ในสมัยเด็กจะมีเรื่องเล่าจากปู่ย่าตายายว่า ใบหนาดสามารถกันผีได้ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเป็นใบที่มีกลิ่นฉุน หอม มีขนทั่วทั้งใบ ลักษณะขอบใบที่มีลักษณะเหมือนฟันเลื่อย จึงนำมาใช้กันผีโดยเฉพาะในภาคอีสานผีปอบเป็นที่อาละวาดในหมู่บ้านจนทำให้ชาวบ้านผวากลัวกันมาก ในสมัยก่อนเวลาที่ผ่านหน้าบ้านใคร ก็จะมีการปลูกใบหนาดไว้หน้าบ้านหรือเวลาเดินทางไปยังต่างหมู่บ้านที่มีข่าวลือว่าหมู่บ้านนี้มีผีปอบก็จะมีการพกใบหนาดติดตัวไปด้วย เรื่องเล่านี้เป็นที่น่ากลัวมากในสมัยเด็ก จนทุกวันนี้ยุคสมัยเปลี่ยนผ่านไปกลายเป็นยุคโลกาภิวัตน์ เรื่องเล่าเหล่านี้ก็ได้ทยอยลดหายลงแทบจะไม่ได้ยินกันแล้ว ลักษณะทั่วไปของใบหนาดนั้น เป็นใบรูปวงรีแกมขอบขนาน ผิวใบทั้งสองด้านมีขนละเอียดหนาแน่น คล้ายเส้นไหม กว้าง 2-20 เซนติเมตร ยาว 8-40 เซนติเมตร ปลายใบ และโคนใบแหลม ขอบใบหยักแบบซี่ฟัน หรือฟันเลื่อย ใบมีกลิ่นหอมฉุน มีรสเมาร้อน นอกเหนือจากความเชื่อว่าใช้กันผีได้แล้วใบหนาดเป็นใบไม้สมุนไพรไทยในชีวิตประจำวัน มีสรรพคุณทางยามากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการนำใบหนาดมาใช้ร่วมกับใบเป้าสมุนไพรคู่ดูโอ้ สมัยเมื่อผู้เขียนเป็นเด็กเมื่อเป็นผดผื่นแม่จะต้มยาให้อาบโดยจะนำใบหนาดมาต้มรวมกันกับใบเป้า ขมิ้น และมะกรูดแล้วใช้อาบหรือแช่จะช่วยให้บรรเทาอาการคัน ลดผดผื่นได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสตรีพึ่งคลอดบุตรนำมาลมควันใช้อยู่ไฟก็ช่วยให้มดลูกเข้าอู่หรือแม้กระทั่งการแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้เมื่อนำมาต้มอาบหรืออบซาวน่า ก็ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ทำให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีเช่นกัน จะเห็นได้ว่าใบหนาดไม่เพียงแต่อยู่คู่กับวิถีชีวิตของคนอีสานมาอย่างยาวนานแต่ยังแพร่กระจายไปทั่วในภาคกลางเช่น ตำนานความรักแม่นากพระโขนง กับการวิ่งหนีเข้าดงหนาด รวมทั้งประโยชน์ในด้านของเรื่องจิตใจป้องกันสิ่งที่มองไม่เห็น ยังมีประโยชน์ในด้านร่างกายที่เป็นสมุนไพรมีสรรพคุณทางยามากมาย แต่ทุกวันนี้ใบหนาดนับวันจะหายากและเริ่มเลือนหายไปจากสังคมไทยแล้วค่ะ... ภาพปกโดย: Khaofang ภาพประกอบโดย: Khaofang