อื่นๆ

วิญญาณแอบแฝง

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
วิญญาณแอบแฝง

Aภาพโดย igorovsyannykov จาก puxabay

    สมัยดิฉันเรียนอยู่ม.ต้น ของโรงเรียนแห่งหนึ่งแถว ๆ กรุงเทพหลังจากวิชาหลักที่ต้องเรียนก็จะมีวิชาชุมนุมที่เราสามารถเลือกได้เองว่าอยากอยู่ชมนุมไหน เช่น ชุมนุมดนตรีไทย, ชุมนุมดนตรีสากล, ชุมนุมภาษาต่าง ๆ, ชุมนุมทำอาหารและชุมนุมนาฏศิลป์เป็นต้นค่ะ

    ดิฉันก็ยืนคิดอยู่นานจึงตัดสินใจเลือกที่จะเข้าชุมนุมดนตรีไทย แต่เพื่อนของดิฉันเลือกที่จะเข้าชุมนุมนาฏศิลป์เพราะว่ามีทักษะในด้านการรำอยู่บ้าง ทุก ๆ วันหลังจากที่ดิฉันเลิกเรียนจากวิชาชุมนุมดนตรีไทยก็จะต้องไปนั่งรอเพื่อนอยู่ชุมนุมนาฏศิลป์เป็นประจำ มีอยู่วันหนึ่งเพื่อนของดิฉันก็ได้โดนคัดเลือกตัวกับรุ่นพี่อีก 4 คนให้ไปรำถวายพระพรที่โรงเรียนใกล้เคียงซึ่งดิฉันเองก็รู้สึกตื่นเต้นและดีใจกับเพื่อนเป็นอย่างมาก

     พอถึงวันใกล้ที่จะได้ไป ก็เกิดเหตุการณ์สลดใจขึ้นเพราะ 1 ใน 4 คนของรุ่นพี่ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงได้ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ดิฉันและเพื่อนได้รู้ข่าวก็รู้สึกใจหายเป็นอย่างมาก เพราะพี่คนนี้เป็นคนนิสัยดีเรียบร้อยไม่ค่อยสุงสิงกับใคร หลังจากนั้นคุณครูก็เลยต้องหาคนมารำเพิ่มอีก 1 คนซึ่งเป็นเพื่อนข้างห้องของดิฉันเอง

Advertisement

Advertisement

Aภาพโดย Addicttophoto จาก pixabay

   วันซ้อมรำวันสุดท้ายก็มาถึงหลังจากที่ซ้อมรำกันเสร็จเพื่อนของดิฉันก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาแล้วพูดว่า "เพื่อนข้างห้องเราที่มาซ้อมรำใหม่อะทำไมเค้ารำเก่งจังท่ารำก็เหมือนพี่คนนั้นเลย" พูดจบดิฉันกับเพื่อนก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที เพราะตอนที่ดิฉันได้นั่งดูตอนที่ซ้อมรำกันอยู่นั้น ดิฉันเองก็ยังแอบคิดในใจว่าทำไมเพื่อนข้างห้องที่มาซ้อมรำแค่ไม่กี่วันแต่กลับรำได้สวยงามและรำได้หวะตรงกันกับคนอื่น ๆ เหมือนกับซ้อมรำมาเป็นอาทิตย์แล้ว

    ทุก ๆ อย่างก็ดูเหมือนจะผ่านไปด้วยดีแต่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ก่อนจะถึงวันงานอีก 3 วันเพื่อนข้างห้องก็แสดงอาการแปลก ๆ อย่างเข่นชอบนั่งคุยคนเดียว หรือบางทีก็แอบมาซ้อมรำคนเดียวจนดิฉันกับเพื่อนถึงกับหลอนเพราะในบางทีทั้งแววตาและคำพูดคำจาทำไมถึงไปคล้ายคลึงกับพี่คนที่เสียชีวิตไปแล้วได้

Advertisement

Advertisement

   พอถึงวันงานทุก ๆ คนจะต้องเเต่งหน้าแต่งตัวให้พร้อมก่อนไป ขณะที่ได้นั่งแต่งหน้ากันอยู่นั้นเพื่อนของดิฉันก็เหลือบไปมองเพื่อนข้างห้องที่กำลังนั่งจ้องแต่กระจกอยู่เป็นนานสองนานเพื่อนของดิฉันก็กำลังจะเดินเข้าไปถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมนั่งจ้องกระจกนานขนาดนั้น เพื่อนข้างห้องก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วร้องไห้โวยวายเสียงดังทำลายข้าวของและพูดว่ายังไม่อยากตาย.... ยังไม่อยากตายพูดแบบนี้อยู่ซ้ำ ๆ หลายคำ

  ดิฉันกับเพื่อนจึงตกใจมากจึงได้แต่ถอยห่างออกมา สักพักคุณครูก็รีบเข้ามาช่วยกันจับตัวเพื่อนร่วมห้องเอาไว้เพื่อไม่ให้ทำลายข้าวของไปมากกว่านี้ งานวันนั้นจึงมีคนไปรำถวายพระพรกันแค่ 4 คน และดิฉันเองก็ได้ไปช่วยยกของภายในงานด้วย หลังจากเสร็จจากงานรำเรียบร้อยแล้วก็เดินทางกลับมาถึงโรงเรียนช่วงเวลาประมาณบ่าย 3 โมงเย็น

Aภาพโดย Free-Photos จาก pixabay

Advertisement

Advertisement

    พอกลับมาถึงโรงเรียนก็เห็นคุณครูเชิญแม่ของรุ่นพี่คนที่เสียในชีวิตมาจุดธูปเชิญดวงวิญญาณของลูกสาวไป ทำเอาทุกคนในโรงเรียนขวัญผวากันไปหมด ดิฉันเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของคุณแม่ท่านนั่นก็รู้เลยว่าท่านคงทุกข์ทรมานและเสียใจขนาดไหน หลังจากที่พิธีทุกอย่างเสร็จหมดแล้วเหตุการณ์เข้าสู่ในสภาวะปกติแล้วคุณครูก็ได้เล่าให้ฟังว่า

   ขณะที่จับตัวเพื่อนร่วมห้องขึ้นไปยังห้องของครูใหญ่เพื่อสงบสติอารมณ์ ก็มีคุณครูท่านนึงเห็นท่าไม่ค่อยดีจึงเอาสร้อยพระที่หิ้งมาแขวนคอให้สักพักเพื่อนข้างห้องก็สลบไป พอฟื้นขึ้นมาก็ตกใจเพราะจำอะไรไม่ได้เลย จำได้แค่ตอนสุดท้ายขณะกำลังเดินเข้าห้องน้ำแล้วมีเงาสีดำ ๆ วูบผ่านไป คุณครูทุกคนจึงเข้าใจตรงกันว่าคงเป็นดวงวิญญาณของรุ่นพี่คนนั้นที่ได้แอบแฝงมาสิงในร่างของเพื่อนร่วมห้องอย่างแน่นอน

    คุณครูจึงได้พากันไปเชิญคุณแม่ของรุ่นพี่คนนั้นมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณของลูกสาวให้กลับบ้าน คุณแม่ท่านนั้นก็เชื่ออย่างสนิทใจเพราะฝันเห็นลูกสาวมาบอกในความฝันว่ายังไม่อยากตาย หลังจากนั้นมาก็ไม่มีใครพบเจอดวงวิญญาณของรุ่นพี่คนนั้นอีกเลย

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์