อื่นๆ
ปิดโรงเฮี้ยน
.jpg)
ปีพ.ศ.2541 เศรษฐกิจขาลงย่ำแย่ไม่แพ้ช่วงนี้เท่าไหร่หรอก ผมก็เป็นอีกคนที่เดี้ยงเพลี่ยงพล้ำบริษัทปิดตัวพูดง่ายๆก็ตกงานน่ะแหละ จะหันหน้าไปพึ่งพาเพื่อนฝูงมันก็หน้าดำคร่ำเครียดไม่แพ้กัน เอาไงล่ะทีนี้ บ้านต่างจังหวัดก็ไม่มีให้กลับ อพยพมาอยู่เมืองกรุงก็ตั้งแต่น้อย นั่งไล่หาเพื่อนต่างถิ่นก็ไม่ค่อยได้ติดต่อใคร นึกขึ้นได้แว่บนึง ไอ้ป้อมอยู่เมืองร้อยเอ็ด พอได้ทักทายกันบ้าง แม้ไม่บ่อยแต่ก็ไม่ถึงกับขาดหายซะทีเดียว เลยกริ๊งกร๊างคุยกะมันเผื่อมีช่องทางงานอะไรบ้าง
"ก็พอมีอยู่บ้างว่ะ แต่ก็ต้องทนๆหน่อย 2-3งานแหละ"
"เออว้อย ไงๆก็ต้องเอาไว้ก่อน ขืนเล่นตัวอดตายแน่"
มันแจงมาว่า มีงาน รปภ. เซลล์ขายประกัน เซลล์ขายเครื่องกรองน้ำ ไงดี รปภ.ผมก็อดนอนไม่เก่ง ขายประกันก็ต้องพูดน้ำไหลไฟดับ เลยเลือกขายเครื่องกรองน้ำ ไงๆก็มีสินค้าให้ลูกค้าดูเผื่อพูดโน้มน้าวไม่เยอะเกิน
Advertisement
Advertisement
"เออๆมาวันไหนก็โทรมาบอกก่อนล่ะ" มันรับปากจะดูงานรอ
ผมเองยังหนุ่มโสด เรื่องไปทำงานที่ไหนเลยไม่ยาก อีก2-3วันคืนห้องเช่าผมก็เก็บกระเป๋าจับรถทัวร์ไปร้อยเอ็ดทันที เดินทางเกือบ10ชั่วโมงถึงช่วงบ่ายๆมันมารับที่บขส.กลับไปบ้าน
"เรื่องงานน่ะ มะรืนค่อยทำ ข้าคุยกับหัวหน้าไว้แล้ว อยู่กับข้าไปก่อน ยังไงถ้าอยากส่วนตัวค่อยขยับขยายนะ"
ผมขอบอกขอบใจมันนัก ไงๆก็ต้องอยู่ให้ได้ ไม่มีทางเลือกแล้ว
"เอ็งก็พักผ่อนนะ เย็นๆค่อยออกไปซื้อไรกินเองล่ะ คืนนี้ข้ามีงานเลี้ยงที่บริษัทคงกลับดึก ไม่ได้อยู่ดูแลเอ็ง"
" เออน่า อย่าห่วงข้า อยู่ได้แหละ ไม่ใช่เด็กๆแล้ว"
เจ้าป้อมมันออกไปทำงานต่อ ผมอาบน้ำอาบท่าเปิดทีวีนอนดูแล้วก็งีบหลับไป มาตื่นทีเอาเกือบทุ่ม เลยออกไปนั่งกินข้าวในตลาดซึ่งเวลานี้ บรรยากาศเงียบๆแล้ว แสงสีไฟจากร้านไม่ค่อยมี วินมอร์'ไซค์3-4คันนั่งนอนรอผู้โดยสาร เลยเดินเลี่ยงออกมาท้ายตลาด เห็นโรงหนังหนึ่งตั้งตะคุ่มเปิดไฟไม่กี่ดวง ต่างจังหวัดยังมีโรงหนังชั้นสองชานเมืองอยู่ น่าสนใจดีผมมันสายนักดูหนังซะด้วยสิ หน้าโรงเห็นติดป้าย "เฮี้ยน" ชื่อหนังเข้าท่าดี หนังผีซะด้วย แต่ไม่มีคนเลย เห็นแต่ตาแป่ะแก่ๆขายตั๋ว
Advertisement
Advertisement
"หนังควบวนน่ะคุณ คนเข้าไปหมดแล้ว.."
