อื่นๆ
เรื่องต่าง ๆ ที่ MBTI 16 ไทป์มักจะยอมแพ้
การยอมแพ้ในเรื่องที่ตัวเองวางแผนจะทำ หรือลงมือทำ เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับคนทั่วไปและคนทุกคน ซึ่งอาจนำพาไปสู่อารมณ์ของความผิดหวัง เจ็บปวด โกรธ และเสียใจได้ ซึ่งคนเอเชียส่วนมาก มักจะมีปัญหาในการสอนให้ลูกๆจัดการอารมณ์ ด้วยการบอกว่า ห้ามรู้สึกไม่ดี ต้องมีชีวิตที่มีความสุขเพียงอย่างเดียว และต้องกัดฟันสู้บากบั่นอย่างลำบากก่อนจะสำเร็จเพียงอย่างเดียว ซึ่งนั้นไม่ใช่หลักแนวคิดที่ใช้ได้จริงเสมอ เพราะการจัดการอารมณ์ของตัวเองได้ในชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก มันเป็นไปไม่ได้ที่ชีวิตของคนเราจะมีความสุขตลอดเวลา การรับรู้ว่าเราอารมณ์ไม่ดี เรามีวันแย่ๆ และเรากำลังโกรธและเสียใจ แต่รู้วิธีที่จะแสดงออกอย่างเหมาะสมและไม่ทำร้ายคนอื่น หรือทำร้ายตัวเอง เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ มาดูกันดีกว่าว่าทำไม MBTI 16 ไทป์ถึงยอมแพ้กับสิ่งต่างๆ
Advertisement
Advertisement
1. ISFP -- หมดใจที่จะทำงานต่อ เพราะ ISFP เป็นบุคลิกของนักผจญภัยซึ่งมีจำนวนประชากรอยู่ที่ 8.8% มีนิสัยรักอิสระ นุ่มนิ่ม ใจดี เงียบ สงวนท่าที แต่ก็เป็นคนที่เปิดเผยและตรงไปตรงมาตอนที่รู้จักกันมากขึ้นหรือสนิทกัน เป็นคนที่น่ารักเป็นอย่างมากกับเพื่อนที่สนิทมานาน การทำงานที่ต้องใช้เวลานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือนั่งอยู่ในเก้าอี้นานถึงวันละ 8 ชั่วโมงทุกๆวันต่อวัน ทำให้ ISFP รู้สึกเบื่อหน่ายได้ เพราะ ISFP มักจะมองความรู้สึกสนุกสนานและความหมายกับสิ่งต่างๆที่ตัวเองทำอยู่บ่อยๆ
ผู้เขียนรู้จักเพื่อนๆไทป์ ISFP ที่มักจะลาออกจากงานหรือเปลี่ยนงานของตัวเองที่ทำบ่อยๆเพราะไม่อดทนด้วย และจะทำสิ่งที่ตัวเองชอบได้นานหน่อย เช่น เบื่อหน่ายการยืนในร้านคาเฟ่ ก็จะเปลี่ยนไปวาดรูปหรือ mint nft ขายแทน และมักจะชอบสร้างเพลย์ลิสเพลงเจ๋งๆบนช่อง Youtube ของตัวเอง เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์อย่างมากในการทำงาน
Advertisement
Advertisement
2. ISTP -- กลัวอนาคตที่มองไม่เห็นและมาไม่ถึง เพราะ ISTP เป็นบุคลิกของผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ มีจำนวนประชากรอยู่ที่ 5.4% มีนิสัยมีเหตุมีผล มองโลกตามความจริง หิวกระหายที่จะได้ทำงานที่มีแรงขับเคลื่อนสูง การมองเห็นทุกคนในที่ทำงานแข่งขันกันเองเพื่อชื่อเสียงและผลงานที่ไม่มีแรงขับเคลื่อนอะไรจับกลุ่มเม้ามอยคนนั้นคนนี้นินทาไปวันๆ สร้างเรื่องดราม่าโดยไม่จำเป็น จนทำให้ ISTP มองไม่เห็นว่าอนาคตในที่ทำงานจะออกมารูปแบบไหนอาจจะทำให้ ISTP รู้สึกเบื่อหน่ายและหมดอารมณ์ในการทำงานได้จนสามารถยอมแพ้และเลิกทำไปเฉยๆ
