อื่นๆ

เราจะเริ่มรักตัวเองได้อย่างไร?

754
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เราจะเริ่มรักตัวเองได้อย่างไร?

บทความนี้ ผู้เขียนได้แรงบัลดาลใจจากกระทู้พันทิปกระทู้หนึ่ง มีคนตั้งคำถามว่า " เราจะเริ่มรักตัวเองได้อย่างไร " 

จากใจของผู้เขียนแล้ว ยอมรับว่า ในตอนแรกไม่ได้รู้สึกว่าจะนำเรื่องนี้มาเขียนอธิบายอะไรมากนัก แต่ที่ตัดสินใจทำขึ้น เพราะหลังจากได้เข้ากลุ่มปิด
บน facebook  ชื่อว่า รักษาโรคซึมเศร้าโดยไม่ใช้ยา 

ผู้เขียนใช้เวลาอยู่ในกลุ่มนี้มากกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้งานในกลุ่ม อยากรู้ว่า คนที่มีปัญหาสุขภาพจิตเขาพูดถึงเรื่องอะไร ความต้องการของพวกเขาคืออะไร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการโพสหาเพื่อนคุยมากกว่า บ้างก็ระบายความทุกข์ในใจ ปัญหาชีวิตที่ไม่สามารถหาทางออกได้

จากที่เลื่อนอ่านโพสไปเรื่อยๆ ต้องยอมรับว่า ต้นเหตุของความทุกข์ส่วนใหญ่มาจาก " ความรัก "  

เมื่อสุดท้ายต้องจบความสัมพันธ์ ก็ไม่สามารถทำใจให้ก้าวข้ามความเจ็บปวดไปได้ จมอยู่กับความรู้สึกแย่เหล่านั้นเรื่อยๆ ปล่อยความเศร้าให้กัดกินหัวใจจนมันกลายเป็นโรคขึ้นมา

Advertisement

Advertisement

จริงๆ แล้ว ก็ยังมีอีกหลายเคสที่ไม่ได้เกิดจากความรัก ความสัมพันธ์ ซึ่งช่วงวัยที่พบ ก็มีตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงวัยกลางคน 

แล้วผู้เขียนก็ไปสะดุดกับโพสๆ หนึ่งในกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นคำถามเดียวกับกระทู้พันทิปที่เจอก่อนหน้า ภายในวันเดียวกัน มันทำให้ผู้เขียนนึกฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ไม่ว่าเราจะสุข หรือทุกข์ จะปกติหรือเป็นโรค เราต่างก็ต้องการเอาชนะความรู้สึกแย่ในชีวิตเหมือนกัน 

หลายๆ คนก็ได้ให้นิยามการรักตัวเองที่แตกต่างกันออกไป คนที่ชอบดูหนัง ดูการ์ตูน วาดรูป รวมถึงการได้กินหรือได้ทำในสิ่งที่ต้องการ ก็จะบอกว่า... 

การได้ทำในสิ่งที่ตนชอบนี่แหละ คือ การให้ความรักตัวเอง อีกทั้งการดูแลเอาใจใส่ตัวเองอยู่เสมอ โดยทำให้สวยขึ้นหรือหล่อขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจในตัวเอง ก็เป็นอีกทางหนึ่งของการรักตัวเองเช่นกัน

สำหรับผู้เขียนนั้น ลึกๆ ในใจแล้ว เชื่อว่า คำตอบของเรื่องนี้ มันสามารถลงลึกไปได้อีก เพื่อให้เข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่า...