ผมซื้อตั๋วเข้าไปในโรงมืดมาก มีเงาคนดำๆนั่งดูเงียบๆไม่กี่คน ในหนังผีมันคลาน แต่ให้ตายเถอะ ผมเห็นมันคลานออกมานอกจอได้ แถม.. ม.. มือมันยื่นมาใกล้หน้า.. ผม..
ภาพปกโดยนักเขียน
ภาพประกอบโดยdarksouls1จากpixabay
"เหวอออ!!..ผ.. ผี..ผี..." ผมร้องลั่น ทุกคนหันมามอง
"ผีเผอที่ไหนคู๊ณ.. กลัวก็อย่าดูสิ "
แต่ละคนหน้าดำๆคล้ำๆสีหน้าเรียบเฉย เลยขยี้ตามองในจออีกครั้งก็ปกติดีไม่มีไร ผมคงตาฝาด ไปล้างหน้าล้างตาดีกว่า ว่าแล้วก็ไปห้องน้ำ ทางเดินกลิ่นมันอับๆเหม็นๆโรงหนังเก่าๆก็เงี้ย เห็นชาย2คนตรงโถฉี่ คนนึงฉี่อีกคนนึงนวด บ๊ะ โรงหนังยังงี้ยังมีบริการนวดด้วยเร้อะ
"เฮ้ย นวดเบาๆหน่อยซีวะ ห่ะ.. คอแทบหัก"
"เส้นมันตึงอ่ะ ต้องออกแรงหน่อย อื้ดด..!!"
Advertisement
Advertisement
"โอ้ยย.. หัก หักแล้ว!!.." เสียงดังกร๊อบ นั่น คอมันหัก หัว.. หัวมันหลุดจากบ่าตกตุ้บ!
"เฮ้ย อะไรกันวะ??" ผมเสียงหลง
"ฮ่าๆๆ ยากไรวะ หลุดก็ต่อใหม่.." มันว่าพลางหยิบหัวไอ้คนนั้นขึ้นมาต่อให้
" ทีข้าเอวขาดครึ่งท่อนยังไม่โวยวายเลย นี่ๆดู...... "
พลันนั้น ร่างมันหงายหลังตึงขาดกระเด็น ครึ่งท่อนบนคลานกระดึบๆไส้ลากเป็นพรวน หันมามองผมตาถลนแดงก่ำ
เท่านั้นแหละไม่ต้องอธิบายซ้ำ ผี ผีชัดๆ กระโจนพร่วดเข้าในโรงหนังแหกปากก้องร้องลั่น
" ช่วยด้วยย ผีหลอกกกๆๆ.. "
ทุกสายตาหันมามอง แต่.. ไม่มีคู่ไหนเลยที่มีอาการตกใจ หน้าดำๆคล้ำๆต่างแสยะยิ้ม
"หลอกแบบนี้เหรอ....."
มันดึงหัวหลุดออกมา อีกคนยืดมือยาว บางตัวแหกพุงควักไส้ ถึงทีนี้พอแล้วผม หันหลังวิ่งไปทางออก รู้สึกมันมีทั้งควันทั้งไฟ นี่มันไฟไหม้หลับหูหลับตาวิ่งฝ่าควันออกมาจนพ้นโรงหนัง วิ่งไปทางกลุ่มคน ตรงนั้นไอ้ป้อมเพื่อนผมมันยืนอยู่ ผมหอบแฮ่กๆเล่ามันทุกอย่าง
"โดนดีอีกแล้วเพื่อนกู.. เอ็งหันไปมองสิ"
ผมหันไปมองโรงหนังนั่น มันมีแต่เสาดำๆไม่กี่ต้นที่เป็นซากปรักหักพัง รั้วสังกระสีมีป้ายติด "ปิดถาวร" ได้ยินมันพูดเสียงดัง
"มันปิดตายมานานแล้ว เมื่อ3ปีก่อนขณะฉายหนังไฟลัดวงจรไหม้อย่างรวดเร็ว คนออกไม่ทันโดนคล่อกตายไปเยอะ วิญญาณคงสิงสู่ในนั้น คนที่นี่ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้หรอก.."
มันพาผมกลับบ้าน แข้งขาหมดเรี่ยวแรง จนต้องโบกสามล้อกลับ.. //
================
ความคิดเห็น
