อื่นๆ
ธรรมชาติ สดใส ใน หน้าแล้ง

เดือนนี้ ย่างเข้าหน้าแล้ง หน้าร้อนกันแล้ว ทั่วทุกภูมิภาค อากาศก็ร้อนระอุไม่แพ้สถาณการณ์โรคโควิด-19 เลยทีเดียว แต่ในความแปรปรวนของธรรมชาติก็ยังมีความสวยงามแอบซ่อนอยู่นะครับ ทริปนี้ของผู้เขียน ไม่ไปไหนไกล อยู่ในป่าดงพงไพรใกล้บ้านนี้ละ ไปไหนไกลไม่ได้ จะว่าไปนะ ในป่าแบบนี้ก็มีมุม มีสิ่ง สวย ๆ งาม ๆ ให้เราได้ถ่ายรูป ได้แล ได้ชม เยอะแยะมากมายเลยทีเดียว
ช่วงนี้ ทุกภาคส่วน ต่างก็เครียด ๆ กันกับการรับมือโรคโควิด-19 หลายพื้นที่หลายจังหวัดก็เริ่มมีการ Lock Down พื้นที่กันบ้างแล้ว ผู้เขียนเลยอยากหาอะไรสวย ๆ งาม ๆ ที่ดูแล้วผ่อนคลายสบายสายตาให้กับเพื่อน ๆ ผู้อ่านทุกท่านได้คลายเครียดกัน แต่จะแฝงไว้ด้วยสัจธรรมกันไว้บ้างนิด ๆ หน่อย ๆ พอได้เห็นอีกมุมหนึ่งของสรรพสิ่งบนโลกของเราผ่านธรรมชาติเหล่านี้
เริ่มกันด้วย ภาพของใบไม้อ่อนที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าที่กำลังแตกยอดอ่อน เปรียบเสมือนชีวิตน้อย ๆ ของพวกเรา ที่จะต้องเติบโต เติบใหญ่ ธรรมชาติก็คือสิ่งมีชีวิตเหมือนกับเรา มีเกิด(งอก) แก่(แห้ง) เจ็บ(หัก) ตาย(ร่วง) ไม่แตกต่างกันเลย มันคือสัจธรรมล้วน ๆ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตเรา หรือ สรรพสิ่งบนโลกใบนี้
Advertisement
Advertisement
ผู้เขียนหยุดเงยหน้ามองต้นไม้ที่สูงใหญ่ ยืนต้น อย่างโดดเด่น เก็บภาพมาสักภาพสองภาพ กว่าต้นไม้ต้นนี้จะโตมาได้ขนาดนี้ ต้องผ่านการเปลี่ยน ผลัดใบ หลาย ๆ รอบ ในหลาย ๆ ปี ผ่านพายุ ลมฝนมาได้ ก็เปรียบเสมือนชีวิตเรา ที่กำลังเข้าสู่ช่วงแห่งการพัฒนาในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านร่างกาย อาชีพการงาน หรือแม้แต่การสร้างครอบครัว ที่จะต้องเติบโต เติบใหญ่ขึ้นตามลำดับต่อไป
บางครั้งบางช่วงของชีวิตก็ราบรื่น ดูมีความสุข ดูมีสีสัน ทำอะไรก็สำเร็จไปเสียหมด เปรียบเหมือนใบหญ้า ที่พริ้วไหว สวยงาม
แต่บางช่วงของชีวิต ก็จะมีบ้างที่จะดูโดดเดี่ยว ไร้คนรอบข้าง ไร้คนรัก ไร้คนเข้าใจ ผู้เขียนเองก็เคยเป็น แม้ปัจจุบันบางครั้งก็รู้สึกได้ในเรื่องแบบนี้ โดยเฉพาะเวลาเจอปัญหาหนัก ๆ แบบช่วงนี้ มันหนักหน่วงจริง ๆ หากขาดคนที่ให้กำลังใจอยู่เคียงข้าง มันก็ทำให้ท้อได้ง่าย ๆ
Advertisement
Advertisement
