่ชัยมองหน้าผมด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่ดีนัก แต่คงไม่สบายใจที่ไอ้ก่อยมันหายไปแบบนี้เพราะที่นี่คือป่าสถานที่ที่เราไม่อาจคาดเดาอะไรได้เลยแล้วยิ่งฝนทำท่าจะตกลงมาแบบนี้ด้วยยิ่งทำให้ความกังวลมีมากขึ้น
ฝนกำลังลงมาเรื่อยๆจากที่ตกเบาๆก็ตกหนักและแรงขึ้น ทั้งลมทั้งฝนเข้าปะทะอย่างที่พวกเราทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้และดูเหมือนว่าภารกิจในครั้งนี้จะต้องยกเลิกไปเสียก่อน เพราะสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยฝนตกหนักแบบนี้พวกนั้นก็คงออกมาตัดไม้ไม่ได้หรอกครับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ชื่ออ้วนพูดขึ้นระหว่างที่พวกเรากำลังหลบฝนอยู่ใต้ผืนผ้าใบที่ถูกับต้นไม้ ถึงจะมีที่หลบฝนแต่พวกเราทุกคนก็เปียกกันอยู่ดีเพราะลมแรง จึงทำให้ฝนสาดเข้ามารอฝนหยุดแล้วพักกันตรงนี้พรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางกลับแล้วเราจะค่อยออกหาไอก่อยมันพี่ชัยบอก ไอก่อยก็คงติดฝนเหมือนกันในตอนนี้อาจจะกลับมาตอนค่ำๆก็ได้ ผมหันไปบอกพี่ชัยและเจ้าหน้าที่คนคุยกันก่อน จะหันกลับมามองทางที่ไอ้ก่อยมันเดินหายไป
ผมกำลังนึกถึงเรื่องเล่าจากคนเฒ่าคนแก่สมัยก่อนที่ผมเคยได้ยินมาว่ามักจะเล่นกับเรา เสมอหลอกให้เราไปอีกทางทั้งๆที่ความจริงเราต้องไปทาง เรื่องนั้นมันจะเกิดขึ้นจริงหรือเปล่าผมเองก็ไม่อาจจะรู้ได้จนกว่าจะได้เจอกับตัวเองเวลาล่วงมาจนถึงช่วงค่ำถึงแม้ฝนจะเบาลงบ้างแต่ก็ยังตกลงมาเรื่อยๆ ไอ้ก่อยก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาผมเริ่มใจคอไม่ดีเพราะไอ้ก่อยมันไม่กลับมาจริงๆผมจะบอกกับน้าคุณลูกน้องของพ่อว่ายังไงนะแกมีลูกคนเดียวอยู่ด้วยพี่ชัยเดี๋ยวผมขอลองไปเดินดูอีกสักรอบนะพี่ ผมหันไปพูดกับพี่ชัยแต่ไม่ทันจะได้ลุกไปไหน แกก็ดึงแขนผมเอาไว้ก่อนไม่ต้องหรอกทำแล้วลองมองดูรอบๆสิพี่ชัยแกพูดทิ้งท้ายเอาไว้จนผมต้องมองไปรอบๆบริเวณอยากเห็นมีใครว่าปลาเมื่อทุกอย่าง แทบจะมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเห็นต้นไม้น้อยใหญ่แต่ความรู้สึกที่ผมรู้สึกมากกว่านั้นต้องเกรงความรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังถูกต้องมองอยู่ตลอดเวลา
แต่พยักหน้ารับแทนคำตอบใจก็นึกถึงคนอยู่ตลอดว่าตอนนี้ไอ้จ่อยมันจะเป็นยังไงจะไปหลบฝนอยู่ที่ไหนโดนสัตว์ป่าทำร้ายหรือเปล่า และที่สำคัญมันยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหมเวลาผ่านไปจนมาถึงช่วงดึกท้องฟ้านั้นมืดสนิทไร้แสงจันทร์และฝนก็หยุดตก ไปแล้วทำให้ผ่อนคลายความอึดอัดและได้ออกมาเดินขยับแข้งขยับขากันบ้างถึงแม้ว่าพื้นดินจะเลอะเทอะจนเกือบจะกลายเป็นโคลนเลยก็ตาม การเข้าป่ามาแบบนี้ทุกคนก็ต้องเตรียมใจพร้อมเจอกับทุกสถานการณ์อยู่แล้ว พี่ใหญ่กำชับกับทุกคนก่อนจะให้แยกย้ายกันไปเลือกที่หลับที่นอนของตัวเองแต่ส่วนใหญ่ก็จะเลือกอยู่ใกล้กับผ้าใบที่ดึงเอาไว้หลบฝนเมื่อตอนช่วงเย็น ที่ผ่านมาและตอนนี้ก็เป็นเวลาค่ำมากแล้วทำให้การกางเต็นท์ค่อนข้างจะยากลำบาก เพราะมองไม่เห็นอุปกรณ์ไฟฉายและตะเกียงที่พบมาก็ใช้ได้ไม่ทั่วถึงมากนักผมนอนฟังเสียงแมลงเสียงลมจนเผลอหลับไป โดยที่ไม่รู้ตัวบรรยากาศในป่าตอนกลางคืนมันเย็นสบายครับเข้าสู่ช่วงเวลาใกล้เช้าก็จะยิ่งเย็นและหนาวมากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
ผมสลึมสลือตื่นขึ้นพยายามปรับสายตามองท้องฟ้าก็เห็นว่าฟ้าเริ่มสว่างแล้วพี่แจ้แจ้ ผมหันไปมองตามเสียงที่ได้ยินซึ่งตอนนั้นสายตาก็ยังไม่ปรับสภาพมองเห็นไม่ค่อยชัดมากนักก็เห็นว่าเป็นเงารางๆคล้ายกับไอ้จ่อยกำลังยืนมองและเดินทางผมออกไปไอ้ก่อยไอ้ก่อยมันจะไปไหนผมไม่ได้ชื่อไอ้จ่อยออกไปทั้งๆที่ยังไม่แน่ใจนักผมดันตัวเองลุกขึ้นและพยายามให้มองดูอีกครั้งแต่ก็ไม่เห็นอะไรแล้ว เวลานี้เจ้าหน้าที่ทุกคนรวมถึงพี่ชัยยังคงหลับกันอยู่ผมลุกขึ้นมาจากการเก็บข้าวของฟ้าก็เริ่มสว่างมากขึ้นอีกทำให้ผอมเห็นทางผมเลยตัดสินใจเดินไปทางเดิมตามที่ไอ้ก่อยมันเดินไปเมื่อวานอีกครั้ง เดินมาจนถึงจุดเดิมที่มาก่อนหน้านี้แล้วลองมองซ้ายมองขวาอีกครั้งที่สำรวจเส้นทางก่อนจะเดินเลี้ยวไปตามทางที่พอจะผ่านไปได้ ก็เดินไปตามทางเรื่อยๆก็ได้ยินเสียงน้ำไหลซึ่งน่าจะมีลำธารอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ไอ้ก่อยมันสูบบุรีไอ้ก่อยมันอาจจะไปที่ลำธารผมเลยเดินตามเสียงน้ำไหลไปเรื่อยๆ เริ่มสว่างจะมีแสงแดดส่องผ่านกิ่งไม้มาให้เห็นบ้างแล้ว รอปากทางไปได้สักพักก็เจอกับลำธารจริงๆครับ
ผมเดินไปอยู่ที่ตรงลำธารน้ำใส่มือขึ้นมาล้างหน้าล้างตาเล็กน้อยก่อนจะเห็นว่ามีบุหรี่สีแดง ไหลมาตามน้ำซึ่งสีแดงที่ว่านั้นก็ค่อยๆจางลงเรื่อยๆเพราะโดนน้ำผมมองไล่ขึ้นไปตามลำธารก็เห็นคนนอนอยู่ใกล้ลำธาร ทางออกไปไกลพอสมควรในใจผมคิดทันทีเลยครับมันน่าจะเป็นไอ้ก่อยอย่างแน่นอน ผมรีบวิ่งเข้าไปเพื่อดูให้ชัดเจนยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งเห็นชัดว่าคนที่นอนอยู่นั่นคือให้ก่อยผมหยุดชะงักทันที ที่เห็นได้บ่อยคงไม่ต้องบอกนะครับว่ามันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าเพราะสภาพที่เจอนั้นมันไม่ใช่สภาพของคนปกติอย่างแน่นอนผมเดินเข้าไปบ่อยๆก็ยิ่งรู้สึกพะอืดพะอม จนอยากจะอ้วกเลยล่ะครับใบหน้าของไอ้ก่อยบวมมากในปากของมัน จากบุหรี่สีขาวๆก็กลายเป็นสีแดงสด และมีรอยช้ำตามแขนและขาของมันสภาพตอนนี้มันน่าเวทนามากๆผมสะดุ้งสุดตัวตกใจจนหงายหลังล้มลงเพราะอยู่ๆมือของอร่อยที่อยู่ใกล้ริมน้ำ นั้นมันขยับผมรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งกลับไปทางเดิมพร้อมกับตะโกนโวกเวกโวยวายลั่นป่าจนกลับมาที่เดิม
