อื่นๆ

ผีโพน (จอมปลวก)

779
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ผีโพน (จอมปลวก)

โพน คนอีสานใช้เรียกจอมปลวกที่มีขนาดใหญ่ เกิดขึ้นตามโคนต้นไม้ในบริเวณที่นา ผู้คนต่างเชื่อว่าจอมปลวกที่มีขนาดใหญ่นี้เป็นที่สิงสถิตของเปรต วิญญาณ เจ้าที่ หรือแม้กระทั่งสิงสาราสัตว์ต่าง ๆ โดยเฉพาะงู เพราะเมื่อชาวบ้านเชื่อว่ามีผีบริเวณรอบ ๆ จอมปลวกจึงไม่มีใครกล้าไปยุ่ง ทำให้มีวัชพืชเกิดขึ้นมากมาย จึงเป็นที่อยู่ของงูได้เป็นอย่างดี แต่ในฤดูทำนาชาวนาก็จะใช้พื้นที่บริเวณรอบจอมปลวกที่มีต้นไม้ใหญ่แผ่ร่มเงา ไว้เป็นที่นั่งพักผ่อน หรือกินข้าวในช่วงพักกลางวัน

ภาพที่ 1ภาพโดย kolibri5 จาก Pixabay

มีอยู่ครั้งหนึ่งชาวบ้านที่ไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ เคยให้คนไปขุดโพนปลวกออกเพื่อปรับพื้นที่ในแปลงนาที่อยู่ติดกับรั้วบ้าน ต่อมาก็มีงูเลื้อยเข้ามาในบ้านเป็นประจำ ซึ่งอาจไม่ได้มาจากผีสางอะไร แต่เป็นเพราะไปทำลายรังงูที่เคยอยู่ตรงนั้น ทำให้งูออกมาเพ่นพ่านเลื้อยเข้าบ้านคน  แต่เรื่องราวของโพนปลวกเกี่ยวกับความเชื่อก็ยังคงมีให้เห็นกันอยู่ มีครั้งหนึ่งที่ผู้เขียนไปทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่ง ซึ่งทางเข้าไปโรงงานค่อนข้างเปลี่ยว และไกลไฟส่องสว่างน้อย  บริเวณข้างทางจะมีจอมปลวกขนาดใหญ่อยู่ติดกับกำแพงฝั่งขวามีผ้าสามสีผูกไว้ เพราะชาวบ้านเล่าว่าเคยมีคนยิงกันตายบริเวณนี้ ต่อมาชาวบ้านสังเกตเห็นว่ามีจอมปลวกเกิดขึ้น จึงไม่มีใครกล้าไปทุบ เผา หรือทำลาย แม้แต่ชาวบ้านบางคนที่เคยไปขอหวยก็ถูกมาแล้วหลายงวด

Advertisement

Advertisement

ภาพที่ 2ภาพโดย Heri Santoso จาก Pixabay

ผู้เขียนเองก็เคยได้ยินเรื่องเล่าที่แม่เล่าให้ฟังเกี่ยวกับการเจอผีแถวจอมปลวกในสมัยที่แม่ยังเป็นเด็ก แม่เล่าว่าวันนั้นแม่ต้องพาวัวควายไปปล่อยไว้ที่ทุ่งนาในตอนเช้ามืด และกลับเข้าบ้านเพื่อไปโรงเรียน เมื่อเลิกเรียนในช่วงค่ำจึงค่อยออกไปพาวัวควายกลับเข้ามาไว้ที่บ้าน คนสมัยก่อนกว่าจะทำไร่ทำนาเสร็จ และพาวัวควายกลับเข้าหมู่บ้านก็อยู่ในช่วงที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กอย่างแม่จะออกไปทุ่งนาคนเดียวในตอนค่ำ วันนั้นแม่เดินตามเส้นทางไปนาปกติ จนเดินมาถึงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่มีโพนใหญ่ ๆ และมีต้นกระบองเพชรขึ้นอยู่ ในจังหวะที่กำลังจะเดินเลยไปนั้น แม่ได้ยินเสียงเหมือนมีใครเขย่าต้นไม้ แม่ไม่ได้ตกใจนักเพราะเดินผ่านทางนี้เป็นประจำ จึงหันไปดูเพื่อหาที่มาของเสียง พลันสายตาแม่ก็เหลือบไปเห็นใบหน้ากลม ๆ ซีด ๆ แดง ๆ บอกไม่ถูก ลอยอยู่ตรงโพนปลวก ด้วยสายตาประสานกันกับใบหน้านั้น แม่สังเกตเห็นว่าเป็นผู้หญิงหน้าตาคุ้น ๆ คล้ายกับคนในหมู่บ้านที่แม่รู้จัก ผมฟูใบหน้าเศร้าเหมือนจะร้องให้ หรืออยากจะพูดอะไรซักอย่าง แม่ไม่สนใจว่าผีตนนั้นอยากจะบอกอะไร ได้แต่รีบวิ่งกลับบ้านชนิดที่ไม่สนวัวควายที่รออยู่ที่ทุ่งนา ด้วยความเป็นเด็กแม่รีบวิ่งร้องไห้เข้าบ้านไปหาตากับยาย และบอกว่าโดนผีหลอก ก่อนจะมานึกได้ทีหลังว่าเป็นใบหน้าของใคร

Advertisement

Advertisement

ภาพที่ 3ภาพโดย Pete Linforth จาก Pixabay

วันต่อมาที่วัดมีงานเผาศพ ซึ่งเป็นงานศพของผู้หญิงที่แม่เห็นว่าเป็นผีมาหลอกแม่นั่นเอง หญิงสาวคนนั้นเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกับแม่ เธอชื่อพี่นอม เสียชีวิตที่โรงพยาบาลเพราะป่วยด้วยโรคอะไรไม่ทราบ แต่ก็ต้องตายในช่วงที่อายุยังน้อยมาก ซึ่งยังอยู่แค่ช่วงวัยรุ่น คนอีสานมีความเชื่อว่าการตายตั้งแต่อายุยังน้อยเป็นการตายแบบผิดคลองผิดธรรม หรือเป็นการตายโหง จึงไม่นำศพเข้ามาสวดในบ้าน แต่จะนำไปที่วัด และทำพิธีเผาให้เร็วที่สุดไม่ตั้งศพไว้นาน ที่แม่ไม่ทราบว่าพี่นอมตายก็เพราะยังเป็นเด็กอยู่ จึงไม่ได้สนใจอะไร จนได้มารู้ความจริงทีหลังว่าผีที่ตนเจอนั้นคือผีพี่นอม และหนำซ้ำที่จุดที่โดนหลอก ก็คือที่ดินของบ้านพี่นอมนั่นเอง แม่มาเข้าใจในตอนที่โตแล้วว่า ที่พี่นอมยังวนเวียนอยู่ตรงที่นาของแกนั้น อาจเป็นเพราะแกตายก่อนถึงอายุขัย ทำให้วิญญาณไม่มีที่ไป จำต้องวนเวียนหาที่สิงสถิตเพื่อรอเวลาของตน

Advertisement

Advertisement

ภาพที่ 4ภาพโดย Lukas Bieri จาก Pixabay

แม่บอกว่าทุกวันนี้ยังจำใบหน้าที่โผล่มาจากจอมปลวกนั้นได้เป็นอย่างดี เวลาที่ขับรถผ่านไปบริเวณนั้นทีไรก็อดขนลุกไม่ได้ ยิ่งเป็นช่วงค่ำที่บรรยากาศโพล้เพล้ ก็ยิ่งช่วยสร้างบรรยากาศให้น่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์