จะอย่างไรก็ตาม ทุกก้าวย่างของชีวิตเรามักมีสองด้านเสมอ มีสุข มีทุกข์ มีเติบโต มีร่วงโรย เปรียบเสมือนใบไม้และกิ่งไม้นี้ ที่ด้านซ้าย ใบร่วงโรยเมื่อถึงเวลา ส่วนด้านขวา ใบกำลังเขียวสดใส สวยงาม ทุกขณะจิตเราต้องมีสติอยู่เสมอ เมื่อยามมีสุข ก็เผื่อชีวิตในยามทุกข์ไว้ด้วย
ผู้เขียนอยากให้อย่าท้อ และอย่าหมดหวังกับชีวิต มีขึ้น มีลง ธรรมดา ฉะนั้น ทุกช่วงของชีวิต หากผ่านและพบเจอกับความทุกข์ ยาก ลำบาก หรือพ่ายแพ้ ผิดหวังกับอะไรสักอย่าง ขอให้สู้ และทำแต่สิ่งดี ๆ คิดดี ๆ ความดีงามที่เราสั่งสมมา เป็นคุณค่าที่ให้คนจดจำ ก็จะยังคงอยู่ เปรียบเสมือนใบไม้แห้ง แม้ในยามร่วงโรย ไม่ได้ร่วงโรยอย่างไร้ค่าหรอกนะ อย่างน้อยเมื่อร่วงสู่ดิน ใบไม้นี้ก็ยังคงมีค่าเป็นปุ๋ยให้กับใบไม้อื่นได้เติบโตเติบใหญ่ต่อไป
เมื่อมีร่วงโรย ดับสูญ ก็มีงอกเงย แตกกิ่งก้านสาขาขึ้นมาใหม่ พร้อมที่จะผลิดอก ออกผล เพื่อขยายพันธุ์ ให้คงอยู่ต่อไป ตามหลักของธรรมชาติ หากเรายอมรับได้เราก็จะไม่เป็นทุกข์ใด ๆ
Advertisement
Advertisement
สำหรับทางเดินของชีวิตของเรานั้น บ่อยครั้งที่ผู้เขียนต้องเจอ ทางเลือกให้เดินมากกว่า 1 เส้นทาง ซึ่งบางครั้งก็ต้องเลือกที่จะเดินไปในทิศทางใด ซึ่งที่เราเลือกเราต่างไม่รู้ว่าระหว่างทางนั้นจะเป็นยังไง จุดหมายจะเป็นยังไง ราบรื่น หรือไม่ เราไม่อาจจะทราบได้ แต่ที่เราทำได้คือ ค่อย ๆ เลือก และก้าวเดินไป อย่างมีสติและระมัดระวัง ปัญหาและอุปสรรคมันเกิดได้เสมอ เราก็หาทางเลี่ยงมันไปได้เสมอเช่นเดียวกัน หากเราไม่ตื่นตระหนกกับมันจนเกินไป เช่น สถานการณ์โควิดที่เราพบเจอในตอนนี้
ผู้เขียนถ่ายดอกหญ้าไปได้สักพัก ก็มาเจอกับ ภาพนี้ มันมีความหมายดี เถาวัลย์ที่พันอยู่กับดอกหญ้า บ่องบอกว่า ไม่ว่าสิ่งใดในโลกใบนี้ ต่างก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพบเจอกับเรื่องของ ความรัก ความผูกพัน บางครั้งก็ต้องยอมที่จะเสียสละ เพื่อให้อีกหนึ่งชีวิตคงอยู่ต่อไปได้ แต่หากเราเอื้อเฟื้อต่อกัน เราก็จะเติบโตไปพร้อมกัน สนับสนุนกันได้
ผู้เขียนเดินไปเรื่อย ๆ ก็เจอกับ แสงที่ส่องลงมากระทบกับใบไม้ ขอเรียกว่า "แสงแห่งชีวิต" ละกันนะครับ เพราะแสงนี้เป็นแสงที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้ใบไม้สังเคาระห์แสง ให้เขียวขจี งดงาม เปรียบได้ดั่งกำลังใจ ที่เราต้องได้รับและต้องมี เพื่อให้เราผ่านพ้นช่วงทุกข์ยากลำบากนี้ไปให้ได้ ซึ่งกำลังใจที่สำคัญที่สุดเริ่มแรก ต้องสร้างที่ตัวเราก่อน ผู้เขียนเคยท้อและลุกขึ้นมาด้วยก็ได้กำลังใจที่สร้างเองของตัวเราเองมาแล้ว เพราะฉะนั้น คติประจำใจ ของผู้เขียนที่ยึดมั่นมาตลอดก็คือ