ก็เห็นพี่ชัยและเจ้าหน้าที่คนอื่นทำท่าตกใจไม่ต่างกันกับผม ไอ้ก่อยไอ้ก่อยก็ตายแล้วพี่ ดูท่าทางตกใจมากไม่ต่างกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆอะไรนะที่ไหนไปเจอมันที่ไหน และเจ้าหน้าที่คนอื่นไปที่ลำธารที่ผมเจอไอ้ก่อยมานอนตายอยู่ ทันทีที่มาถึงสภาพใบหน้าแต่ละคนที่มองไปที่ส่งของอีกหน่อยก็ไม่ต่างจากที่ผมเจอมันครั้งแรก ใครจะกล้าทำแบบนี้วะเนี่ย ฝนตกปลาก่อนจะเดินหนีออกไปให้ห่างจากบริเวณที่ส่งให้ข่อยนอนอยู่ ตอนนี้ฟ้าสว่างเต็มที่แล้วทำให้เห็นอะไรๆชัดเจนมากขึ้น ไม่มีร่องรอยหรืออะไรที่จะบ่งบอกว่ามีการทำร้ายกันเกิดขึ้นที่บริเวณนี้และความคิดของผมก็ไปตรงกับพี่ชัยไว้ก่อนน่าจะโดนฆ่ามาก่อนแล้วก่อนที่จะเอามาทิ้งไว้ใกล้ลำธารส่วนเรื่องคนร้ายที่ค่ายไก่นั้นคงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ เครดิตภาพ:https://www.artstation.com/artwork/scary-forest
แต่สิ่งที่พวกเราทุกคนเริ่มกังวลในตอนนี้ก็คือจะพาส่งของไม่กลับไปได้ยังไง สุดท้ายเราทุกคนก็เลยลงความเห็นกันว่าจะใช้ผ้าใบที่คลุมกันฝนเมื่อคืนขอให้ปล่อยเอาไว้และใช้เชือกมัดหัวมัดท้ายแปลกหน้าคนหลังคนหายก่อนกลับไปที่บ้านของมันซึ่งระหว่างทางที่แบกศพให้ข่อยกลับไปนั้นทุกคนต่างก็ผลัดเปลี่ยนกันแบบเป็นระยะระยะ ฟ้าฝนก็ไม่ค่อยเป็นใจมันตกกระหน่ำลงมาตั้งแต่ช่วงใกล้เที่ยงตลอดระยะเวลาที่พวกเราเริ่มเดินทางกลับมาผ้าใบที่จะใช้กันฝนก็ไม่มีแล้วเพราะใช้ห่อศพอยู่เราทุกคนเลยต้องยืนหลบฝนใต้ต้นไม้ใหญ่แต่พี่ไม่มีอะไรป้องกันทั้งฟ้าร้องลมแรงยิ่งทำให้พวกเราทุกคนหนาวสั่นกันไปหมดไหว
ผมเลยถามอ้นที่ดูเหมือนว่าเขาจะมีอาการหนาวสั่นมากกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัดใบหน้าอ่อนในตอนนั้นถึงจะมีน้ำเกาะอยู่แต่ผมก็รู้ดีว่ามันเพียวมากแค่ไหนพี่ชัยเดินมาดูใกล้ๆก่อนจะหันมามองผม น่าจะอาการไม่ดีซะแล้วทำให้เจ้าหน้าที่ที่เหลือต้องช่วยกันถอดเสื้อนอกของตัวเองที่ใส่กูมาไว้กลางให้ฝนตกใส่อ้วนน้อยที่สุด แต่มันก็แทบจะไม่ได้ผลอะไรเลยครับเพราะเชื่อนั้นทั้งเปียกชื้นและหนักไปด้วยน้ำฝนที่ตกลงมาไม่ยอมหยุด ผมจำได้ดีเลยครับว่าสถานการณ์ในตอนนั้นมันทำให้ผมคิดอยู่ตลอดเวลาว่าทำไมผมถึงไม่เชื่อคำของภรรยาผมจู่ๆเจ้าหน้าที่คนที่ชื่อยักษ์ ที่เดินทางจากผมไปนั้นก็เกิดลื่นและไถลไปชนกับผ้าใบยี่ห้อศพของแม่อร่อยทำให้ผ้าใบที่ห่อศพให้ก้อยเอาไว้วิ่งไปแล้วเปิดห้องของไอ้ปลวกมาให้เราเห็นอีกครั้งทุกคนต่างตกใจนะรีบช่วยกันยกเลิกให้ข่อยกลับมาห่อผ้าใบไว้เหมือนเดิมสุดท้ายก็กลับไปอยู่ในห่อผ้าใบเหมือนเดิม
