อื่นๆ
บ้านร้างผีสิง กับวิญญานหวงบ้าน

คุณเคยไหม เมื่อเห็นบ้านร้างแล้วรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก บ้านที่ไม่มีคนอยู่อาศัยมีความรู้สึกในตัวของมันเอง เป็นความรู้สึกเหงา เปล่าเปลี่ยว และเดียวดาย เมื่อคุณนั่งมองบ้านร้างนั้นนานๆ คุณจะรู้สึกเหมือนมีเสียงเรียกจากภายในบ้าน และในที่สุด คุณก็จะรีบหนีออกไปจากตรงนั้น ลางสังหรณ์บอกให้คุณหลีกหนีไปให้ไกล
บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ตั้งอยู่ริมถนน ตัวบ้านขนาดใหญ่ เจ้าของบ้านสร้างมันขึ้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง บ้านสองชั้นทาสีไข่ไก่ หลังคาสีแดง บ้านหลังนี้ประกอบด้วยพ่อบ้าน แม่บ้านและลูกสามคน ลูกคนโตเรียนอยู่มัธยมปลาย ส่วนลูกคนกลางเรียนอยู่มัธยมต้น และน้องคนสุดท้องกำลังเรียนชั้นประถม ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่สงบสุขครอบครัวหนึ่ง เป็นบ้านที่แสนเอื้ออารีย์ เวลาไปเที่ยวไหน ก็มักมีขนมมาฝากคนข้างบ้านเสมอๆ
Advertisement
Advertisement
สมาชิกในครอบครัวคงจะอาศัยอยู่ในบ้านอย่างสงบตราบนานเท่านาน คุณคิดอย่างนั้นใช่ไหม แต่ไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่ใจคิดหรอก เพราะว่าวันหนึ่งก็มีเหตุการณ์พลิกผัน ทำให้บ้านหลังนี้ ไม่สงบเหมือนดังเก่า เหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่ครอบครัวนี้ไปพักผ่อนทั้งครอบครัวที่ต่างจังหวัด แต่ลูกสาวคนโตเธอเลือกจะอยู่บ้านเพราะต้องอ่านหนังสือสอบ
โชคดีหรือโชคร้ายของลูกสาวคนโตก็ไม่ทราบ เพราะขณะที่กำลังเดินทางกลับจากพักผ่อน ขณะนั้นเป็นเวลาดึกแล้ว ฝนพรำบนถนนหลวง และสุดท้ายก็เกิดอุบัติเหตุกับครอบครัวนั้น ทุกคนไม่มีใครเหลือชีวิตรอดอยู่เลย หลังเกิดอุบัติเหตุน่าเศร้า ลูกสาวคนโตไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนั้นได้ เธอตัดสินใจย้ายไปอยู่กับญาติผู้ใหญ่ และประกาศขายบ้านหลังนี้ทิ้งไป
Advertisement
Advertisement
ในตอนนั้น หลายคนได้แต่สงสัย บ้านออกหลังใหญ่โต และเป็นมรดกชิ้นเดียวที่พ่อและแม่มอบไว้ให้เธอ ทำไมเธอตัดสินใจขายเสียเล่า อย่างน้อยเมื่อเธอมีครอบครัว เธอจะได้มีที่อยู่อาศัย บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่สวยมาก พวกเขาได้แต่เสียดาย
สุดท้ายเธอได้เปิดปากออกมาว่าเธอเจอวิญญาณพ่อและคนในครอบครัว พวกเขากลับมาอาศัยอยู่ที่บ้านอีกครั้ง วิญญาณของพวกเขายังไม่ไปไหน ยังคิดว่าตัวเองไม่ได้เสียชีวิตไป และปรารถนาที่จะอยู่ที่นี่ตลอดไป และที่สำคัญ พ่อและคนในครอบครัว ยังห่วงเธออยู่ อยากให้เธอใช้ชีวิตต่อไปได้ คนในครอบครัวยังมีห่วงอยู่
ด้วยความที่บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่สวย มีบริเวณพอเหมาะ อยู่ติดถนนใหญ่ และราคาไม่แพง ทำให้ในไม่ช้า ก็ขายได้ ในที่สุดก็มีผู้อยู่อาศัยคนใหม่ย้ายมาอยู่ที่นี่ และตอนนั้นเอง ที่เรื่องราวสยองขวัญได้ถูกถ่ายทอดเล่าต่อกันมา
