อื่นๆ
10 วิธีรักษาแผลใจจากการอกหัก

เมื่อความรักผิดหวัง ย่อมมีทั้ง ความเสียใจ ความเศร้า ความโกรธ และอีกหลากหลายความรู้สึกที่ทับซ้อนกันอยู่ข้างใน นั่นเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ที่มีอารมณ์ไปในทางลบเมื่อพบความผิดหวัง โดยเฉพาะกับความรักด้วยแล้ว อารมณ์มากมายเหล่านี้ทำให้เกิดความสับสน เราจึงมี 10 แนวทางสำหรับคนอกหัก ให้ได้เลือกใช้เพื่ออารมณ์และความรู้สึกของคุณดีขึ้น
1. ให้เวลากับความเสียใจ
เพราะเราคือมนุษย์ อารมณ์และความรู้สึก จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราไม่อาจบอกให้ความรู้สึกเสียใจของเราหยุดลงได้เดี๋ยวนั้นทันที ได้แต่ปล่อยให้มันค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับเวลา การพยายามเปลี่ยนความรู้สึกทันทีเป็นไปได้ยาก ยกเว้นการพยายามเปลี่ยนวิธีคิด แต่ก็มักจะหวนกลับมาคิดแบบเดิมซ้ำ ๆ บ้างก็คิดจะเริ่มความสัมพันธ์ใหม่กับใครสักคน แต่นั่นอาจไม่ใช่วิธีที่ดีนัก เพราะอารมณ์จะอยู่เหนือเหตุผลอย่างมากเมื่อเราเสียใจกับความรัก การให้เวลากับความเสียใจสักหน่อย ย่อมทำให้เราคิดอะไรได้มากกว่า
Advertisement
Advertisement
2 ทำในสิ่งใหม่ ๆ ที่อยากทำ
ยามมีความรัก หลายอย่างที่เป็นข้อระวัง หรือข้อหลีกเลี่ยง ไม่ได้ทำหรือทำไม่ได้ ยามเลิกรากันก็อาจเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เริ่มหรือทดลองทำในสิ่งที่ไม่ได้ทำ อะไรที่เคยอยากจะทำแต่เพราะติดขัดเรื่องของคนรัก ตอนนี้คือโอกาส ร้านอาหารที่แฟนไม่ชอบ แต่เราชอบ ออกไปเจอเพื่อนที่อยากเจอ ไม่ต้องห่วงว่าแฟนจะตาม คุยกันยันสว่างไปเลยจะเป็นไร
3. คิดถึงสิ่งดี ๆ ที่เคยทำให้
แน่นอนว่า ถ้าเราคิดถึงสิ่งดี ๆ ที่ทำให้เขา ย่อมมีความคิดถึง และอาลัยอาวรณ์ อยู่ในนั้น แต่อีกมุมหนึ่งก็เป็นการมองส่วนดีของเราว่าเรานั้นมีส่วนดีตั้งเยอะแยะ เขาคิดผิดแล้วล่ะ เช่น เราไปส่งเขาทุกเช้าที่สถานีรถไฟฟ้า, ซื้อของกินฝากเขาบ่อย ๆ, ช่วยเขาคิดงานเวลาที่เขาคิดไม่ออก ฯลฯ นั่นก็แปลว่า เราไม่ได้แย่อะไรนี่นา วันหน้าเรายังมีโอกาสได้เจอคนดี ๆ และทำสิ่งดี ๆ หรือดีกว่านี้ให้คนในอนาคตอีกเยอะแยะ
Advertisement
Advertisement
4. ติดตามดูเขา
ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องแปลกหากเราจะเปิด facebook หรือ ig คนที่เพิ่งจะเลิกกันไปเมื่อ 3 วันก่อน ยิ่งถ้าเขามีคนใหม่ เรามิร้องไห้หรือเสียใจทั้งวันทั้งคืนรึ นั่นก็อาจจะใช่ แต่ดูเพื่อ "ปล่อยวาง" ไม่ใช่ดูเพื่อคิดถึง ให้ติดตาม ให้ดูเขา เพื่อยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเขาหรือเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์เช่นคนรักกับเราอีกต่อไป ดูเพื่อให้ทุกอย่างค่อย ๆ ยอมรับว่าเราจำต้องถอยออกมาตามสภาวะที่เกิดขึ้นจริง และเพื่อให้เหตุผลของเราเหนือกว่าอารมณ์ไปตามลำดับ
