จะลดน้ำหนัก 5 กิโลใน 2 เดือน นั่นคือคำที่ผมโพล่งขึ้นมาระหว่างมื้อเช้า จนภรรยาของผมที่กำลังทานข้าวอยู่ด้วยกันต้องเลิกคิ้วสูงก่อนจะหันกลับมาถามด้วยความงุนงงว่า อะไรนะคะ? ผมตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เมื่อสายตาเหลือบไปมองพุงที่ขยายใหญ่โตขึ้นทุกวัน อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ยึดเอาปีใหม่เป็นฤกษ์งาม ยามดี ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เคล็ดลับน่ะเหรอ? ตามมาฟังกันต่อสิครับ 1. ตั้งเป้าและลงมือทำโดยยึดตามหลัก "ตัวเลือก 3 อย่าง" หลัก 3 อย่างที่ว่านี้มันคือการตั้งเป้าไว้ 3 อย่างครับ ผมได้บังเอิญอ่านเจอในหนังสือการตั้งเป้าของคนญี่ปุ่นเล่มหนึ่งซึ่งผมดันจำชื่อหนังสือไม่ได้นะครับ แต่หลักที่ผมจำได้แม่นยำเลยก็คือ เมื่อเราอยากจะทำอะไร จงตัดตัวเลือกให้เหลือแค่ 3 อย่างเท่านั้น เพราะถ้าตัวเลือกมันเยอะเกินไปเราก็อาจจะมีเวลาที่จะทำหรือไม่ทำได้ ดังนั้นถ้าตัวเลือกของเรา มีแค่ 3 อย่าง เราจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ในกรณีของผม ผมได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะออกกำลังกาย ตั้งแล้วต้องออกนะครับ เป็นระยะเวลา 30 นาที ทำงาน 4 ชม. เล่นกับลูกสาว ให้ลูกเลือกกิจกรรม 1 ชม. ทีนี้เมื่อมีการตั้งเป้าแล้ว ก็ถึงเวลาลงมือกันแล้วครับมาลุยกันเลย ถ้าเพื่อน ๆ สังเกตจะเห็นได้ว่า ทุก ๆ เป้าหมายจะมีระยะเวลาเป็นตัวควบคุมนะครับ เพราะว่า ถ้าเราไม่มีเวลากำหนดแล้ว เราอาจที่จะเลือกทำกิจกรรมเมื่อไหร่ก็ได้ จนกลายเป็นว่ากิจกรรมถัด ๆ ไปของเรานั้นก็จะได้รับผลกระทบจากความล่าช้าของกิจกรรมแรกไปแบบโดมิโนได้นั่นเอง การออกกำลังกายนั้น แนะนำว่า ต้องมีการวอร์มอัพ ออกกำลังกายเบา ๆ ก่อนออกจริง ๆ และ วอร์มดาวน์หลังจากออกกำลังกายเสร็จสิ้นเพื่อป้องกันการบาดเจ็บหลังออกกำลังกายนั่นเอง 2. สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการเปลี่ยนแปลงตัวเอง สิ่งที่หลาย ๆ คนมักจะประสบความล้มเหลวในการเปลี่ยนแปลงตัวเองนั่นก็คือ การขาด "วินัย" ซึ่งวินัยนี้มันจะเป็นตัวกำหนดว่าเพื่อน ๆ จะทำสำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่ เพราะบางคนมีไฟจริง ๆ อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองจริง ๆ แต่ขาดซึ่ง "วินัย" สุดท้ายก็ไม่ถึงฝั่งฝัน ดังนั้นต้องฝึกตัวเองให้มีวินัย ตั้งเป้าแล้วต้องทำ ทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ที่แนะนำเลยก็คือ การหาแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนักเช่น อยากใส่ชุดสวย ๆ อยากกลับไปผอมเหมือนเมื่อก่อน อย่างใส่ชุดโชว์หุ่นในช่วงสงกรานต์ แรงบันดาลใจของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แต่ยิ่งแรงบันดาลใจ มันแรงพอกล้าแกร่งพอ มันก็ยิ่งส่งผลให้คุณมุ่งมั่นมากเท่านั้น ลองมองหาแรงบันดาลใจรอบ ๆ ตัวคุณซะเพราะว่า นั่นคือสิ่งที่จะทำให้คุณบากบั่นในการลดพุงครั้งนี้ 3. กินอะไรแล้วถึงผอม? เป็นคำถามที่หลาย