Advertisement
Advertisement
ผู้อยู่อาศัยรายต่อมาเป็นครอบครัวสามคน พ่อ แม่และลูกเล็ก ทั้งสามอาศัยอยู่ในบ้านได้ราวเดือนเศษก็ตัดสินใจย้ายออก ซึ่งก่อนจะย้ายออก เขาบอกว่าบ้านหลังนี้เจ้าของเก่าหวง ยามดึก จะมีรถยนต์มาจอดหน้าประตูบ้าน เพื่อเตรียมเข้าบ้าน สายไฟสาดส่องเข้ามาจนในห้องนอนเขาสว่างจ้า และในที่สุด แสงสว่างนั้นก็ดับไป บางครั้งลูกของเขาก็มองออกไปนอกระเบียง และเอาแต่ร้องไห้ ท่าทางราวกับหวาดกลัวอะไรสักอย่าง และที่ร้ายที่สุดคือ วิญญาณเจ้าของบ้าน วิญญาณสมาชิกในบ้านทุกคน ผลัดกันเดินวนเวียนไปมาในบ้าน ใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้ ทั้งอาบน้ำ กินข้าว เขาได้ยินเสียงการทำกิจวัตรประจำวัน เสียงล้างจาน เสียงช้อนกระทบกับจานข้าว เสียงพูดคุยพึมพำ เสียงเหล่านี้ทำให้ภรรยาของเขาขวัญเสีย ยามนอนแทบหลับได้ไม่เต็มตา เขารู้สึกราวกับว่าพลังชีวิตของเขาถูกสูบไปทีละน้อย ทีละน้อย เขาพยายามแก้ปัญหาด้วยการนิมนต์พระมาทำบุญใหญ่ หวังว่าชีวิตในบ้านหลังนี้จะสงบสุข แต่ก็เปล่าเลย สิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่สูญเปล่า สุดท้าย ชายหนุ่มหัวหน้าครอบครัวยอมพ่าย เขาตัดสินใจประกาศขายบ้านถูกๆ และย้ายเมียกับลูกออกไปโดยเร็วที่สุด
หลังจากเขาย้ายออกไป และเริ่มมีข่าวลือบ้านผีสิงแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้าน พวกเราได้แต่จับตาดูว่าบ้านหลังนี้จะมีใครมาอยู่อาศัยต่อหรือไม่ ซึ่งด้วยราคาที่ถูกยิ่งกว่าได้เปล่า กับความงามของบ้านทำให้บ้านหลังนี้เป็นที่ถูกใจใครต่อใคร และในที่สุด ก็มีผู้ซื้อรายใหม่ รายนี้คงรู้ประวัติของบ้านดี เพราะก่อนเขาจะย้ายเข้า เขามีการพาชายนุ่งขาวห่มขาว ไว้มวยผมมาทำพิธีในบ้าน ปรับปรุงบ้านใหม่ ตัดหญ้าที่รกให้เรียบตา เปลี่ยนสีบ้านจากสีไข่ไก่นวล เป็นสีชมพูอ่อน บ้านที่ดูสวยอยู่แล้ว ยิ่งน่าอยู่มากขึ้นไปอีก เขาคงมั่นใจในขวัญอันแข็งกล้าของเขา ใครต่างก็คิดเช่นนั้น
เจ้าของบ้านใหม่ อยู่ได้แค่เพียงสามอาทิตย์เท่านั้น จากนั้นเขาก็ย้ายออก ประกาศขายบ้าน จากคำบอกเล่าของเขา เจ้าของบ้านใหม่ เจอกับวิญญาณของเจ้าของบ้านคนเก่าไม่ต่างจากรายก่อนหน้า และนั่นก็ทำให้เขาทนไม่ไหว
บ้านหลังนี้ร้างมาหลายปี คุณคงจะสงสัยใช่ไหม ว่ามีใครสนใจอยากอยู่บ้านหลังนี้อีกหรือเปล่า
ขอตอบว่าไม่มีใครใจกล้าเข้ามาอยู่ ป้ายประกาศ “ขายบ้านด่วน ราคาถูก” ยังคงแขวนห้อยอยู่ที่ประตูเหล็กสีชมพูหน้าบ้าน ตัวป้ายค่อยๆ เก่าคร่ำลงทีละน้อย ในบางคืนเมื่อมีใครบางคนขับรถผ่านหน้าบ้าน พวกเขาจะเห็นแสงไฟสว่างไสว และเงาคนวูบวาบราวกับมีผู้อยู่อาศัย
หญ้าในสนามหน้าบ้านยาวขึ้นเรื่อยๆ และประตูเหล็กก็เก่าคร่ำ ทุกครั้งที่ฉันผ่านบ้านหลังนี้ ฉันรู้สึกได้ถึงความเปล่าเปลี่ยวที่รายล้อมโดยรอบ ลมพัดเย็นๆ พาลทำให้รู้สึกประหวั่นในกายอย่างบอกไม่ถูก
ฉันรีบขับรถผ่าน ก่อนที่ใครสักคนในบ้าน จะโบกมือเรียกฉันให้เข้าไป
ความคิดเห็น