ผู้เขียนไม่เคยเจอเพื่อน ISTP ที่ล้มเลิกสิ่งที่ตัวเองตั้งใจง่ายๆ หรือเราไม่สนิทกันมากพอที่เพื่อน ISTP จะเล่าอะไรให้ผู้เขียนฟัง อันนี้ผู้เขียนก็ไม่ทราบ เพราะเพื่อน ISTP มักจะแสดงแต่ด้านดีๆของตัวเองให้คนอื่นเห็นอยู่เสมอ และปัดเรื่องไม่ดีในชีวิตซุกไว้ใต้พรม
Advertisement
Advertisement
3. INTP -- หยุดเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะ INTP เป็นไทป์ของนักตรรกะ มีจำนวนประชากรอยู่ที่ 3% และมีนิสัยมีเหตุมีผล มองโลกตามความจริง ใช้ความคิดในการตัดสินใจมากกว่าอารมณ์และความรู้สึก ถูกล้อเลียนบนอินเทอร์เน็ตว่าเป็นคอมพิวเตอร์หรือหุ่นยนตร์บ่อยๆ มีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาด ชอบเอาชนะ ชอบค้นคว้า ชอบคิดค้น ชอบวิเคราะห์ไปเรื่อยๆในความคิดของตัวเอง พวกเขาคงจะยกธงขาวได้ถ้าพวกเขารู้สึกว่าความสามารถของพวกเขานั้นไม่ดีพอ
ผู้เขียนเคยเห็นเพื่อน INTP ยกธงขาวในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะทำเสมอๆเพราะความขี้เกียจ ความหมดอารมณ์ ความไม่อยากทำอะไร และหมดกะจิตกะใจหรือหมดไฟที่จะลงมือทำ แต่ผู้เขียนไม่เคยเจอเพื่อน INTP ที่หมดความมั่นใจในความคิดของตัวเองเลยในความเป็นจริง อาจจะบั่นทอนบ้าง แต่ก็กลับมาทำงานต่อได้ดี
4. INFP -- รู้สึกเศร้าเสียใจในชีวิตของพวกเขาเอง หรือสิ่งที่พวกเขากำลังจะทำ อาจจะนำพาผลลัพท์ที่ไม่ดีมาสู่ชีวิตของคนอื่นๆ เพราะ INFP เป็นบุคลิกของนักไกล่เกลี่ยที่มีจำนวนประชากรอยู่ที่ 4% ซึ่งเป็นไทป์ที่หายากไทป์หนึ่ง ที่มีนิสัยมองโลกในอุดมคติ ช่างเพ้อฝัน อยู่ในจินตนาการ รักความเป็นส่วนตัวและมีพื้นที่สำหรับกล่องไอเดียและบรรจุความคิดสร้างสรรค์ คงรู้สึกหมดอารมณ์ถ้าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นสิ่งที่ตัวพวกเขาเองมองว่าไม่มีความหมายอะไรกับชีวิตของใคร และอาจทำให้พวกเขารู้สึกเศร้าเสียใจได้
ส่วนเพื่อน INFP ผู้เขียนรู้จักเพื่อน INFP หลายๆคนที่ไม่ลงมือทำอะไรในชีวิตด้วยตัวเองบ่อยๆ และกลับไปกลับมาในคำพูดของตัวเองค่อนข้างบ่อย คาดหวังเป็นอย่างมากกับความสำเร็จ และความร่ำรวย แต่ก็ไม่ชอบลงมือทำอะไรด้วยเช่นกัน มักจะเบื่อง่าย และเมื่อรู้สึกเหนื่อยมากเกินไป ก็มักจะบ่นนั้นบ่นนี้ เป็นเพื่อนที่มองโลกในแง่ดีเกินไปและอ่อนไหวง่ายเป็นอย่างมาก