แต่พวกเราติดผลแล้วไปต่อไม่ได้ทำให้ต้องติดอยู่ในป่ากับศพของไอ้ก่อย ฝนตกเกือบตลอดทั้งวันและมีสลับหยุดบ้างแล้วตกหนักบ้างเป็นสัญญาณบอกให้พวกเราทุกคนรู้ว่ามีพายุเข้าแล้ว และถ้าไม่รีบกลับออกไปหรือติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลือจากข้างนอกเราคงจะแย่มากกว่านี้ติดต่อได้หรือเปล่าพี่ชัยพี่ชัยพี่กำลังพยายามวิทยุสื่อสารอยู่ตลอดตั้งแต่เมื่อวานก็ไม่ได้รับสัญญาณใดๆตอบกลับมาเลย พรุ่งนี้ต้องออกไปให้ได้ไม่อย่างนั้นพวกเราแยกกันแน่ๆ เพราะพี่ชัยพูดจบก็หันไปบอกพี่อ้นมันเหมือนกับผมตอนนี้คนไข้ขึ้น และตัวสั่นแทบจะตลอดเวลาทุกอย่างเริ่มเลวร้ายลงเรื่อยๆทั้งมีคนตายแล้วคนป่วยหนักซึ่งสถิตอยู่ในนี้นานๆแล้วฝนยังไม่ยอมหยุดตกก็อาจจะมีโอกาสรู้เหมือนกันพี่อ้นจะไม่รอดและตามไอ้ก่อยอยไปด้วยในป่าทุกคนพร้อมใจกันไปมองรอบๆฝนตกแบบนี้ไม่น่าจะมีสปาออกมาเดินเหมือนกันอาจจะเป็นผีหรือคนเราก็ไม่อยากรู้ได้เพราะความมืดมันปิดบังทุกอย่างเอาไว้หมดใจเย็นๆนะตอนนี้เรากำลังเหนื่อยและเพลียทุกอย่างต้องมีสติเข้าไว้พี่ชัยพูดเพื่อเตือนสติทุกคน กำลังเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อยๆเวลาผ่านไปจนผมแน่ใจว่าน่าจะมาถึงช่วงกลางดึกแล้วฝนจะหยุดตกหรือเพียง
แต่ลมที่พัดเอื่อยหาความหนาวมาให้พวกเราที่กำลังเปียกปนค่อยๆแคะขี้มูกเพราะเป็นหวัดและจุดไม้ขีดไฟติดตัวมานั้นก็เปลี่ยนจนไม่ติดไม้ขีดก็เปียกหมดถึงจะมีไฟแช็คแล้วไม่ขี่ที่พร้อมจุดไปฝืนที่จะใช้ก็คงไม่มีต้นไม้แถวนั้นไม่สามารถจะนำมาใช้ก่อกองไฟได้ ยามและสลับกันนอนในช่วงใกล้เช้าผมเลือกที่จะขอเป็นคนเฝ้าเอง เพราะถ้าฟ้าเริ่มสว่างขึ้นเมื่อไหร่ผมก็จะรีบปลุกทุกคนที่ออกเดินทางต่อในทันทีผมนั่งอยู่อย่างเงียบๆท่ามกลางป่าที่เปียกชื้น ไปด้วยน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนักหน่วงจนถึงกลางดึกไม่รู้ว่าเพราะความง่วงหรือว่าผมเหนื่อยล้าจนตาฝาดไปเองพบเห็นได้บ่อย เดินเข้ามาหาผมอย่างช้าๆและคุกเข่าลงตรงหน้าผมมึงตายไปแล้วไม่ใช่หรอวะผมถามว่าไปทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นต้องไม่ใช่คนอย่างแน่นอนพี่ต้องพาผมเอาไปให้ได้นะพี่ต้องพาผมไปนะผมอยากกลับบ้าน