ๆ คนถามมาว่า กินอะไรดีถึงจะผอม? แต่ผมจะตอบไปว่า อันที่จริงต้องถามว่า ไม่กินอะไรถึงจะผอม จะถูกกว่านะครับ แน่นอนหลาย ๆ คนมีพฤติกรรมการกินที่แตกต่างกัน แต่เชื่อไหมครับว่า เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนจะต้องมีการกินของที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบอยู่ไม่มากก็น้อย ตัวอย่างง่าย ๆ ก็เช่น ชานมไข่มุก น้ำอัดลมยี่ห้อดังต่าง ๆ ไอศครีม รวมไปถึงเหล่าบิงซู หรือของหวานจานโปรดที่หลาย ๆ คนขาดไม่ได้ต้องเป็นอาหารประจำหลังกับข้าวจานหลักเลยก็ว่าได้ ที่ผมจะบอกและสรุปให้ทำตามกันง่าย ๆ ใน 5 ข้อเท่านั้นเองครับ ลดการกินของหวาน ของที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ ไม่ได้ให้ "งด" นะครับให้ลดลงให้น้อยกว่าที่เคยเป็น ลดการกินของมันทั้งหลาย ลดลงให้น้อยเท่าที่จะทำได้ งดกินน้ำอัดลม ทุกประเภท กินน้ำก่อนกินข้าวสัก 1 แก้ว กินผักผลไม้และเนื้อ ผลไม้ที่แนะนำก็ กล้วยน้ำหว้า ถ้าหาไม่ได้ก็กล้วยปกตินี่แหละครับ หาซื้อได้ง่าย กินง่ายด้วยเช่นกัน 4. ออกกำลังกายเช้าหรือเย็นดี? หลาย ๆ คนมีคำถามเหล่านี้เหมือนกันว่าจะออกกำลังกายช่วงเวลาไหนดี ถ้าเช้าจะเป็นยังไง ถ้าเย็นเลิกงานมาเหนื่อยแล้ว ไม่ค่อยอยากขยับร่างกายเลย จะทำยังไงดี คำแนะนำของผมก็คือ ออกกำลังกายตอนเช้าครับ ถ้า คุณเป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้ว การจะตื่นมาออกกำลังกายนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่อาจต้องปรับตัวกันซักระยะหน่อยค่อย ๆ ทำไปก่อน ออกกำลังกายตอนที่ยังไม่ได้กินข้าวเช้า แต่ข้อควรระวังคือ ตอนที่ร่างกายยังไม่มีพลังงานในตัวนี่ ร่างกายจะเผาผลาญแคลอรี่ ได้ไม่ดีเท่าที่ควร นะครับ หลาย ๆ คนถ้าฝืนก็อาจจะมีอาการวูบ หรือหน้ามืด นั่นเพราะว่าร่างกายรับไม่ไหว โดยปกติควรกินอะไรก่อนออกกำลังกายสัก 2 ชม. นะครับร่างกายจะได้ดูดซับพลังงานแล้วนำมาใช้ได้ แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ตื่นเช้าไม่ได้เอาเสียเลยล่ะ แนะนำให้ออกกำลังกายช่วงเย็นหลังจากที่กินข้าวไปแล้วสัก 2 ชม. เมื่อพักได้ที่ก็ถึงเวลาลุยกันแล้วแหละ 5. พักผ่อนให้เพียงพอ นี่เป็นอีกอีกหนึ่งอย่างที่หลาย ๆ คนอาจมองข้าม เพื่อน ๆ ควรให้เวลาในการพักผ่อนของตัวเองได้นอนหลับอย่างเพียงพอ และควรมีวันที่ร่างกายได้พักสำหรับการออกกำลังกายด้วยใน 1 อาทิตย์ อาจจะกำหนดเลยว่า ทุก ๆ วันศุกร์จะพักออกกำลังกาย หรือทุก ๆ วันเสาร์ ตรงนี้แล้วแต่เพื่อน ๆ แต่อย่าลืมให้ความสำคัญกับวันพักผ่อนด้วยเช่นเดียวกัน ร่างกายจะได้มีเวลาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และสร้างเสริมส่วนที่จำเป็นเข้ามา หลาย ๆ คนเมื่อตั้งใจทำเต็มที่แล้ว รับรองว่าน้ำหนักลด พุงยุบกันแน่นอน ปล. เมื่อถึงระยะเวลา 2 เดือนแล้วน้ำหนักที่ผมลดลงไปได้คือ 4.7 กิโลกรัม!!! ถือว่าไม่เลวสำหรับการเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงแล้วเพื่อน ๆ ล่ะครับตั้งเป้าแล้วลงมือทำกันหรือยัง