5. ENFP -- มองเห็นความล้มเหลวในชีวิตถ้าดื้อรั้นหรือดึงดันที่จะทำสิ่งๆนี้ต่อ เพราะ ENFP เป็นไทป์ของนักรณรงค์ มีจำนวนอยู่ 8.1% บนโลก มีนิสัยร่าเริงสดใส มองโลกในแง่ดี มีความคิดสร้างสรรค์ และชอบเข้าสังคม เข้ากับคนอื่นได้ดี เปิดเผย และมีชีวิตชีวา เพ้อฝันแต่ก็ดึงตัวเองกลับมาในโลกของความเป็นจริงได้อย่างรวดเร็ว คงจะรู้สึกแย่ถ้าต้องตื่นเช้า ทำงาน เลิกงาน เวียนๆกันไปแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนสุขภาพจิตพัง ENFP จึงพิจารณาว่าชีวิตอาจจะล้มเหลวได้ถ้าทำสิ่งๆนี้ต่อไปได้
เพื่อน ENFP ที่ผู้เขียนรู้จักเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะมาก มีเพื่อนสนิทและคนรู้จักอยู่แทบจะทุกที่ๆไปเลย รู้จักคนเยอะมาก สนิทกับคนไวมาก พูดมาก ร่าเริงสดใส และมีมุมที่โลภเป็นอย่างมาก และพวกเขาดื้อรั้นมากเกินไปจริงๆในเรื่องที่พวกเขาอยากจะทำให้ได้ และบ่อยครั้งที่พวกเขาเลิกทำเพราะเบื่อ หรือเพราะมองไม่เห็นอนาคตที่ทำให้ชีวิตเขารู้สึกดีขึ้นกับตัวเอง
6. INTJ -- มีปัญหาสุขภาพและเริ่มมองว่าปัญหาในชีวิตส่วนตัวเป็นเรื่องใหญ่กว่าปัญหาในที่ทำงานหรือสิ่งที่ตัวเองเจอ เพราะ INTJ เป็นบุคลิกของนักออกแบบที่มีจำนวนประชากรอยู่ที่ 2% บนโลก เป็นคนที่มีนิสัยนิ่งๆเงียบๆ โลกส่วนตัวสูง จัดระเบียบความคิดทางชีวิตและถนัดในการเก็บข้อมูล รายละเอียดยิบย่อยที่คนส่วนมากตกหล่นและไม่สนใจกัน เป็นคนฉลาดเป็นอย่างมากและมักจะมองหาผลประโยชน์ในตัวของคนรอบๆตัวที่สามารถใช้ได้ด้วย การเจออุปสรรคที่มีผลกระทบต่อ INTJ ระยะยาวจะทำให้ INTJ อยากจะยกธงขาวได้
INTJ ที่ผู้เขียนรู้จักในชีวิตจริงเป็นคนที่สู้ไม่ถอย กัดไม่ปล่อย ไม่ค่อยยอมแพ้อะไรง่ายๆค่ะในสิ่งที่ตัวเองคิด วางแผน และลงมือทำ แต่พวเขาอาจจะไม่พอใจถ้ามีคนที่พวกเขาพิจารณาว่าเป็นคนนอกไปล้ำเส้นของเขาได้
7. ENTP -- กลัวความล้มเหลวมากกว่าที่จะประสบความสำเร็จ เพราะ ENTP เป็นบุคลิกของนักโต้วาที มักจะมีนิสัยมีเหตุผล มีจินตนาการ มองโลกในแง่ดี มีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาด ป็อบปูล่า เข้าสังคมได้ดี เป็นเพื่อนกับคนได้ง่าย ชอบพูด ชอบคุย พูดมาก ชอบเล่าเรื่อง มีไอเดียต่างๆในสมองมากมาย แต่ก็ไม่ทำ เพราะกลัวความล้มเหลวมากกว่าที่จะประสบความสำเร็จจึงทำให้บางทีก็ยอมแพ้ไปก่อนที่จะเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่างอย่างจริงๆจังๆ ผู้คนมักจะประเมินความสามารถของ ENTP ต่ำกว่าความเป็นจริงเพราะท่าทางทีเล่นทีจริงของ ENTP แต่เชื่อเถอะ คนไทป์ ENTP เป็นคนที่ฉลาดกว่าที่ทุกคนคิด
