อื่นๆ

สยบแพนิคEP.2 กับการฝึกวิทยายุทธตามหลักอานาปานสติ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
สยบแพนิคEP.2 กับการฝึกวิทยายุทธตามหลักอานาปานสติ

สวัสดีค่ะทุกคนจากเรื่องการสยบแพนิคEP.1 สติมาปัญญาเกิดกับบทสวดมนต์บทโพชฌงคปริตรที่เราได้เขียนไปแล้วนั้นมาตามต่อกับการสยบแพนิคEP.2กันค่ะ และจากEP.1ที่เราว่าด้วยเรื่องสวดมนต์บทโพชฌงคปริตรตลอดระยะเวลา 2 ปีแล้วทำให้เข้าใจได้เฉพาะตนว่าวิธีที่จะสยบแพนิคได้นั้นก็คือการเจริญตามหลักอานาปานสติ

พระพุทธเจ้าซึ่งการเจริญตามหลักอานาปานสติคือการรู้ลมหายใจเข้าออก จากครั้งแรกเราทำการนั่งสมาธิตามลมหายใจเข้าออกค่ะ นั่งไปจับได้ว่าตัวเองฟุ้งซ่านมากคิดโน้นนี่ไม่นิ่งเลย แต่ก็ยังคงนั่งสมาธิไม่ละเลิก และเมื่อนั่งสมาธิไปบ่อย ๆ เราจะสัมผัสได้ว่าหลังจากนั่งสมาธิแล้วออกจากสมาธิไปได้ประมาณ 5 - 10 นาทีอารมณ์เราคือนิ่งจริงค่ะ แต่หลังจากนั้นเวลาผ่านไป 10 นาทีคืออารมณ์นิ่งหายไปแล้วฟุ้งซ่านเหมือนเดิม แล้วไม่สามารถที่จะกำจัดอาการแพนิคได้ในช่วงเวลานั้น แล้วก็มารู้ตัวเองว่า สิ่งที่ควรทำเพื่อกำจัดแพนิคคือการเจริญอานาปานสติแบบลืมตาค่ะ ทำแบบสู้สุดใจเพราะได้ทริคที่รู้ได้เฉพาะตนเลยว่า ถ้าเรามีสติกับลมหายใจแบบไม่ปล่อยให้ใจฟุ้ง ไม่ให้มีช่องว่างฟุ้งเลยแม้แต่น้อยแพนิคจะคลายตัวไปในที่สุด เพราะอะไรรู้ไหมคะทุกคนในช่วงที่เราเป็นแพนิคแล้วฝึกปฏิบัติตามหลักอานาปานสติคือตามรู้ลมหายใจ  ในช่วงเเรกที่จิตยังไม่แข็งแรงขอใช้คำว่าไม่แข็งแรงนะ เพราะจิตเรารู้สึกว่าจิตไหลตามอารมณ์ความรู้สึกแบบเกินต้านดึงขึ้นมายากมากคือดึงจิตให้มาอยู่กับตัวไม่ได้เลย เราพิจารณาได้ว่าตอนที่เกิดอาการแพนิคจิตเราไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่จิตไหลไปตามอารมณ์แล้วอารมณ์ของเจ้าแพนิคนั่นคืออารมณ์กลัวกลัวแบบไม่มีสาระประโยชน์ จะเปรียบเทียบให้ทุกคนเห็นชัดเลยนะเพราะแว็บแรกที่เราคิดได้ว่าควรเปรียบเทียบการเกิดแพนิคของตัวเรากับอะไรดี มันก็คิดขึ้นมาทันทีได้เลยนะ

Advertisement

Advertisement

พระพุทธรูป ทุกคนเคยเห็นหรือเคยดูละครแล้วเห็นบ่อน้ำบาดาลของหมู่บ้านสมัยก่อนไหม?

ที่เวลาชาวบ้านต้องการใช้น้ำบาดาลของหมู่บ้านจะต้องนำถังน้ำเล็ก ๆที่มีหูหิ้ว ผูกเชือกไว้แล้วหย่อนลงไปในบ่อน้ำลึกเพื่อตักน้ำขึ้นมาใช้ มันใช่เลย จิตเราเปรียบให้เหมือนถังน้ำเล็ก ๆ ที่ผูกเชือกไว้แล้วเมื่อหย่อนถังน้ำลงไปเปรียบเหมือนการที่จิตไหลไปตามอารมณ์กลัวเรื่อย ๆ แล้วคือตัวคนหย่อนเชือกคือตัวเราที่ไม่สามารถดึงจิตขึ้นมาอยู่กับเนื้อกับตัวเองได้ เพราะจิตไหลไปตามอารมณ์แล้วทุกคนดำดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆ จนยากจะดึงถังน้ำขึ้นมาได้ เข้าใจได้ใช่ไหมทุกคน พอจะเห็นภาพกันไหม เลยทำให้เราเกิดอาการแพนิคไปต่าง ๆ นา ๆ อย่างเราคือรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นลมตอนเกิดอาการแพนิคทั้ง ๆ ที่ถ้าจิตอยู่กับเนื้อกับตัวอาการเหล่านี้จะไม่เกิดกับตัวเราเลยแม้แต่น้อย เมื่อเราปล่อยจิตไหลไปตามอารมณ์กลัว เมื่อเรากลัวสิ่งที่ตามมาคือสารเคมีด้านลบมันจะหลั่งออกมาในสมองแล้วทำให้เกิดอาการต่าง ๆ นา ๆ มือชาบ้าง หัวใจเต้นแรงบ้าง จะเป็นลมบ้าง เป็นต้น คือเป็นอาการที่ไม่พึงประสงค์เลยทุกคน เพราะฉะนั้นต้องฝึกรู้ลมหายใจเข้าออกให้จิตแข็งแรงกันนะ

Advertisement

Advertisement

ไหว้พระพุทธรูป เมื่อเรารู้แบบนี้แล้วทุกวันนี้เราเข้าใจเลยว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการมีชีวิตอยู่คือลมหายใจเพราะทุกวันนี้เราให้ความสำคัญกับการตามรู้ลมหายใจมาเป็นอันดับหนึ่งเลย เราจะฝึกปฏิบัติแบบเกินร้อยเพื่อให้หายจากอาการแพนิคเเบบร้อยเปอร์เซ็นต์โดยดูหลักคำสอนของครูบาอาจารย์หลายท่านในยูทูบ เช่นธรรมะของหลวงตามหาบัว คำสอนของท่านที่เราจำขึ้นใจคือท่านบอกว่า การฝึกปฏิบัติภาวนาพุทโธอย่าได้ขาด อย่าเหลาะแหละโลกเลก  นี่แหละเรานำคำสอนของหลวงตามหาบัวมาใช้ทุกวันนี้ รวมถึงคำสอนของหลวงปู่ฤาษีลิงดำที่เราก็ฟังธรรมะของท่านในยูทูบอีกนั่นแหละ ว่าปฏิบัติภาวนาอย่าทำเล่น ๆ ทำเล่น ๆ อย่าทำดีกว่าไม่มีประโยชน์ คือใช่เลยโดนใจกับคำสอนควรทำอะไรแบบเอาจริงเอาจังใช้ความอดทน และมันก็ได้ผลแบบค่อยเป็นค่อยไปศึกษาธรรมะแล้วนำมาปฏิบัติ เราจะเริ่มรู้ได้เฉพาะตนเหมือนคำสอนของพระพุทธเจ้ามันจะไม่ได้แก้แพนิคได้ในทีเดียว แต่มันจะค่อย ๆ รู้หลักการสยบแพนิคมาเรื่อย ๆ แล้วทำให้เราสามารถที่จะสยบแพนิคได้ในที่สุด

