อื่นๆ
สิ่งที่คิดได้เมื่อฉันเลิกเล่น Social Media

ก่อนหน้านี้ฉันเริ่มรู้สึกตัวว่าติดเจ้าโซเชียลมากเกินไป ติดเสียจนไม่กินข้าว ตื่นมาต้องเปิดโทรศัพท์มือถือก่อนเลย เข้าห้องน้ำก็ใช้ เดินบนถนนก็ใช้ ไปกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวก็เช่นกัน ฉันนั่งจิ้มโทรศัพท์มือถือ
แม่เคยบ่นเรื่องนี้เหมือนกันถึงความประพฤติของฉัน
“นานๆ จะเจอกันพร้อมหน้าพร้อมตา ก็เอาแต่เล่นโทรศัพท์มือถือกัน”
จริงๆ เป็นเรื่องที่แย่ ไม่เลยล่ะ แย่มากที่แม่จะต้องมานั่งดูฉันกับพี่สาวนั่งเล่นโทรศัพท์ เราเคยปรึกษากันว่าจะซื้อโทรศัพท์สมาร์ทโฟนให้แม่เล่นบ้างดีไหม แม่จะได้ติดบ้าง ทีนี้ก็นั่งจิ้มโทรศัพท์กันสามคนเลย สบายแฮ
Advertisement
Advertisement
เคยถามแม่เหมือนกัน แม่บอกว่า “ไม่เล่นล่ะ แม่ชอบอ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ ฟังเพลงมากกว่า แก่แล้ว ไม่อยากเพ่งหน้าจอ”
ฟังๆ ดูนี่ก็เป็นงานอดิเรกของฉันก่อนที่ฉันจะติดโทรศัพท์เข้าขั้นนี่นา
วันหนึ่งขณะไปกินข้าวกับครอบครัวที่ร้านอาหารเจ้าดังในจังหวัดของฉัน ฉันเตรียมจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตามนิสัยประจำตัว แต่ก็เหลือบไปเห็นครอบครัวหนึ่ง เดาว่าท่าทางจะคนต่างถิ่นด้วยน้ำเสียงที่ใช้ในการสั่งอาหาร หลังสั่งอาหารเสร็จ สามคนพ่อแม่ลูก นั่งจิ้มโทรศัพท์กันอย่างขะมักเขม้น
ภาพนี้เองที่ทำให้ฉันได้คิด...
สามคนพ่อแม่ลูก อุตส่าห์มาไกลจนถึงต่างจังหวัด แต่กลับไม่ได้มองสิ่งรอบกายเลย จริงๆ ร้านอาหารร้านนี้ตกแต่งสวยมาก พวกเขาน่าจะดื่มด่ำกับความสวยงามที่เจ้าของร้านตั้งใจจัดไว้หน่อยนะ
Advertisement
Advertisement
Advertisement
Advertisement
คิดได้แบบนั้น ฉันเลยเก็บโทรศัพท์และหันมาคุยกับคนในครอบครัวแทน
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ฉันเลยตั้งใจว่าจะเลิกเล่นโซเชียลแบบเก่าๆ แล้ว เอาที่จำเป็นดีกว่า จริงๆ เมื่อก่อนนั้นฉันคิดว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในอินเตอร์เน็ตนั้นจะสำคัญกับฉันไปเสียหมด แต่ถ้าลองหันมามองจริงๆ แล้ว มีบางเรื่องเท่านั้นที่สำคัญกับเรา แต่บางเรื่องเราก็ไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ ในแต่ละวันมีข้อมูลมากมายมหาศาลเข้าสมองเรา และแน่นอน มันไหลออกไปเร็วมาก บางทีสามวันเราก็ลืมเรื่องพวกนั้นไปหมดแล้ว
รูปภาพโดย coffeebeanworksจาก Pixabay