ENTP ที่ผู้เขียนรู้จักในชีวิตจริงเป็นคนที่พูดมากเป็นอย่างมากและเปิดเผยทุกอย่างเหมือนกับมนุษย์ป้าและมนุษย์ลุงเมื่อสนิทกัน แต่ก็ต้องการมุมของความเป็นส่วนตัวที่จะอยู่คนเดียวได้เช่นกัน และมักจะยกธงขาวยอมแพ้บ่อยๆในเรื่องที่คิดว่าตัวเองทำไม่ได้ หรือมีความสามารถไม่มากพอ
8. INFJ -- รู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาต้องเสียไปเพื่อแลกกับการให้ได้มามากเกินไปสำหรับการลงมือทำสิ่งๆนี้ INFJ เป็นบุคลิกของผู้แนะนำ มีจำนวนประชากรอยู่ที่ 1% มักจะมีนิสัยเงียบๆ รักสงบ โลกส่วนตัวสูง ใจดี มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนดี มักจะไวต่อความรู้สึกหรืออารมณ์ของคนอื่น รู้ปัญหาของเพื่อนสนิทรอบๆตัวก่อนที่เขาจะเอ่ยปากบอกหรือเล่าอะไรให้ฟัง พวกเขาทนไม่ได้กับการทำงานเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาทุกๆวันโดยไม่มีเป้าหมายอะไรในชีวิต หรือรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นเรื่องที่ไม่มีความหมาย ไม่มีแรงจูงใจ และรู้สึกแย่จนไม่ยอมกลับไปทำอีก
INFJ ที่ผู้เขียนรู้จักในชีวิตจริง ไม่ใช่คนที่ชอบเปิดเผยอารมณ์อ่อนไหวง่ายของตัวเองมากขนาดนั้นค่ะเลยไม่รู้จริงๆว่าปัญหาของพวกเขาคืออะไร แต่พวกเขาตั้งใจและขยันทำงานของตัวเองมากๆ และจะบ่นเก่งเป็นอย่างมากเมื่อรู้สึกผิดหวังค่ะแต่จะเป็นเหมือนการเล่นโจ๊กหรือปล่อยมุกแบบที่พวก Extravert ทำกันเฉยๆ
9. ISTJ -- ติดอยู่ในอดีตที่ผิดพลาดของตัวเอง เพราะ ISTJ คือบุคลิกของนักคำนวน มีจำนวนประชากรอยู่ที่ 11.6% บนโลก มีนิสัยจริงจัง เข้มงวด รับผิดชอบงานแบบ Work Life Not Balance อาจจะงาน 70-80% ชีวิตส่วนตัว 10-30% เป็นคนที่จดจำรายละเอียดต่างๆในชีวิตได้ดี และจริงจังกับกฎระเบียบในที่ทำงาน การติดอยู่ในปัญหาเดิมๆบ่อยๆครั้งแบบหาทางออกไม่ได้อาจจะทำให้ ISTJ เบื่อหน่ายและขาดแรงจูงใจในการทำงานได้ อย่างเช่น หากแข่งขันกันแล้วหวังอันดับ 1 แต่ได้อันดับ 2 ตลอด ในเรื่องเดิมๆซ้ำๆกันก็คงจะทำให้ ISTJ หมดไฟ และคิดอยากจะล้มเลิกได้
ผู้เขียนไม่สนิทกับเพื่อนๆไทป์ ISTJ ค่ะ แต่มีช่วงหนึ่งที่ผู้เขียนทำงานหนักและได้ไทป์ ISTJ มา ตอนนั้นเป็นช่วงที่ลงทุนถูกที่แล้วชีวิตรุ่งค่ะเลยรู้สึกว่าตัวเองรวยเว่อร์ๆ ประสบความสำเร็จ โชคดีหน่อยๆ เลยรู้สึกว่าทุกคนก็หมดไฟและยอมแพ้ทั้งนั้น ถ้าติดอยู่ในอดีตที่เคยผิดพลาดของตัวเอง