5. หาคนคุย
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม อริสโตเติล กล่าวไว้ไม่ผิดแน่ หากการอยู่คนเดียวทำให้เรายิ่งฟุ้งซ่าน และควบคุมความรู้สึกไม่ได้ การหาเพื่อน หรือคนที่เรานับถือ กระทั่งคนที่รู้สึกดีพูดคุยด้วย ย่อมทำให้จิตใจมีความผ่อนคลายลงได้ หลายครั้งที่เราก็ไม่ได้แข็งแกร่ง เพราะเราก็เพียงมนุษย์ ความรู้สึกที่เศร้าหมองที่เกิดขึ้น หากมีใครสักคนปลอบประโลม ย่อมทำให้อะไร ๆ ดีขึ้นได้บ้าง
Advertisement
Advertisement
6. ออกไปหากิจกรรมกลุ่ม
การได้เจอสังคมใหม่ ๆ ก็ช่วยได้แน่นอน เพราะบางครั้งการร่วมกับคนหมู่มากในการทำกิจกรรมกลุ่ม เช่น งานกิจกรรมในชุมชน จะเป็นงานอะไรก็ได้ที่ได้รวมกลุ่มกัน ทำให้เราได้เกิดปฏิสัมพันธ์กับคนใหม่ ๆ แนวคิดใหม่ ๆ ซึ่งนั่นทำให้เราไม่มีเวลามานั่งเสียใจ และอาจจะได้วิธีคิดอะไรใหม่ ๆ จากคนที่เราไม่เคยพูดคุยด้วยก็ได้นะ
7. ปล่อยให้อารมณ์เป็นไปอย่างที่เป็น
หากเราไม่ใช่คนที่ชอบสังคม การเลือกอยู่คนเดียวให้อารมณ์มันพัดพาไปในแบบที่เราเป็นอาจจะดีกว่า การพยายามทำสมาธินั้นช่วยได้ สังคมไทยเป็นเมืองพุทธ แนวทางการทำสมาธิมีมากมาย รวมถึงการปล่อยวาง การเข้าใจถึงสัจธรรม ค่อย ๆ ขบคิดและตกผลึก ทั้งชีวิตไม่เคยฟังธรรมะ ลองฟังดูสักครั้งอาจจะติดใจ หรือถ้าไม่ดีขึ้นยังมีวิธีอีกมากมายที่ช่วยทำสมาธิ จะหัดดริปกาแฟ เล่นโยคะ หรือจะวาดรูปเล่นก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
8. ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ทางการแพทย์ยืนยันว่ามีประโยชน์หลายอย่าง และหนึ่งในนั้นคือเรื่องของการปรับสภาวะอารมณ์ด้วย ที่สำคัญหุ่นก็ดีขึ้นด้วยแน่นอนไม่ว่าจะหญิงหรือชาย เพราะตลอดการออกกำลังกายสิ่งหนึ่งที่เกิดคือการใช้พลังงานกล้ามเนื้อ รวมไปถึงกระทั่งสมอง ทำให้เกิดสมาธิ และเกิดความผ่อนคลายหลังออกกำลัง แน่นอนว่าออกเรื่อย ๆ หุ่นดี หล่อ สวย จนคุณอาจจะเจอใครที่คาดไม่ถึงมาเป็นอนาคตของคุณด้วยเลยก็ได้
9. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้นึกถึงเขา
ต้องยอมรับว่าอารมณ์คนเรามีความแข็งกร้าวและเปราะบางที่ต่างกัน หากเราคือคนที่อารมณ์อ่อนไหว การหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้นึกถึงคนที่จากมามีความจำเป็นอย่างยิ่ง เหมือนบาดแผลที่ยิ่งเอามือไปแหวกคงไม่มีอะไรดีแน่ มีแต่ความเจ็บปวดเท่านั้น ดังนั้นการหลีกเลี่ยงสิ่งที่เคยทำร่วมกัน ทำให้กัน หรือสถานที่ที่ทำให้นึกถึงกัน ให้เวลากับตัวเองก่อนนั่นเป็นการดีที่สุด
10. ยอมรับและจดจำ
