อื่นๆ
การฆาตกรรมที่ไม่มี "ฆาตกร"
เมื่อนานมาแล้วจังหวัดเล็กๆติดชายแดนกัมพูชาแห่งนี้ ได้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นกับครอบครัวของนายทหารวัยเกษียณอายุที่ชื่อว่าพันโทหยอง พันโทหยองเป็นคนภูมิลำเนาจังหวัดสระแก้ว หลังจากเรียนจบนายร้อยก็ไปรับราชการทหารที่ต่างจังหวัด ก่อนจะย้ายมาประจำอยู่ที่ค่ายแห่งหนึ่งในจังหวัดบ้านเกิดพร้อมกับภรรยาและลูกชาย โดยพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักของค่ายทหาร ด้วยความที่เป็นคนไม่เรื่องมาก ไม่จุกจิก มีน้ำใจต่อเพื่อนบ้านและลูกน้องเสมอ ทุกๆคนที่อยู่รอบตัวแกจึงให้ความรักและเคารพแกมากๆ แต่แล้วชีวิตที่ราบรื่นดีของพันโทหยองก็สะดุดลงจนเกือบจะตั้งตัวไม่ได้ เมื่อภรรยาอันเป็นที่รักได้จากไปด้วยอุบัติเหตุไฟฟ้าช๊อต ทิ้งไว้ก็แต่ลูกชายวัย 10 ขวบให้ผู้เป็นพ่อดูแลต่อไป ผู้พันหยองชีวิตอยู่แบบไร้หัวใจเป็นเวลาหลายสิบปี จนกระทั่งได้พบรักครั้งใหม่กับสาวคาราโอเกะอายุ 20 ปลายๆ แม่สาวสุดแซ่บคนนี้มีชื่อว่านก พันโทผู้ห่างหายจากความรักไปแสนนานจริงจังกับความรักครั้งนี้มาก ถึงกับลงทุนสร้างบ้านหลังใหญ่กลางสวนผลไม้ที่พ่อแกยกให้ก่อนตาย หวังให้เป็นเรือนหอหลังจากเกษียณอายุราชการ แม้ลูกชายจะแสดงอาการขัดขวางและต่อต้านแม่เลี้ยงรุ่นน้องอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่เป็นผล
Advertisement
Advertisement
2 ปีผ่านไปหลังพันโทหยองได้ปลูกต้นรักกับนก แกก็เกษียณอายุและย้ายออกมาอยู่ที่บ้านสวน ส่วนลูกชายนั้นยกมือบายๆไปทำงานในเมืองหลวง แต่การใช้ชีวิตคู่ระหว่างชายแก่กับหญิงสาวไม่ราบรื่นนัก เพื่อนบ้านมักจะได้ยินสามีภรรยาทะเลาะเลาะแว้งกันบ่อยครั้ง หลักๆก็เรื่องความหึงหวงและความไม่เอาไหนในงานนบ้านงานเรือนของนก เพื่อนบ้านรายหนึ่งเล่าว่าก่อนที่พันโทหยองจะเกษียณแล้วกลับมาอยู่ที่บ้านนี้ นกมักจะพาชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันมาค้างที่บ้านบ่อยๆ โดยอ้างกับทุกคนว่าชายผู้คนดังกล่าวคือน้องชายแท้ๆ จนกระทั่งในคืนที่เกิดเหตุฆาตกรรม ผู้พันหยองได้ออกไปร่วมงานศพคนในหมู่บ้าน แต่เกิดอาการเหน็บชาที่ขารุนแรงจึงขอตัวกลับก่อน แต่เมื่อมาถึงบ้านพันโทก็มีปากเสียงรุนแรงกับภรรยาสาว เหตุเพราะภรรยาได้เชิญชวนชายหนุ่มที่อ้างวาเป็นน้องชายมาอยู่เป็นเพื่อนยามสามีไม่อยู่ เสียงทะเลาะเบาะแว้งกันรุนแรงชวนให้เพื่อนบ้านเงี่ยงหูฟัง "ปัง ปัง" เสียงปืนดังขึ้น 2 นัดทำเอาเพื่อนบ้านขาเผือกกุลีกุจอไปส่องหน้าต่างดูเหตุการณ์ เห็นชายหนุ่มที่คาดว่าเป็นชู้วิ่งเปลือยท่อนบนออกมาขึ้นรถที่จอดอยู่แล้วเผ่นออกไปทันที เมื่อไฟรถยนต์ลับตาไปความเงียบก็เข้ามาครอบคลุม