10. ESFJ -- ทนความเปลี่ยนแปลงไม่ไหว เพราะ ESFJ เป็นบุคลิกของผู้ให้คำปรึกษาซึ่งมีจำนวนประชากรอยู่ที่ 12.3% มีนิสัยเป็นมิตร เป็นกันเอง อบอุ่น เข้าสังคมได้ดี ชอบพูดชอบคุย ชอบรู้จักคนใหม่ๆ และชอบดูแลคนอื่น จัดการระเบียบทางความคิดและชีวิตของตัวเองได้ดีทั้งในที่ทำงานและเวลาส่วนตัว ในการทำงาน ESFJ มองว่าคอนแนคชัน ขนบธรรมเนียม กฎระเบียบ และอันดับผู้อาวุโสเป็นเรื่องที่สำคัญจริงๆสำหรับ ESFJ และการเปลี่ยนแปลงระบอบแบบกะทันหัน อาจจะทำให้ ESFJ เครียด รับมือไม่ทัน และอาจจะยอมแพ้ไปได้
เพื่อน ESFJ ที่ผู้เขียนรู้จักเป็นเพื่อนที่ออ่นไหวง่ายมากๆ ร้องไห้ง่ายมากๆ กล้าแสดงออกพอสมควร แต่บางครั้งก็ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำยังไง จึงอยู่นิ่งๆ เป็นคนที่รับมือกับความเครียดได้ไม่ง่ายเท่าไร ดูเหมือนนิ่งๆ แต่จริงๆแล้วเป็นคนที่จริงจังมากเลย และมักจะแสดงออกอย่างใจเย็นอยู่เสมอด้วย เพื่อน ESFJ เป็นเพื่อนที่ผู้เขียนรู้จักแบบผิวเผิน ไม่ได้สนิทกันมากเท่าไร
11. ENFJ -- รู้สึกบั่นทอน หมดความมั่นใจในตัวเอง เสีย self และเริ่มเบื่อที่จะทำ แต่ไม่ใช่เพราะอดทนไม่มากพอ แค่อาจจะเป็นเพราะสิ่งที่เจอนั้นมันทำให้รู้สึกแย่มากๆจริงๆ เพราะ ENFJ เป็นบุคลิกของตัวเอกที่มีจำนวนประชากรอยู่ที่ 2.5% เพราะ ENFJ เป็นเพื่อนที่เหมือนสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ที่พลังงานล้นเหลือ พูดมากและขี้เล่นตลอดเวลา ตื่นเต้นและสงสัยกับเรื่องใหม่ๆที่เข้ามา และคงจะรู้สึกยอมแพ้เวลาเจอคนแย่ๆที่ทำให้รู้สึกแย่ๆ หรือเจอเรื่องน่าเบื่อที่ทำให้ต้องร้องไห้และทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ในชีวิตจริงผู้เขียนไม่เคยเจอเพื่อนไทป์ ENFJ ที และเพื่อนไทป์ ENFJ ในโลกออนไลน์ก็เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมากๆ
12. ENTJ -- คาดหวังผลลัพธ์ที่เร็วกว่า ENTJ คือบุคลิกของผู้บัญชาการ มีจำนวนประชากรอยู่ที่ 3% บนโลก มีนิสัยเป็นผู้นำ เด็ดขาด มั่นใจในตัวเอง และมักจะมองเห็นภาพรวมขนาดใหญ่ และมองว่าผลลัพธ์นั้นสำคัญกว่าวิธีการในการทำงาน จะถามหาผลลัธ์มากกว่าขั้นตอน จะทำงานยังไงให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย จะวางแผนงานยังไง จะพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ได้ยังไง คือสิ่งที่อยู่ในหัวของ ENTJ อยู่ตลอดเวลา และหากเจอไอเดียที่ดีกว่าและได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่า เพื่อนๆไทป์ ENTJ ก็สามารถเปลี่ยนความคิดและวิธีการของตัวเองได้อย่างรวดเร็วทีเดียว