Advertisement

Advertisement

" การรักตัวเองจริงๆ นั้นต้องทำอย่างไร "

ภาพประกอบผู้เขียน ได้คำตอบเรื่องนี้ หลังจากได้ลงเรียนคอร์สออนไลน์ Science and Art for happiness creation เป็นคอร์สสอนสร้างความสุขด้วยตนเอง โดยมีท่านอาจารย์ที่มีองค์ความรู้ในเรื่องนี้เฉพาะมาสอน อีกทั้งยังมีผู้ให้ความรู้อีกหลายท่าน รวมถึงคนทั่วไปที่มาร่วมทำสื่อการสอนอีกจำนวนหนึ่ง

จากสิ่งที่ได้เรียนมา และนำมาปรับใช้กับชีวิตจริงๆ มันช่วยให้ตัวผู้เขียนเองได้คำตอบในชีวิตหลายอย่างมาก และทำให้ตระหนักกับตัวเองมากขึ้นด้วย

ที่สำคัญ คือ ทำให้รู้ว่า ก่อนที่เราจะให้อะไรกับใคร ไม่ว่าจะเป็นความรัก หรือความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) เราต้องรู้จักและเข้าใจในตัวเองให้ได้เสียก่อน

การรู้จัก และเข้าใจตัวเอง (Self - understanding) ในที่นี้ หมายถึง ทั้งหมดของตัวเรา ประกอบด้วย ร่างกาย จิตใจ สังคม พฤติกรรม ค่านิยมความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับตนเองตามความเป็นจริง ซึ่งการรับรู้ตนเองของคนทั่วไป จะอยู่ในระดับของจิตสำนึก

Advertisement

Advertisement

มีนักจิตวิทยาชาวอเมริกาท่านหนึ่ง ที่ได้รับการยอมรับอย่างล้นหลาม ชื่อว่า Carl Ransom Rogers ได้สร้างแนวคิดทฤษฎีตัวตน (Self-Theory) ขึ้นมา

ซึ่งทฤษฎีนี้ ได้อธิบายเกี่ยวกับตัวตนไว้ 3 แบบ คือ...

      1. ตัวตนตามที่ตนมองเห็น (Perceived Self หรือ Self-Concept)

ภาพประกอบ ตัวตนตามที่ตนมองเห็น

คือ ภาพที่ตัวเรามองเห็นว่า เรานั้นเป็นคนอย่างไร ซึ่งแต่ละคนก็จะเห็นภาพแตกต่างกันไปตามความรู้สึกนึกคิดที่ถูกหล่อหลอมเลี้ยงดูหรือปลูกฝังมา รวมถึงจากการเรียนรู้มาตั้งแต่ยังเด็กภายใต้บริบทของสังคมและสิ่งแวดล้อมของบุคคลนั้นๆ

2. ตัวตนตามที่เป็นจริง (Real Self)ภาพประกอบ ตัวตนตามที่เป็นจริง

คือ ตัวตนที่เป็นไปตามความจริง ทั้งด้านร่างกาย นิสัย บุคลิกภาพและความสามารถต่างๆ โดยมาจากการประเมินหรือตัดสินจากบุคคลอื่น

เช่น เราคิดว่า เราเป็นคนเก่ง มีน้ำใจชอบช่วยเหลือคนอื่น แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนอื่นกลับไม่ได้รู้แบบนั้นเลยสักนิด เขาอาจยอมรับว่าคุณเก่งจริง
แต่ก็ไม่ได้มีน้ำใจมากขนาดนั้น เพราะความช่วยเหลือที่ให้ ก็ต้องแลกด้วยค่าตอบแทนแสนแพง เป็นต้น

  3. ตัวตนตามอุดมคติ (Ideal Self)ภาพประกอบ ตัวตนตามอุดมคติ

คือ ตัวตนในอุดมคติ พูดง่ายๆ คือ เป็นภาพที่ตัวเรามโนขึ้น หรือปราถนาที่จะเป็นแบบนั้น ซึ่งมันเป็นแรงผลักดันที่ดีอันหนึ่ง ที่ทำให้คนๆ นั้น พัฒนาตัวเองไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้

คน 1 คน มีตัวตนทั้ง 3 แบบ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว คนเรามักมีตัวตนที่เรามองเห็นไม่ตรงกับตัวตนตามความเป็นจริง อีกทั้งตัวตนตามอุดมคติก็สูงหรือไกลเกินไปอีกด้วย

ผู้เขียนมองว่า จุดนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรปล่อยผ่าน เพราะการที่เราไม่ได้อยู่กับความเป็นจริง มันสะท้อนให้รู้ว่า เรากำลังหลงทาง ติดอยู่กับความคิดของตัวเองจนเกินไป 