ไอ้ก่อยบอกกับผมก่อนที่มันจะค่อยๆไอและอ้วกมาเป็นบุหรี่สีแดงเต็มพื้นดินไปหมดต่อหน้าผมผมมองภาพที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจ เรียกว่าตัวสั่นจนทำอะไรไม่ถูกเลยครับผมหันไปมองตามเสียงเรียกก็เห็นพี่ชัยก็มองตรงมาที่ผมด้วยท่าทางตกใจ เป็นอะไรร้องโวยวายอะไรเพราะมันกลับไปมองที่ด้านหน้าตัวเองอีกครั้งก็ไม่เห็นได้ไกลหรือใครเลยแม้แต่บุหรี่สีแดงปนเลือดที่ผมเห็นว่าอยู่เต็มพื้นก่อนหน้านี้ก็ไม่มี
ผมพยายามเรียกสติตัวเองกลับมาให้ได้ก่อนจะมองท้องฟ้าก็เห็นว่ามันเริ่มสว่างแล้ว และปลุกทุกคนให้เริ่มออกเดินทางทันทีตอนนี้จากที่พวกเราต้องแบกศพให้ข่อยไป 1 ศพเรายังต้องช่วยกันพยุงอ้นอีกด้วยเพราะวันนั้นป่วยหนักมากไม่มีเรี่ยวแรงเลยขอให้ข่อยก็หนักขึ้นเรื่อยๆเหมือนมันจะบวมน้ำเพราะว่าใบนั้นมีรอยขาดอยู่หลายแห่งแต่ถึงอย่างนั้นผมก็พยายามประคองกันไปจนถึงที่สุดเพราะถ้าออกไปพ้นทางเข้าเขตที่มีป้ายอุทยานแจ้ง เตือนได้พวกเราทุกคนก็คงจะเริ่มใจชื้นขึ้นมาครับแล้วมันเดินออกจากป่ามาอีกเล็กน้อยภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้พวกเราดีใจจนบางคนถึงกับน้ำตาไหลเพราะมีเจ้าหน้าที่มารออยู่แล้วซึ่งเจ้าหน้าที่มารอนั้นกำลังเตรียมตัว เอาในป่าเพราะขาดการติดต่อไปนับเป็นความโชคดีที่วันนั้นตั้งแต่เช้าถึงเย็นไม่มีฝนตกลงมาอีกเลยจะมาตกอีกครั้งก็ตอนเวลาข้ามเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่เข้าไปลาดตระเวนในครั้งนั้นต่างขยายกับการเข้าป่าไปค้างแรมกันอยู่หลายสัปดาห์รวมถึงผมเองด้วยครับที่เลิก
เป็นการนำเที่ยวตั้งแต่นั้นมาและหันมาเปิดร้านอาหารแทนส่วนผสมของไอ้ก่อย นั้นไม่ต้องคิดถึงสภาพเลยครับว่ามันจะอืดบวมขนาดไหนแต่ก็ได้ส่งศพให้ทางครอบครัวไปประกอบพิธีทางศาสนาเป็นที่เรียบร้อยและไม่มีใครถือโทษโกรธอะไรเพราะมันเป็นความเสี่ยงของหน้าที่การทำงานและก๋อยเอง ก็เป็นคนอาสาอยากจะช่วยงานนี้และโอนหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่ไปด้วยกันในวันนั้นก็ได้รับการรักษาพยาบาลจนหายดีแล้ว สำหรับประสบการณ์ของผมก็มีเท่านี้แหละครับ เด็กชายก็ตามที่อยากจะไปเที่ยวก็อย่าลืมดูสภาพฝนฟ้าอากาศให้ดีเสียก่อนโดยเฉพาะ ที่ที่เราไม่คุ้นเคยเพราะหากลงเข้าไปแล้วอาจจะไม่ได้กลับออกมาอีกเลยก็ได้นะครับ และเหตุการณ์นี้พี่ชัยก็ยังมาพูดกับผมตอนที่ได้เจอกันอีกครั้งเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาว่าถ้าไม่มีผมช่วยกันนำทางออกมาก็คงไม่มีพวกเราที่เหลืออยู่ในวันนี้ครับ
เครดิตภาพปก:https://www.needpix.com/photo/203603/fog-forest-tree-trunks-mystical-landscape-trees-spruce-conifer-tree
ความคิดเห็น