คนไทป์ ENTJ ที่ผู้เขียนรู้จักเป็นคนที่ทะเยอทะยาน รักในการทำงาน และแม้จะหมดไฟ แต่ก็ยังมีพลังงานล้นเหลือในการทำงานมากในชีวิตจริง ค่อนข้างเข้าสังคม ปรับตัวเก่ง และรู้จักใช้ผลประโยชน์จากคนได้ดี ค่อนข้างเซ้นท์ไว และรู้ว่าคนๆนี้เป็นคนยังไง หรือคนๆนี้มีปัญหายังไง รู้ว่าต้องใช้วิธีพูดและการโน้มน้าวใจแบบไหนให้คนอื่นทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ มักจะเปลี่ยนใจบ่อยๆเกี่ยวกับวิธีการทำงานเพื่อผลลัพธ์ที่พวกเขาคิดว่าสำเร็จไวกว่า หรือมีประสิทธิภาพมากกว่า
13. ISFJ -- ถูกวิพากย์วิจารณ์ความคิดเห็นอย่างรุนแรง โดนดูถูก หรือไม่มีใครเห็นด้วยในแผนการของสิ่งที่วางแผนจะทำอย่างจริงจัง เพราะ ISFJ คือบุคลิกของผู้ตั้งรับ มีจำนวนประชากรอยู่ที่ 13.8% มักจะมีนิสัยใจดี เงียบ สงวนท่าที ชอบใส่ใจ ชอบดูแลเพื่อนๆและคนอื่นๆในครอบครัว มีความเห็นอกเห็นใจสูงและขี้สงสารคน สภาพแวดล้อมและคนที่เจอในที่ทำงานเป็นเรื่องที่สำคัญจริงๆสำหรับเพื่อนๆไทป์ ISFJ ที่มีนิสัยอ่อนไหวง่ายและช่างเห็นอกเห็นใจ การเจอเรื่องแย่ๆหรือความคิดเห็นแย่ๆบ่อยมากเกินไปในที่ทำงานหรือการถูกทำให้อับอายและขายหน้าทำให้ ISFJ ล้มเลิกสิ่งที่ตั้งใจลงมือทำได้
เพื่อน ISFJ ที่ผู้เขียนรู้จัก เป็นเพื่อนไทป์ที่ดูแลทุกคนเหมือนคนที่บ้านดูแลผู้เขียน เหมือนคนในครอบครัวดูแลผู้เขียน และเหมือนถูกวิพากย์วิจารณ์หรือถูกติเตียนจากหัวหน้าที่มีตำแหน่งเหนือกว่าหรือจากคนที่พวกเขาแคร์ พวกเขาจะเปลี่ยนวิธีการทันทีค่ะ
14. ESFP -- ไม่ได้คำนึงถึงโลกความเป็นจริงว่าสิ่งที่คิดจะทำนั้นจะเป็นไปได้หรือเปล่า หรือเพ้อฝันมากเกินไป เกี่ยวกับชีวิตที่สวยงาม แต่พอลงมือทำจริง อาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะ ESFP เป็นไทป์ของนักเอนเตอร์เทรน มีจำนวนประชากรอยู่ที่ 8.5% มีนิสัยรักความสนุกสนาน ชอบเข้าสังคม รักในการสร้างเสียงหัวเราะและมอบความสุขให้กับคนรอบๆตัว บ่อยครั้งที่ ESFP มักจะมีปัญหาในการใช้สมาธิจดจ่อกับการทำอะไรอย่างใดหนึ่งเป็นเวลานานๆ โดยไม่เปลี่ยนความสนใจไปทำเรื่องอื่นๆเลย การเพิกเฉยต่อความเป็นไปได้และความเป็นจริงที่โจหดร้ายเป็นเวลายาวนานอาจทำให้ ESFP รู้สึกยอมแพ้ได้
เพื่อน ESFP ที่ผู้เขียนรู้จักในชีวิตจริงเป็นเพื่อนที่มีนิสัยขี้เล่นเป็นอย่างมาก และเมื่อพวกเราอยู่ด้วยกัน พวกเราจะไม่ทำอะไรนอกจากหัวเราะกันทั้งวันเลยค่ะ เลยรู้สึกว่าเพื่อนไทป์นี้เป็นเพื่อนที่พูด แต่ไม่ทำ ซึ่งผู้เขียนก็จะทำให้เพื่อนไทป์นี้เข้าใจว่าไม่ต้องฟังความคิดเห็นหรือแคร์สายตาของคนอื่นมากขนาดนั้นก็ได้