กำลังใจที่ดี
บางทีก็ไม่มีใครสร้างให้ จงก้าวเดินต่อไป ด้วยกำลังใจที่สร้างเอง
ผู้เขียนขี่รถต่อมาอีกสักพัก จะเจอจุดจอดรถชมวิวเล็ก ๆ ที่มีชาวบ้านในพื้นที่ทำไว้ มีการปลูกดอกไม้สวย ๆ อย่างโป๊ยเซียนไว้อย่างละกระถางสองกระถาง มีดอกเฟื่องฟ้าออกดอกสีชมพูสดสวย มีดอกทองอุไรต้นเล็ก ๆ แต่ดอกสีเหลืองสวยทีเดียวอยู่ด้วย อากาศร้อน ๆ หายร้อนเลย นั่งพักตรงนี้ ชมวิวเมืองกะทู้ รับลมเย็น ๆ ใต้ร่มไม้สักพัก ไม่มีอะไรเลวร้ายเสมอไป ระหว่างการเดินทางเราต้องได้พบได้เจอสิ่งดี ๆ สวย ๆ งาม ๆ อยู่บ้างละ
เริ่มจะเย็น ค่ำแล้ว ผู้เขียนเก็บภาพสุดท้าย ดอกไม้แสนสวย ดอกนี้ผู้เขียนไม่รู้จักจริง ๆ ว่าดอกอะไร เรียกชื่อไม่ถูก เหมือนกัน เพราะเป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนเจอ ดอกของเค้ามีสีม่วงตรงปลาย ไล่สีโทนอ่อนมาถึงขั้วดอก สวยดีทีเดียว แต่พอเห็นเจ้ามดดำที่กำลังรุมดอกไม้สวยอยู่ ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าเขารุมทำไม มองอีกแง่เขาอาจจะต้องการแค่น้ำหวานจากเกสรดอกไม้ มองอีกด้านเขากำลังกัดกินดอกไม้หรือเปล่า แต่อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติต้องพึ่งพากัน ทุกสิ่งล้วนเป็นประโยชน์และมีคุณค่าต่อกัน ไม่สูญเปล่าไปเลยซะทีเดียว
สำหรับทริป เบา ๆ ทริปนี้ ผู้เขียน ได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริง หลายอย่างที่เราเจอก็เป็นการสอนเราได้อย่างดีทีเดียว ทำให้เราตระหนักได้ว่า เราไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เพียงลำพัง เรามีเพื่อนร่วมโลกอยู่อีกเยอะ แม้จะต่างรูปแบบและเผ่าพันธุ์ สิ่งสำคัญที่สุดคือ การอยู่ร่วมกันอย่างสงบและสันติ เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน ให้มากที่สุด ซึ่งในปัจจุบันนี้เราจะหาได้น้อยมาก อาจจะเป็นเพราะความเจริญเติบโตในทางวัตถุที่เร็วและมากจนเกินไป จนทำให้จิตใจเราร้อนขึ้น อย่างไรก็ดี ในภาวะวิกฤติเช่นนี้ ควรใจเย็น ๆ เห็นอกเห็นใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แล้วเราจะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกัน ก่อนจากฝากติดตามบทความอื่น ๆ ของผู้เขียนด้วยนะครับ
ภาพทั้งหมด โดยผู้เขียน
ความคิดเห็น