ที่สุดแล้วไม่มีอะไรดีไปกว่าการยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น เราล้วนย้อนเวลาไม่ได้ เสี้ยววินาทีเราก็ย้อนไม่ได้ ดังนั้นการเข้าใจกับมันคือปลายทางให้เราได้คิดและพิจารณากับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเลิกกันด้วยดีหรือไม่ก็ตาม สิ่งเหล่านี้อาจจะมีค่าให้เราได้คิดพิจารณาเป็นประสบการณ์หรืออาจไม่มีค่าใด ๆ เลยก็ได้ แต่มันก็เป็นเรื่องที่เกิดกับตัวเราไปแล้ว ที่เหลือจะมีสิ่งใดที่ให้จำ หรือไม่ให้จำก็ตาม ก็ให้ตัวเราค่อย ๆ คิดและทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนกว่าความรู้สึกต่าง ๆ จะจางไป
การเลิกราทำให้เกิดความเสียใจ และความอ้างว้างเป็นธรรมดา ในความรู้สึกเหล่านี้ยังมีความรู้สึกอะไรอีกมากมายที่ผสมปนเปกันอยู่ในนั้น ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ถูกบอกเลิก หรือเป็นฝ่ายบอกเลิกเองก็ตาม ล้วนคือความเปลี่ยนแปลง
ความเปลี่ยนแปลงอยู่คู่กับกาลเวลา ความคิด ความรู้สึกต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา กระทั่งความเชื่อยังเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเวลาผ่านไป เราทุกคนล้วนโตขึ้น ไม่มีใครเด็กลง สังขารยังคงไปต่อไป ดังนั้นต้องยอมรับว่า แม้เราไม่ได้เปลี่ยนแปลงความคิด แต่อีกฝ่ายอาจเปลี่ยนแปลงได้สุดแท้แต่ความเป็นไปของความคิด ซึ่งเราไม่อาจห้ามเขาไม่ให้คิดได้
การจากลาเป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่มันก็คือการเริ่มต้นในสิ่งใหม่ตามวัฏจักร เมื่อมีการสิ้นสุดของสิ่งหนึ่ง สิ่งใหม่จะเกิดขึ้นตามมา ไม่ได้หมายความว่าสิ้นสุดแล้วทุกอย่างจะหยุดลง เพราะสิ่งเหล่านี้หมุนวนเช่นนี้เรื่อยไป
ความรักกับความเสียใจจึงเป็นของคู่กันตามกาลเวลา การเริ่มต้นคือความรัก และการสิ้นสุดคือความเสียใจ ทุกความรักมีโอกาสที่จะเดินทางไปสู่ความเสียใจได้ แต่อาจต่างเวลา และต่างวิธีการ หากมันเกิดขึ้นก็คือเกิดขึ้น การทำร้ายตัวเอง การตามราวี แก้แค้น ประทุษร้าย หรือทำร้ายคนรักใหม่ของคนที่เคยรัก ทั้งหมดไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น มีก็เพียงความสะใจแล้วก็สลายไป ไม่มีอะไรที่มีค่า ในขณะที่เวลายังเดินหน้าต่อไป ตัวเราก็ควรจะเดินหน้าไปกับมัน อย่านำความเสียใจไปลงที่ใคร ไม่ว่ากับคนใกล้ตัว, เพื่อนร่วมงาน หรือแม้กระทั่งลูกค้าที่เราไม่เคยพบหน้า เพราะเราล้วนมีเวลาชีวิตที่จำกัด อย่างมากก็เพียงเก็บไว้เป็นประสบการณ์ไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ก็ตาม
ขอบคุณภาพประกอบ
ภาพ 4 unsplash - Anthony Cantin
เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

เพราะชีวิตย่อมมีตัวช่วย https://www.facebook.com/chalermchaipress/
ความคิดเห็น