15. ESTJ -- ทำงานเยอะเกินไป จึงเหนื่อย ไฟไอเดียค่อยๆมอดและกลายเป็น burn out แทน เพราะ ESTJ เป็นบุคลิกของผู้บริหาร มีนิสัยเป็นผู้นำ รักในการเข้าสังคม ทำงานเก่ง และชอบลงมือทำ รวมถึงผลักดันชีวิตของคนอื่นคล้ายๆกับนิสัยของ ENTJ เพียงแต่เพื่อนๆไทป์ ESTJ จะสนใจกฎระเบียบและวิธีการทำหรือขั้นตอนการลงมือทำมากกว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นถ้าเทียบกับเพื่อนๆไทป์ ENTJ ถ้าหาก ESTJ ไม่ได้เป็นผู้นำ และต้องทำงานตามคำสั่งของคนอื่น การทำงานที่มากเกินไป เจ้านายที่ตีงานกลับมาให้แก้งานด้วยอารมณ์บ่อยๆ แต่ไม่ได้บอกว่าให้แก้ตรงไหน นอกจากคุยโว พูดโม้โอ้อวดสรรพคุณความสามารถของตัวเองที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องงานหรือสิ่งที่นำมาใช้ได้ในชีวิตจริงและได้รับประโยชน์อะไร อาจจะทำให้ ESTJ รู้สึกเหนื่อย เบื่อ และหมดไฟได้ง่ายๆในการทำงานและยกธงขาวโบกมือขอยอมแพ้
เพื่อน ESTJ ที่ผู้เขียนรู้จักในชีวิตจริงมักจะบ่นเก่งเป็นอย่างมากเกี่ยวกับชีวิตจริง ชีวิตการทำงาน แฟน เพื่อน เกือบจะทุกๆอย่างและเกือบจะทุกๆเรื่อง เป็นเพื่อนที่จริงจังและเครียดง่ายมาก ผู้เขียนพบว่าบ่อยครั้งที่เพื่อน ESTJ มักจะรับบทเป็นเดอะแบกเพื่อนไทป์ INFP แบบผู้เขียน แบบที่ผู้เขียนต้องเก็บเพื่อนไทปื ESTJ Bestie ไว้สักคนในชีวิตจริง เพื่อที่ผู้เขียนจะได้รู้สึกว่าเรื่องยากๆในชีวิตของตัวเองผ่านไปได้สักที เป็นเพื่อนที่หลังจากทำงานเสร็จทั้งวัน ก็จะกลับบ้านมาอ่านหนังสือสอบ Toeic ต่อ เป็นเพื่อนที่ทะเยอทะยานเป็นอย่างมาก ขยันและตั้งใจทำงานมากๆคนหนึ่งค่ะ ค่อนข้างดูเนิร์ดในสายตาเพื่อนๆ และเป็นคนที่เครียดและจริงจังมากๆ และขี้บ่นมากๆเช่นกัน
16. ESTP -- รู้สึกเบื่อ ขาดอิสระ ไม่มีความสุขในที่ทำงาน เพราะ ESTP เป็นไทป์ของผู้ประกอบการ มักจะเป็นคนที่สนุกสนาน เข้าสังคมได้ดี มองโลกในปัจจุบัน มองโลกตามความจริง ใช้เหตุผลในการคิดและแก้ปัญหา และมีความอดททนอย่างมากในเรื่องที่ตัวเองสนใจ
เพื่อน ESTP ที่ผู้เขียนรู้จักในชีวิตจริงเป็นคนที่บ้ามากๆ สามารถพาผู้เขียนออกจากโลกความคิดในหัวตัวเอง ออกไปเที่ยว ไปกิน ไปพูดคุย ไปคาราโอเกะ ไปเจอสังคมได้ และทำให้สมองและอารมณ์ของคุณไม่เจ็บปวดมากเท่าไรจากการเจอสังคม เป็นคนที่จริงใจ ตรงไปตรงมา และมีมุมที่เอาแต่ใจเหมือนเด็กๆเป็นอย่างมาก บ่อยครั้งที่เพื่อนไทป์ ESTP มักจะลาออกจากงานประจำที่ทำเพราะเบื่อ และงานหนักเกินเบอร์ค่ะ