ทำให้บางครั้งอดถามตัวเองไม่ได้ว่า นี่เราใส่ใจเรื่องคนอื่นมากกว่าคนข้างตัวหรือเปล่า เรากำลังทำให้คนในครอบครัวของเราน้อยใจอยู่หรือเปล่า
ฉันเริ่มต้นด้วยการลบแอพพลิเคชั่นที่มีออกจากโทรศัพท์ไปเสียก่อน ยกตัวอย่างเช่น IG Twitter Facebook เหลือ Line กับโปรแกรมแชทเอาไว้คุยงานก็พอ ตอนแรกฉันเกรงว่าหากไม่เข้า Facebook จะตกข่าวสำคัญๆ แต่จริงๆ หากชมโทรทัศน์ก็สามารถรู้ข่าวสารต่างๆ ที่ละเอียดและครบถ้วนมากกว่า ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือการได้ดูข่าวไป คุยสาระในข่าวกับแม่ไป นับเป็นบรรยากาศอบอุ่นที่ไม่มีมานานแล้วในบ้านของเรา
หลังจากลบแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ และเลิกติดโซเชียล ฉันพบว่าตัวเองมีเวลาล้นเหลือ ได้อ่านการ์ตูน ได้อ่านหนังสือ ฟังเพลงที่อยากฟัง อร่อยกับอาหารได้ทันทีที่อาหารยกมาเสิร์ฟ ก็แน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ฉันต้องถ่ายรูปสามสี่รูป กว่าจะได้รูปอาหารที่น่ากินที่สุดมาอวดเพื่อน ๆ ใน Social เพื่อเรียก Like และให้เพื่อนมา Comment กว่าจะได้ทานอาหารจริงๆ อาหารก็เย็นชืด และแม่ยังต้องนั่งเท้าคางมองว่าเมื่อไรจะได้รูปที่สวยสักที
ฉันลองใช้ชีวิตที่ไม่มีอินเตอร์เน็ตดู
เป็นโลกที่ไม่มีไอจี ไม่มีเฟสบุ๊ค ไม่ได้เห็นชีวิตของคนอื่นๆ ละม้ายคล้ายคลึงกับชีวิตหลังเขาก็ว่าได้
อาจจะเหงาอยู่บ้างแต่กลับพบข้อดีหลายข้อทีเดียว
อย่างแรกคือฉันมีเวลาทำอะไรหลายสิ่งหลายอย่างได้มากขึ้น..
มีเวลาอ่านหนังสือเล่มหนาได้จบภายในสองสามวัน มีเวลาชมความงามของสิ่งรอบกาย สายลม แสงแดดและทุกอย่างที่ประกอบรอบตัวเรา
มีเวลาคุยกับคนข้างตัวมากขึ้น
มันก็ตลกดีนะที่เจ้าสิ่งที่เรียกว่าสมาร์ทโฟนสามารถฉกชิงเวลาจากคนใกล้ชิดของเราไปได้มากขนาดนี้
เหมือนจะใกล้. ..แต่ไกลห่าง
ขณะที่เราก้มหน้าก้มตากดๆจิ้มๆเราเคยถามตัวเองไหมว่าเราละเลยอะไรไปบ้างหรือเปล่า
เราปล่อยให้คนข้างตัวของเราเหงา. .แม้ว่าจะนั่งใกล้กันแค่ไหนก็ตามที
บางทีที่ฉันไปในที่สาธารณะ. .ผู้คนรอบกายล้วนแต่กดโทรศัพท์จนแทบจะเดินชนกัน
ไม่ได้หมายความว่าเฟสบุ๊ค, ไอจีไม่ดี
แต่ฉันว่าใช้อย่างพอดี. .พอเหมาะจะดีกว่า
โลกใบนี้ยังมีอะไรสวยงามให้เราชื่นชมอีกมาก โลกกว้างกว่าจอสี่เหลี่ยมในมือมากมายนักและอย่าลืมหันมาสนใจคนข้างๆตัวของคุณด้วย.. ."

ชอบแฟชั่น ชอบเที่ยว ชอบแชร์เรื่องราวน่ารู้มากค่ะ มาอ่านบทความของเรากันแล้วแชร์กันน้า
ความคิดเห็น