เราอาจคิดว่า เราดีพอแล้ว เราเก่งที่สุดในกลุ่มแล้ว ฉันจะทำให้แบบที่ฉันคิดนี่แหละ โดยที่ไม่สนเสียงรอบข้างว่าเขาจะคิดอย่างไร หรือบางคนมีภาพในหัวเยอะมาก ในอนาคตเราจะเป็นแบบนั้นแบบนี้ เราจะต้องสวยขึ้นอีก หรือฉันจะเป็นเจ้าของบริษัทพันล้าน เป็นต้น

มันไม่ผิดที่เราจะวาดภาพในหัว มองอนาคตที่สดใส แต่บางครั้งหากภาพที่มันไกลตัวเกินไป มันก็ยากที่เราจะบรรลุเป้าหมายได้ และพอทำไม่สำเร็จ แทนที่เราจะภูมิใจกับสิ่งที่เราอุตส่าห์ต่อสู้ ฝ่าฟันมา กลับกลายเป็นความรู้สึกแย่ และยิ่งพอหันไปเห็นคนรอบข้างพากันประสบความสำเร็จ โชว์ข้าวของราคาแพงๆ หรือไปเที่ยวสบายๆ ก็ยิ่งเอามาตอกย้ำตัวเองอีกว่า เรามันห่วย เพราะเราไม่มีความสามารถ เรามันโชคไม่ดีเหมือนคนอื่น

และที่เลวร้ายที่สุด คือ การที่เรามองไม่เห็นคุณค่าในตัวเองอีกต่อไป

ในเมื่อเรารู้แล้วว่า ตัวตนทั้ง 3 แบบของเรานั้น หากมีแบบใดแบบหนึ่งมากเกินไป ย่อมไม่เกิดผลดี ดังนั้น จงอย่าปล่อยให้เราจมกับความคิดตัวเองมากไป อย่ามองว่าเราประเสิฐกว่าใคร หรือด้อยกว่าใคร

ให้มองตัวเองตามความเป็นจริง เรารู้อยู่แก่ใจ เป็นไปได้ที่เราจะเผลอขาดความมั่นใจไปบ้าง หรือบางครั้งเราก็มั่นใจตัวเองเกินไป แต่ถ้าเราเปิดใจ ยอมรับฟังความคิดเห็นคนอื่น มันก็จะช่วยให้ตัวตนตามคิดเราใกล้เคียงกับตัวตนตามความเป็นจริงมากขึ้นได้

และเมื่อเรายอมรับกับสิ่งที่เป็นตามจริงแล้ว เราก็จะรู้ได้เองว่า ภาพในอนาคตที่เราวาดไว้มันไกลเกินตัวไปไหม และถ้าเราอยากจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เราจะต้องพัฒนาอะไรเพิ่มอีกบ้างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้นได้

ยิ่งทั้ง 3 ตัวตนของเรานั้น ใกล้เคียงกันมากเท่าไร ความสำเร็จนั้นก็ไม่ไกลเกินเอื้อม ตัวเราเองก็จะรู้สึกดีและรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองมากขึ้นด้วย 

" เราจะเริ่มรักตัวเองได้อย่างไร "

คำตอบนั้นง่ายมาก คือ เมื่อไรก็ตามที่เราเริ่มเรียนรู้ พยายามทำความเข้าใจตัวเอง และหัดยอมรับกับความเป็นจริง

นั่นแหละ คือ วิธีที่เราจะเริ่มรักตัวเองได้ และมันก็เป็นความรักที่แท้จริง ไม่ใช่แค่การทำให้ใจเรามีแต่ความสุข แต่เมื่อไรก็ตามที่เรามีทุกข์ เราก็จะอยู่กับมันได้ และพร้อมที่จะก้าวผ่านความรู้สึกนั้นได้ด้วยตัวเอง

สุดท้ายนี้ ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ไม่มากก็น้อยนะคะ และอย่าลืมนำไปปรับใช้ด้วยน้า แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้า

สวัสดี

ขอขอบคุณรูปทั้งหมดจาก www.canva.com/

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์