ในฐานะของผู้เขียนที่เป็น INFP และได้ MBTI ไทป์ เป็น INFP บ่อยสุดๆเลย ผู้เขียนคิดจริงๆว่าผู้เขียนอยากจะลงมือทำอะไรหลายๆอย่างในชีวิต เช่น เขียนหนังสือ เขียนโปรแกรม วาดรูป เรียนดิจิทัลอาร์ท เรียนการเขียนงานแบบมินิมอล เรียนออกแบบ และเขียนเว็บไซต์เพิ่มเติม สร้างบอท ทำพื้นที่โฆษณาแบบ Market Place บน Facebook และเปิดคอมมูนิตี้ให้สมาชิกทุกคนเข้าไปพูดคุยแสดงความคิดเห็นเป็นกลุ่มๆแบบ Community ใน Facebook Group ในเรื่องที่ตัวเองสนใจ แต่สิ่งที่ทำให้ไปต่อไม่ได้และต้องยกธงขาวคือรู้สึกเบื่อ หมดไฟ ขาดความอดทน เจออุปสรรคแล้วล้มเลิก หรือรู้สึกว่าความมั่นใจของเราถูกบั่นทอน และเริ่มรู้สึกแย่กับชีวิตของตัวเอง จึงทำอะไรได้ไม่นานเท่าไร เหมือนคนที่ลงมือทำอะไรได้ครึ่งๆกลางๆ แล้วเราก็ ไม่เอา ผลลัพท์คือมันดีนะ แต่ดีไม่สุดเท่าไร ดีแบบกลางๆ แถมการแข่งขันยังสูงอีก ตอนนี้ผู้เขียนไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองเป็น INTJ หรือเปล่า แต่เพื่อนไทป์ ESTJ หรือ ENTJ ของผู้เขียนไม่ยอมล้มเลิกหรือยอมแพ้อะไรง่ายๆจนกว่าจะได้ทำอะไรอย่างถึงที่สุดจริงๆ ส่วนพวกที่ใช้ Sensing เด่นๆก็เป็นพวกกัดฟันสู้ไม่ถอย กัดไม่ปล่อยกันเลยทีเดียวกับเรื่องที่อยากจะลงมือทำ ส่วนผู้เขียนที่เป็น INFP รู้สึกเครียด ถ้าจะใช้ชีวิตแบบนั้น อยากจะปล่อยชีวิตของตัวเองแบบใช้ไปเรื่อยๆสบายๆ วิถีซาโตริ ที่ไม่ต้องหวังรวย แค่เอาตัวรอดไปให้พ้นจากวันนี้ได้ก็พอแล้ว ประมาณนี้มากกว่าค่ะ เพื่อนๆ MBTI ไทป์อื่นๆยกธงขาวและยอมแพ้เรื่องอะไรบ้างก็คอมเมนท์เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันได้นะคะ
แหล่งอ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติมที่ 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6 / 7 / 8 / 9 / 10 / 11 / 12 / 13 / 14 / 15 / 16
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ :
- เมื่อ MBTI 16 ไทป์ อยู่ในโลก Hollywood
- MBTI 16 ไทป์จะตายยังไงใน GOT (Game of Thrones มหาศึกชิงบังลังก์) จากจินตนาการสุดบรรเจิดของผู้เขียน จอร์จ อาร์อาร์ มาร์ติน
- จริงเหรอ ที่ INFP เงียบมากเกินไป
- จะรู้ได้ยังไงว่า INTP ชอบคุณ
- จริงเหรอ ที่ INFJ ไม่ชอบพูดเรื่องตัวเอง
ขอขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปก / Canva
รูปภาพประกอบที่ 1 โดย skorchanov / 2 / 3 / 4 / 5 / 6 โดย Schmidsi / Pixabay
เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
ความคิดเห็น