Advertisement

Advertisement

การเจริญจิตตามหลักอานาปานสติการรู้ลมหายใจเวลาเราต้องเผชิญหน้ากับแพนิคสำหรับเราไม่เอาอะไรเลยนะหมายถึงไม่เอาความคิดใดใดมาปะปนในสมองแม้แต่น้อย เเต่เราจะตามรู้ลมหายใจอย่างเดียว หายใจเข้าก็รู้ หายใจออกก็รู้ หรือบางครั้งก็ภาวนาหายใจเข้าจะพุท หายใจออกจะโธคิดในใจ ไม่ให้มีช่องว่างคิดถึงอารมณ์อะไรที่มันจะแทรกเข้ามาได้เลย เช่น เดินอยู่เราก็จะมีสติกับการหายใจรู้ว่าเราหายใจเข้า เราหายใจออก พอจิตจะแว็บไหลไปตามอารมณ์ที่จะทำให้เกิดแพนิค เราจะดึงกลับมารู้ลมหายใจเข้าแล้วรู้ลมหายใจออก คือแบบสู้มาก แล้วต้องฝึกฝนปฏิบัตินะทุกคนมีเวลาว่างเมื่อไรฝึกเลยอย่าได้ขาด เพราะถ้าเราไม่ฝึกรู้ลมหายใจเข้ารู้ลมหายใจออก แต่เรารู้เทคนิคว่าจะเผชิญหน้ากับแพนิคยังไงเหมือนที่รู้ว่าต้องตามลมหายใจ แต่เมื่ออารมณ์กลัวมาจริง ๆ เราจะสู้ไม่ได้เพราะจิตไม่แข็งแรง แต่ถ้าเราฝึกจิตให้อยู่กับลมหายใจจนจิตแข็งแรง ต่อไปเมื่อต้องเผชิญหน้ากับแพนิคเราจะสยบมันได้เพราะจิตเราแข็งแรงสามารถดึงจิตมาอยู่กับเนื้อกับตัวเราได้ ไม่อ่อนแอไหลอ่อนไปตามอารมณ์นะทุกคน

ไหว้พระพุทธเจ้า และเรานะนอกจากการฝึกวิทยายุทธตามหลักอานาปานสติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าและเกจิอาจารย์หลายท่านแล้ว มีอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องฝึกคือการฝึกเจริญจิตภาวนาพุทโธเพื่อนำมาผสมผสานกันเพื่อสยบแพนิคแบบสมบูรณ์แบบ แต่เพื่อไม่ให้บทความ EP.2 ยาวมากจนเกินไปเราขอพักเบรคก่อนนะทุกคน แล้วจะกลับมาพบกันใน EP.3 ในครั้งหน้า จะสยบแพนิคแบบปราบมารยังไงค่อยมาพบกันใหม่ค่ะ

สำหรับวันนี้ต้องขอตัวไปก่อนแล้วพบกันใหม่ค่ะ ทุกคนอย่าลืมนำการเจริญหลักอานาปานสติไปใช้กันนะ หายจากแพนิคแน่นอนถ้าทุกคนปฏิบัติอย่างจริงจังอดทนไม่ย่อท้อ แล้วใครที่อยากได้ความรู้เพิ่มเติมเรื่องหลักอานาปานสติในกูเกิลคือเยอะมาก แล้วคำสอนเรื่องการเจริญอานาปานสติในยูทูปก็เยอะมากเช่นกัน เข้าไปศึกษาเรื่องนี้กันได้อย่างจริงจังเลยค่ะทุกคนสำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ แล้วพบกันใหม่..

ใครที่ยังไม่ได้เข้าไปอ่านวิธีสยบแพนิคEP.1 สามารถเข้าไปอ่านตามนี้ได้ค่ะ:

สยบแพนิค EP.1 สติมาปัญญาเกิดกับบทสวดมนต์บทโพชฌงคปริตร

ภาพทั้งหมดโดยนักเขียนนามปากกา 345Pink

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์