อื่นๆ
ปอบผีฟ้า ทายาทผู้ถูกเลือก

เรื่องผีปอบนั้นเป็นที่เล่าขานอย่างมากทางภาคอีสาน ถือได้ว่าเป็นผีประจำภาคก็ว่าได้อาจจะเป็นเพราะทางภาคอื่นๆเรียกชื่อผีชนิดนี้ต่างกัน จึงไม่ค่อยได้ยินเรื่องปอบจากทางภาคอื่นเท่าใดนัก จะได้ยินมาบ้างก็ทางภาคเหนือ ปอบนอกจากจะเป็นผีร้ายที่เกิดจากการเล่นคุณไสยจนเข้าตัวทำให้กลายเป็นปอบที่ชอบกินตับไตไส้พุงแล้ว ก็ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับปอบที่ช่วยรักษาคนอีกด้วย นั่นก็คือ ปอบผีฟ้า ซึ่งการเป็นผีฟ้านั้นจะสืบต่อกันมาเป็นทอดๆจากปู่ย่าตายายที่เคยเป็นผีฟ้ามาก่อน เรียกว่าบ้านนั้นมีผีเชื้อผีแนวถ่ายทอดมาสู่ลูกหลานให้รับขันเป็นผีฟ้าต่อไป และเชื่อว่าหากไม่ยอมรับเป็นผีฟ้าจะทำให้กลายเป็นบ้าไปเลยก็มี โดยคนที่ผีฟ้าอยากจะทรงนั้นมักต้องพบเจอกับเรื่องที่ทำให้ต้องมีความจำเป็นให้รับขัน เช่น อาจจะเคยประสบเหตุถึงขั้นเจ็บป่วยจนเกือบตาย โดนคนทำคุณไสยใส่อย่างหนักหรือมีเรื่องร้ายๆเข้ามาในชีวิต จนต้องยินยอมรับขันเป็นคนทรงผีฟ้าเรื่องจึงจะสงบและดำรงชีวิตด้วยความราบรื่น ดังเช่นเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้
Advertisement
Advertisement
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อนของผู้เขียนเอง และผู้เขียนก็ได้รับฟังความทุกต่างๆที่เพื่อนเล่าให้ฟังทุกครั้ง ผู้เขียนขอใช้นามสมมุติเพื่อนคนนี้ว่าโอ โอเป็นสาวที่ออกห้าวๆทอมๆนิดหน่อยเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย ไม่กลัวอะไร ชีวิตของโออยู่กับครอบครัวมี พ่อ แม่ โอ และน้องชาย ซึ่งคนในครอบครัวนี้รักกันมากมีอะไรก็จะเล่าให้กันฟังทุกเรื่อง ผู้เขียนรู้จักและสนิทกับโอตอนเข้ามหาลัยเพราะเรามีความบ้าบอเหมือนกันทำให้เวลาที่อยู่กันครบแก๊งแล้วมีความฮากระจาย ส่วนใหญ่โอจะไม่เป็นคนซีเรียสเลยออกจะติงต๊องมากด้วยซ้ำและไม่เป็นคนขี้โรค แต่พอช่วงปีสามโอเริ่มมีเรื่องเจ็บป่วยอยู่บ่อยๆจนยิ้มไม่ค่อยออก เริ่มแรกจากการที่ต้องไปผ่าฟันคุดอยู่หลายรอบในตอนแรกผู้เขียนก็ไม่คิดอะไรเพราะเป็นเรื่องธรรมชาติที่ต้องเกิดขึ้นในช่วงอายุนี้ พอผ่าฟันคุดเสร็จผ่านไปไม่นาน โอก็ตรวจพบก้อนเนื้องอกที่หน้าอกอีก ทำให้ต้องไปผ่าออก พอเอาข้างนี้ออกแผลยังไม่ทันได้หายดีก็ตรวจพบก้อนเนื้ออีกข้างทำให้โอต้องรักษาสุขภาพตัวเองอย่างหนักในช่วงนั้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องออกฝึกงานเราได้แยกย้ายกันไปฝึกงานกันคนละที่ จนกระทั่งขึ้นปีสี่ตอนเปิดเทอมเราก็ดีใจมากที่ได้เจอกัน และก็เรียนกันไปตามปกติ แต่โอมักจะบ่นว่านั่งพับเพียบหรือขัดสมาธิไม่ค่อยสะดวกนักเพราะโอไปหาหมอมา แล้วหมอบอกว่าโอมีอาการเข่าหลุด ซึ่งก็ไม่เชิงว่าอาการหนักจนถึงขั้นเข่าหลุดแต่จะมีอาการปวดขัดขาข้างขวาเป็นประจำทั้งที่ข้างซ้ายนั้นปกติ แต่เราต่างคนต่างไม่ได้คิดอะไรคิดว่าอาจจะเป็นเพราะโอเล่นกีฬาแล้วทำให้หัวเข่ามีปัญหาซึ่งโอก็รักษาไปตามอาการ จนกระทั่งมาถึงปีสี่เทอมสองซึ่งเป็นช่วงที่ใกล้จะจบเต็มทีเหลือแค่การเรียนอีกไม่กี่บทสะสางงานส่งให้อาจารย์และสอบปลายภาคเท่านั้นเราก็จะเรียนจบโดยสมบูรณ์ แต่ก็มีเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตของโอเกิดขึ้นจนทำให้เกือบเรียนไม่จบ ตอนนั้นจำได้ว่าช่วงก่อนสอบกลางภาค วันนั้นมีงานเลี้ยงส่งท้ายปีสี่ซึ่งทางภาคได้จัดกิจกรรมนี้ให้ก่อนเพราะหลังจากนี้ไปต่างคนต่างจะไม่มีเวลา วันนั้นผู้เขียนก็ชวนแก๊งเพื่อนไปร่วมงานแต่โอไม่รู้เป็นอะไรได้แต่บอกว่าจะไม่ไปทั้งๆที่ก็ไม่ได้มีธุระอะไร ผู้เขียนเห็นว่าโอมีอาการกระวนกระวายอยากแต่จะกลับห้องท่าเดียวจึงไม่ได้บังคับและแยกย้ายกันไป วันต่อมาผู้เขียนไม่เห็นโอมาเรียนเหมือนเช่นทุกวันจึงได้ถามเพื่อนร่วมห้องของโอ จนได้รู้ข่าวเมื่อคืนพอโอกลับมาห้องได้ซักพักก็มีญาติโทรมาบอกโอว่าพ่อกับแม่ประสบอุบัติเหตุกะทันหัน รถมอเตอร์ไซต์ชนเสาไฟฟ้าอย่างแรงตอนนี้อาการสาหัสอยู่ที่โรงพยาบาล โอได้ยินก็ตกใจมากจึงบอกให้ญาติมารับโอที่หอในคืนนั้นเลย ผู้เขียนและเพื่อนๆคนอื่นๆก็ตกใจมากต่างก็ภาวนาว่าให้พ่อกับแม่ของโอปลอดภัย หลังจากนั้นโอก็เงียบหายไปเป็นเดือน ไม่มาสอบกลางภาค ตอนแรกผู้เขียนก็โทรถามเพราะว่าเป็นห่วงโอด้วยและเป็นห่วงเรื่องสอบด้วย โอก็ไม่ค่อยรับสาย พอรับสายน้ำเสียงของโอดูเป็นเศร้าๆและกระวนกระวายผู้เขียนจึงไม่พูดอะไรได้แต่ให้กำลังใจอยู่ห่างๆและช่วยบอกกับทางอาจารย์ให้ว่าโอมีเหตุผลอะไรบ้างที่ไม่มาสอบ ดีที่ว่าอาจารย์ทุกท่านเข้าใจจึงไม่ได้ตัดสิทธิ์ในการสอบแต่ให้โอมาสอบทีหลังได้ พอมารู้เรื่องโออีกทีจากเพื่อนร่วมห้องของโอ ก็ทราบว่าเมื่อวานเป็นวันเผาศพพ่อของโอ ผู้เขียนและเพื่อนๆใจหายวาบลงไปอยู่ตาตุ่มและสงสารโอจับใจ โอไม่เคยบอกใครเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง รู้แต่เพียงวันที่ผู้เขียนโทรไปหาโอนั้นพ่อของโออยู่ในห้องไอซียูอาการเป็นตายเท่ากัน ส่วนแม่ของโอก็ขาหักกำลังพักฟื้น ผู้เขียนไม่นึกว่าพ่อของโอจะเสียชีวิตกะทันหันขนาดนี้ผู้เขียนรับรู้ว่าโอต้องเสียใจที่สุดเป็นแน่เพราะโอรักพ่อมาก ทุกคนก็ส่งข้อความไปให้กำลังใจโอ จนเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งเดือนหลังจากนั้นโอเริ่มทำใจได้บ้างก็ตัดสินใจกลับมาเรียนในช่วงสุดท้ายของปีสี่ โอซูบผอมลงไปเยอะมากเพื่อนทุกคนต่างก็ไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดเพียงแต่ให้กำลังใจและช่วยเหลือทั้งเรื่องเรียนเรื่องสอบ จนใกล้จะจบโอก็เริ่มทำใจได้และเบิกบานขึ้น โอได้เล่าเรื่องๆหนึ่งให้ผู้เขียนฟังว่า เมื่อพ่อจากไปแล้วแม่ก็ไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะการสูญเสียหัวหน้าครอบครัวแบบกะทันหันอย่างนี้คงยากที่จะทำใจ แม่จึงหาที่พึ่งทางใจโดยการไปหาหมอธรรมเพื่อตรวจเช็คดวงชะตา แม่มาเล่าให้โอฟังว่าเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆที่เข้ามาในครอบครัวเรานี้ หมอธรรมบอกว่ามีสาเหตุมาจากการที่ตระกูลของพ่อโอไม่มีใครสืบทอดขันผีฟ้าเลย โอบอกวาสายตระกูลของพ่อนั้นเคยเป็นผีฟ้ามาก่อนโดยคนทรงผีฟ้าคนสุดท้ายคือย่าของโอเอง พอย่าเสียพ่อและญาติพี่น้องก็ไม่ได้รับขันมาดูแลต่อเพราะคิดว่าคงไม่มีแล้วรวมทั้งไม่มีใครเชื่อเรื่องผีฟ้าเพราะยุคสมัยเปลี่ยนไป ทำให้ขันผีฟ้าไม่มีคนดูแลและไม่มีใครทราบว่าย่าเก็บไว้ที่ไหน จึงทำให้ผีฟ้าโกรธและอดอยากจนต้องออกมาอาละวาดลูกหลาน และผีฟ้าต้องการที่จะทรงลูกหลานคนที่เป็นผู้หญิง โอบอกว่าลูกหลานที่เป็นสายตระกูลของพ่อมีผู้หญิงอยู่แค่สองคนเท่านั้นคือ โอและลูกพี่ลูกน้องอีกหนึ่งคน แต่ลูกพี่ลูกน้องของโอคนนี้ได้แต่งงานและเปลี่ยนนามสกุลไปแล้วจึงกลายเป็นคนอื่นไปทำให้เหลือเพียงโอเท่านั้นที่ยังใช้นามสกุลของพ่ออยู่ซึ่งก็หมายถึงเหลือทายาทที่เป็นสายตระกูลนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นคือโอ ทำให้ผีฟ้าเลือกที่จะทรงโอ โดยได้ดลบันดาลให้เกิดเรื่องร้ายต่างๆกับโอรวมทั้งการตายของพ่อด้วย โดยหมอธรรมบอกว่าถ้าโอไม่รับทรงผีฟ้า โอก็จะถูกตามรังควาญอยู่อย่างนี้ และตอนนี้ผีฟ้าเกาะอยู่ที่ขาขวาของโอ เพื่อจะติดตามไปด้วยทุกที่และขัดขวางทุกอย่างที่โอทำ จนกว่าโอจะยอมรับจึงจะเลิกรา แม่ได้รู้ความจริงในวันนั้นว่าอะไรที่เป็นสาเหตุให้โอเจ็บขาขวาโดยไม่มีสาตุมาตลอด ซึ่งแม่ยังไม่ทันได้บอกเรื่องที่โอขาเจ็บข้างขวาให้หมอธรรมฟังเลยด้วยซ้ำแต่หมอธรรมรู้ได้อย่างไร และอีกอย่างแม่ก็ไม่ได้รู้จักหมอธรรมมาก่อนด้วย ทำให้แม่ขนลุกและเป็นห่วงโอมาก หมอธรรมเข้าใจว่าแม่ของโอไม่ต้องการให้โอเป็นคนทรงผีฟ้า เพราะหลังจากที่พ่อเสียไป โอคือเสาหลักของครอบครัว ถ้าหากโอต้องมาเป็นคนทรงผีฟ้าจะทำให้ครอบครัวลำบากเพราะโอจะไม่เป็นอันทำงาน น้องชายก็จะไม่มีคนส่งเรียน หมอธรรมจึงได้ฝากจี้สร้อยหลวงปู่มาให้โอพกติดตัวไว้ตลอดเวลา ห้ามถอดเด็ดขาด ซึ่งโอก็เชื่อฟังและทำตามโดยดี ซึ่งโอสวมสร้อยพระห้อยติดตัวไว้ตลอดเวลาไม่เคยถอด หลังจากนั้นโอก็รู้สึกว่าอาการปวดขานั้นเริ่มดีขึ้นและค่อยๆหายเป็นปกติ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากแต่เป็นเรื่องที่โอสัมผัสมากับตัวเองใครจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ หลังจากนั้นโอก็เริ่มมีกำลังใจมากขึ้นที่จะเรียนให้จบจะได้รีบออกมาทำงานเลี้ยงแม่และน้อง เราทุกคนต่างเร่งสะสางงานต่างๆและสอบจบจนเสร็จเรียบร้อย เมื่อโอเรียนจบมีครั้งหนึ่งเราไปสมัครงานด้วยกัน ผู้เขียนเห็นกับตาว่าสร้อยพระที่โอห้อยคอประจำนั้นอยู่ๆเกิดขาดและหล่นลงพื้นแตกกระจาย ซึ่งเป็นไปได้ยากมากเพราะจี้สร้อยไม่ได้หล่นแรงมากขนาดนั้น