เพื่อนบ้านต่างคิดว่าเหตุการณ์คงสงบลงแล้ว จึงแยกย้ายกันเข้านอน "ปัง" เสียงปืนนัดที่3 ดังขึ้นห่างกันกับ 2 ครั้งแรกเกือบ 20 นาที ถึงจะรับรู้ว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติแน่ๆแต่เพื่อนบ้านก็ต่างไม่มีใครกล้าจะเข้าไปยุ่ง สิ้นสุดเสียงปืนนัดนั้นก็ไร้ซึ่งเสียงใดๆเล็ดรอดออกจากบ้านสวนนายพันในคืนนั้นอีกเลย จนกระทั่งช่วงสายของวันถัดมา "ปัง" เสียงปืนนัดที่ 4 ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบสร้างความฉงนให้กับเพื่อนบ้านที่คิดว่าเรื่องน่าจะจบไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว บ้านตรงข้าม 2 หลังพูดคุยกันว่าสถานการณ์บ้านผู้พันไม่ดีเสียแล้ว แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่มย่าม หนึ่งในนั้นจึงเสนอให้ไปบอกลูกพี่น้องของนายพันท่านนี้ซึ่งอยู่คนละหมู่บ้าน เพื่อให้มาควบคุมสถานการณ์ หลังจากได้ฟังเหตุการณ์ทั้งหมด ญาติห่างๆไม่รอช้ารีบมาระงับเหตุก่อนที่ผู้พันหยองจะพลั้งมือฆาตกรรมภรรยาไปซะก่อน แต่ดูเหมือนว่าจะสายเกินไปเสียแล้ว ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวชายสูงวัยผู้เป็นญาติผู้พี่ของพันโททันทีที่ก้าวเข้าไปในบ้าน แล้วพบว่ามีร่องรอยของการต่อสู้ หลอดไฟส่องสว่างแตกกระจายเต็มพื้น ฝ้าเพดานที่อยู่ใกล้ก็ถูกเจาะเป็นรู มองลอดประตูของห้องนอนใหญ่ที่เปิดค้างอยู่ พบร่างชายสูงวัยนอนหงายจมกองเลือดบนเตียงนอนสีขาว เมื่อรุดเข้าไปดูใกล้ๆพบว่าร่างนั้นไร้ลมหายใจไปเสียแล้ว สภาพศพผู้พันหยองเป็นที่น่าสยดสยอง ดวงตาเบิกโพลง ปากอ้าออกกว้าง ที่ขมับขวามีรอยเจาะของกระสุน มือซ้ายจิกฟูกที่นอนไว้แน่น ส่วนมือขวาแบออกและมีอาวุธปืนตกอยู่ใกล้ๆถึงหลักฐานจะชี้ว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ญาติไม่เชื่อว่านี่คือการฆ่าตัวตายจึงรีบแจ้งตำรวจทันที และแน่นอนผู้ต้องสงสัยในคดีนี้คือชายชู้และภรรยาสาวที่หายตัวไปอย่างมีเลศนัย
Advertisement
Advertisement
การสืบสวนเริ่มต้นขึ้น แต่ตำรวจกลับไม่พบร่องรอยของนกเลยแม้แต่น้อย ส่วนนายมิตรชายชู้ที่รวบตัวมาได้ก็ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา นายมิตรอ้างว่าตนเป็นชู้รักของนกจริง ไปมาหาสู่กัยมากกว่า 2 ปีแล้ว ถึงพันโทจะระแคะระคายบ้างแต่ก็ยังไม่เคยจับได้คาหนังคาเขา จนกระทั่งวันเกิดเหตุนกได้นัดตนไปพรอดรักกันที่บ้าน เพราะคิดว่าผู้พันหยองไปทำธุระแล้วจะกลับดึก แต่ผิดแผนผู้พันกลับเข้ามาก่อน จึงทำให้มีปากเสียงกันผู้พันใช้ปืนพกยิงขึ้นฟ้า 2 ติดๆกันเพื่อเป็นการข่มขู่ก่อนเล็งปืนมาที่ตน นายมิตรกลัวมากจึงวิ่งหนีออกมาทั้งๆที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อ จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกับนกอีกเลย ถึงคำให้การของมิตรจะตรงกับคำให้การของเพื่อนบ้าน แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อจึงนำตัวมิตรไปตรวจหาเขม่าดินปืนและผลคือไม่พบเขม่าดินปืนบนตัวหรือเสื้อผ้าที่มิตรใส่ในวันนั้นเลย อีกทั้งมิตรยังมีพยานยืนยันที่อยู่ในช่วงเช้าจนถึงบ่ายของวันที่พบศพอีกด้วย ดังนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะยิงปืนนัดที่ 4 หากคำให้การของมิตรเป็นความจริงทั้งหมดแสดงว่ากระสุนที่ปลิดชีพผู้พันหยองต้องมาจากเสียง "ปัง" ในครั้งที่ 3 หรือ 4 ซึ่งผู้ลั่นไกลมีแค่ 2 คนคือนกหรือตัวผู้พันเอง แต่หากเป็นการฆ่าตัวตายเหตุใดนกต้องหนีให้ตัวเองดูน่าสงสัย ประเด็นนี้ทำให้ตำรวจปักธงฆาตกรไว้ที่นก แต่ถึงจะตามหาตัวนกแทบจะพลิกแผ่นดินก็ยังไม่เจอแม้เหงา เวลาผ่านเลยไปหลายปีตำรวจยังไม่สามารถรวบตัวนกได้ข่าวเรื่องคดีเริ่มเงียบไป แต่ข่าวลือเรื่องวิญญาณของนายพันผู้นี้กับหนักข้อขึ้นทุกที เริ่มจากเพื่อนบ้านเล่ากันปากต่อปากว่าได้ยินเสียงนายพันทะเลาะกับเมียทุกวันพระบ้าง บ้างก็เล่าว่าใครที่เข้าใกล้บ้านสวนของแกหรือจะไปขโมยผลไม้ในสวน แกก็มักจะปรากฏตัวให้เห็นในสภาพที่สยดสยอง ลือกันขั้นที่ว่าถ้าใครขับรถผ่านหน้าบ้านแกในยามวิกาลแกจะมายืนทะลึงตาใส่ เป็นที่รู้กันว่าผีผู้พันแกหวงบ้านมาก ความเฮี้ยนของแกร้อนจนถึงลูกชายต้องนิมนต์พระมาทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณผู้เป็นพ่อ และในวันนี้เองที่ปริศนาต่างๆได้ถูกเฉลย เมื่อสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ 3 ตัวที่เขานำมาด้วยได้พร้อมใจกันเห่าและขุดพื้นดินบริเวณใต้ต้นส้มโอที่มีอายุยืนยาวเป็นสิบปีแล้ว เจ้าของพวกมันจึงตามไปดูและพบสิ่งที่ผิดปกติ นั่นก็คือเศษผ้าที่ปนมากับดิน ลูกชายนายพันตัดสินใจจ้างรถแมคโครมาขุดบริเวณนี้ พร้อมกับเรียกให้เพื่อนบ้านมาช่วยกันเป็นพยาน เมื่อแมคโครลงมือตักดินเพียงแค่ครั้งสองครั้งก็พบกับโครงกระดูกมนุษย์พร้อมกับกระสุนปืนที่คาดว่าน่าจะถูกฝังกลบมาเป็นเวลานานแล้ว และเมื่อนำไปชันสูตรก็พบว่าโครงกระดูกดังกล่าวมีลักษณะทางกายภาพและ DNA ตรงกับนก รวมถึงกระสุนที่พบพร้อมกับศพเป็นกระสุนที่มาจากปืนกระบอกเดียวกันกับที่ใช้ปลิดชีพผู้พันหยอง เมื่อจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายถูกต่อทุกอย่างดูลงตัวไปหมด นกตายด้วยกระสุนปืนนัดที่ 3 ที่ลั่นไกลโดยผู้พัน ก่อนที่นายทหารจะทำการฝังกลบร่างภรรยาและพิพากษาโทษตัวเองที่ห้องนอนด้วยกระสุนนัดที่ 4 นั่นเอง
Advertisement
Advertisement
ขอบคุณรูปภาพจาก : http://www.thaiticketmajor.com/
ความคิดเห็น