รีวิวหนังสือ THE ART OF LAZINESS

Watcharapon

12 ก.ค. 2021|2 min read

อ่านบทความอื่นจาก Watcharapon

คัดลอกลิงค์

แจ้งตรวจสอบ

ใครที่สนใจหนังสือการ์ตูนแนวคอมมิคเอสเส (COMIC ESSAY) อารมณ์ดี ขอแนะนำ THE ART OF LAZINESS โดย PLARIEX (พัชรกันย์ พิศาลสุพงศ์) ภายในเล่มว่าด้วยเรื่องของสารพัดความขี้เกียจในชีวิตประจำวันของคนเรา

ก็แหม...เราทุกคนต่างก็เคยถูกสอนมาให้เป็นคนขยันมาทั้งชีวิต แล้วเป็นไงล่ะ...

ตอนเป็นเด็กเราถูกสอนมาให้ขยันเรียน พอโตขึ้นก็ต้องขยันทำงาน แลดูเหมือนว่าความขยันนั้นเป็นสิ่งที่ได้มาจากการฝึกฝนและพยายามอย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่มีใครเคยสอนให้ขี้เกียจเลย เมื่อเปลี่ยนมุมมองชีวิตในมุมกลับกัน ความขบขันจึงบังเกิดขึ้น

หน้าปกหนังสือ THE ART OF LAZINESS หลังปกหนังสือ THE ART OF LAZINESS

และนี่คือคำนำจากสำนักพิมพ์ครับ "ความขี้เกียจเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องพยายามใดๆทั้งสิ้น หรือว่าความขี้เกียจจะเป็นธรรมชาติของเรา และการที่เราขยันนั้นคือการฝืนธรรมชาติของตัวเองอยู่ (อุต๊ะ...จริงหรือนี่) การ์ตูนเล่มนี้กำลังจะสื่อให้เราได้เห็นว่าเราจะต่อต้านความเกียจคร้านไปทำไม ถ้าขยันไม่ได้ ก็ขี้เกียจอย่างมีสไตล์ก็แล้วกัน...."

PLARIEX กล่าวไว้ในคำนำของเล่มว่าหนังสือเล่มนี้เริ่มมาจากไอเดียที่ว่าเน้นแต่ COMIC ESSAY ที่มีรูปจำนวนมากพร้อมกับกล่องข้อความที่แน่นเต็มแผ่นกระดาษ เลยตัดสินใจลองเขียนงานที่มีข้อความน้อยๆเหมือนอย่างหนังสือผลงานเล่มนี้ของเธอบ้าง สมกับชื่อหนังสือเสียจริงๆ

ตัวอย่างภายในเล่ม

เนื้อหาภายในเล่มยังคงมีทั้งส่วนของเรื่องราวจากผู้แต่งเอง เรื่องที่เพื่อนของผู้แต่งเล่าให้ฟัง รวมทั้งเหตุการณ์ตลกๆที่ผู้เขียนมองว่าหลายๆคนคงเคยมีประสบการณ์คล้ายๆกันมาก่อน เพราะอันที่จริงแล้วความขี้เกียจก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตดำเนินไปได้โดยไม่เครียดจนเกินไป (ก็จริงแหะ แต่ถ้าขี้เกียจเกินไปเห็นทีคงไม่เวิร์ค ชีวิตนี่นั้น....ต้องอยู่ทางสายกลางจริงๆ)

สำหรับส่วนตัวผู้เขียนนั้น มองว่าความขี้เกียจก็ได้ให้แง่คิดอะไรบางอย่างเหมือนกัน อย่างบางครั้งเราก็ค้นพบวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายกว่าจากความขี้เกียจ เราจะได้ไม่ต้องเหนื่อยฟรีไปซะทุกเรื่อง เช่น เรื่องทำน้ำหก ผู้เขียนไม่เช็ดนะ ถ้าไม่เลอะเปียกปอนตรงทางเดิน ปล่อยให้มันแห้งไปเอง หรืออย่างเวลาเราไปทานบุฟเฟ่ต์กับเพื่อนๆ เราก็ต้องแชร์ค่าใช้จ่าย ทว่าถ้าเป็นไปได้ เราขอเป็นคนที่ไม่ต้องคิดเงิน แบ่งเงินทอนนะ ขี้เกียจนั่นเอง

เนื้อหาในตอนที่ผู้เขียนชื่นชอบ คือ

- ใส่รองเท้าผ้าใบออกจากบ้านแล้ว แต่นึกขึ้นได้ว่าเลยลืมของ แต่ก็ขี้เกียจถอดรองเท้า วิธีแก้คือถ้าไม่คลานเข่าเข้าไปเอาก็ต้องเรียกคนในบ้านเอาของออกมาให้ หรือไม่ก็แอบย่องเข้าไปดื้อๆโดยไม่ต้องถอดรองเท้าเลย
- ตอนที่จัดตู้เย็น ส่วนใหญ่เรามักจะมีของกินเก่าๆที่บางอย่างก็หมดอายุแล้ว บางอย่างก็เริ่มส่งกลิ่นอ่อนๆ ต้องคอยหมั่นเช็ค แม้จะขี้เกียจแค่ไหนก็ตาม
- วันไหนที่ไม่อยากทำอาหารทานเองให้ยุ่งยาก ก็เลือกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเสีย หรือถ้าขี้เกียจกว่านั้นก็ทานบะหมี่ดิบๆแบบนั้นเลย ง่ายดี
- อีกตัวอย่างหนึ่งภายในเล่ม เวลาพัดลมส่าย ผู้เขียนก็ขี้เกียจปรับพัดลมจ่อที่ตัวเหมือนกัน

ถ้าใครสนใจอยากหาหนังสืออารมณ์ดีไว้คลายเครียดสักเล่ม ผู้เขียนขอแนะนำเล่มนี้เลยครับ ให้คะแนน 10 เต็ม 10 ไปเลย

ผู้เขียนเชื่อว่าเนื้อหาหนังสือภายในเล่มนี้สร้างความขบขันอารมณ์ดีได้บ้าง ไม่มากก็น้อย

ตัวอย่างภายในเล่ม