เราต่างมองหน้ากันว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะสร้อยที่คล้องคอเป็นเส้นเชือกถักสีน้ำตาลที่ไม่น่าจะขาดได้เลยเพราะมีความหนาและเหนียวพอสมควรและตัวจี้พระเป็นกรอบพลาสติกใสน้ำหนักเบามากจึงไม่น่าที่จะถ่วงให้สร้อยขาดและจี้แตกกระจายได้ โอรีบเก็บขึ้นมาประกอบเข้าใหม่อีกทีด้วยอาการใจคอไม่ค่อยดีนักและพยายามสวมไว้เช่นเดิม หลังจากได้งานทำโอก็ใช้ชีวิตการทำงานอย่างเป็นปกติแต่อดห่วงแม่ที่อยู่คนเดียวไม่ได้ เพราะโอได้งานที่ต่างจังหวัดจึงไม่ค่อยมีเวลากลับบ้าน แม่โอจึงเริ่มเหงาและคิดมากอีกทั้งอาการขาที่เคยหักทำให้แม่เดินไม่สะดวก ญาติๆที่มาคอยดูแลก็มักจะขอเงินและแอบลักเล็กขโมยน้อยเงินของแม่ ทั้งๆที่เงินนั้นเป็นเงินที่ได้จากการเสียชีวิตของพ่อ โอเป็นห่วงแม่มากจนไม่เป็นอันทำงาน โอจึงจำเป็นต้องออกจากงานเพื่อมาหางานในจังหวัดตัวเองจะได้ดูแลแม่ได้ ระหว่างที่รองานและดูแลแม่นั้นต่างคนก็ต่างจิตตกกับเรื่องต่างๆที่เข้ามาในชีวิต
Advertisement
Advertisement
สุดท้ายโอกับแม่จึงได้หันหน้าเข้าหาทางธรรม โอชวนแม่ไปบวชชีพรามและถือศีลกินเจอย่างจริงจังอยู่พักหนึ่ง ทำให้ต่อมาชีวิตโอเริ่มดีขึ้น มีงานที่ดีเข้ามาและได้อยู่ใกล้ๆแม่สมใจ เหตุการณ์ผีตามรังควาญก็ไม่ได้ยินอีกหลังจากนั้น อาจเป็นเพราะว่าการปฏิบัติตนให้อยู่ในศีลในธรรมจะช่วยปัดเป่าสิ่งเลวร้ายต่างๆให้ไม่สามารถทำอะไรเราได้ และเชื่อว่าผีฟ้าคงได้รับผลบุญที่โอบวชชีอุทิศให้จึงไม่มาตามรังควาญโออีก แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนก็ไม่สามารถบอกได้ว่าทุกวันนี้ผีฟ้ายังติดตามตัวของโออยู่หรือเปล่าแต่โอก็หมั่นทำบุญอุทิศให้อยู่เสมอๆ นี่ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงตามความเชื้อเรื่องผีฟ้า ถึงแม้ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยเรื่องสิ่งลี้ลับที่เรามองไม่เห็นนั้นก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม
เขียนโดย โลกา ผี วัฒน์ (facebook โลกา ผี วัฒน์)

ปกติชอบเขียนเรื่องผี แต่ตอนนี้เขียนทุกอย่างเพราะป่าช้าปิด
ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์
ติดกระแส
บันเทิง
ป้ายยา TrueID Short Drama ซีรีส์จีนแนวตั้ง ตอนสั้น สนุกต่อเนื่องจุใจ

CoPLUS
ติดกระแส
ท่องเที่ยว
The FloatHouse River Kwai ที่พักแพวิลล่าลอยน้ำกาญจนบุรี วิวดีมาก

28Sept
Advertisement
Advertisement
Advertisement
Advertisement
Advertisement
ข้อตกลงและเงื่อนไข|Copyright © True Digital & Media Platform Company Limited. All rights reserved
ติดกระแส
บันเทิง
ป้ายยา TrueID Short Drama ซีรีส์จีนแนวตั้ง ตอนสั้น สนุกต่อเนื่องจุใจ

CoPLUS
ติดกระแส
ท่องเที่ยว
The FloatHouse River Kwai ที่พักแพวิลล่าลอยน้ำกาญจนบุรี วิวดีมาก

28Sept