อื่นๆ
เครื่องเซ่นไหว้

- นานแล้ว ที่ผมทำแต่งานจนไม่มีเวลาได้สังสรรค์กับเพื่อนรุ่นน้องต่างอำเภอ ป่านนี้คงจะลืมกันไปแล้วแน่ๆ หันไปมองปฏิทิน วันนี้วันศุกร์สุดสัปดาห์พอดี ถ้าจะดื่มสักหน่อยคงไม่เป็นไร เพราะวันเสาร์ วันอาทิตย์ คงพักผ่อนได้ เมื่อนึกได้เช่นนั้นจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และเลื่อนหาเบอร์เพื่อนรุ่นน้องทันที หลังจากโทรนัดสถานที่พบปะสังสรรค์กันเรียบร้อย เมื่อเลิกงาน ผมก็ไปตามนัดทันที
ช่วงเวลาแห่งความสนุก มักจะผ่านไปเร็วเสมอ ผมกับรุ่นน้องนั่งดื่มกินกันจนร้านใกล้จะปิด เวลาตอนนั้นน่าจะประมาณตีหนึ่งเห็นจะได้ มันก็เป็นเวลาอันสมควรแล้ว จึงเรียกพนักงานมาเช็คบิลเพื่อกลับบ้าน แต่แล้ว งานก็เข้า เมื่อรถมอเตอร์ไซค์ของรุ่นน้องยางแบน เวลาดึกดื่นเช่นนี้ คงไม่มีร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ที่ไหนเปิดแน่ๆ ผมจึงขอฝากรถมอเตอร์ไซค์ของรุ่นน้องเอาไว้ที่ร้านอาหารแห่งนี้ แล้วบอกว่าตอนเช้าจะเข้ามารับรถไปซ่อมอีกที ทางร้านก็รับปากยินดีที่จะดูแลให้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ผมกับรุ่นน้องโล่งใจ และบอกให้รุ่นน้องซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ผม เพื่อผมจะได้ไปส่งรุ่นน้องที่บ้านเอง
Advertisement
Advertisement
ระหว่างทาง ผมกับรุ่นน้องก็คุยกันไปเรื่อย ตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน เมื่อขับรถมอเตอร์ไซค์มาจนใกล้จะถึงทางแยก เพื่อเลี้ยวไปส่งรุ่นน้องที่บ้าน ก็เห็นเจ้าหน้าที่และรถยนต์หลายคัน จอดติดเรียงแถวเหมือนมีอุบัติเหตุข้างหน้า ผมจึงขับไปอย่างช้าๆเพื่อไปดู ปรากฏว่า ต้นไม้ใหญ่ ที่มีอายุเก่าแก่ เกิดต้านกระแสลมไม่ไหว ทำให้ต้นไม้ใหญ่หักโค่นลงมาขวางกลางถนน รถเล็กและรถใหญ่ ไม่สามารถสัญจรผ่านไปได้ สอบถามเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า น่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงถึงจะเคลียต้นไม้ใหญ่ออกไปได้ ให้ตายสิ! 2 ชั่วโมง ผมคงนั่งรอบนรถมอเตอร์ไซค์ไม่ไหว ผมกับรุ่นน้องจึงตัดสินใจ กลับรถเพื่อไปอีกเส้นทางหนึ่งแทน
เส้นทางที่ผมเลือกจะขับรถไปส่งน้อง ระยะทางไกลกว่าเดิมเกือบ 10 กิโลเมตร แต่ทำไงได้ มันไม่มีทางไหนที่ใกล้กว่านี้อีกแล้ว เส้นทางนี้เปลี่ยวและมืดมาก ไม่ค่อยมีใครจะสัญจรตอนกลางคืนกันนัก คงเป็นเพราะมีโรงงาน และมีตึกที่ถูกปล่อยทิ้งร้างอยู่หลายจุด จึงทำให้บางจุดเป็นที่อยู่อาศัยของคนเร่ร่อน วันดีคืนดี คนพวกนี้ อาจจะมาดักปล้นหรือทำอันตรายแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนเส้นทางนี้ก็ได้
Advertisement
Advertisement
ผมขับรถมอเตอร์ไซค์มาได้ครึ่งทาง อากาศเริ่มเย็นลง จนไม่กล้าที่จะขับเร็ว เพราะยิ่งขับเร็วก็ยิ่งหนาว ผมจึงชะลอรถและขับต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั้งผ่านตึกร้างแห่งหนึ่ง ตึกนี้มีกระจกด้านหน้าทั้งตึก สภาพตึกเก่ามาก แต่ไม่มีกระจกบานใดที่แตกเลย ข้างๆอาคารของตึก มีเถาวัลย์และหญ้ารกขึ้นสูงจนพ้นหน้าต่าง ผมมองตึกร้างนั้นพักหนึ่งก่อนจะหันหน้าไปทางถนนต่อ แต่ก็ต้องสะดุ้ง เมื่อรุ่นน้องเขาสะกิดผมที่เอว ผมจึงถามว่ามีอะไร รุ่นน้องตอบผมว่า " ปวดฉี่ จอดให้ฉี่สักหน่อย " ผมก็หยุดรถทันที ถนนสายนี้ ณ เวลานี้ ไม่มีรถเลย เมื่อรุ่นน้องทำธุระเสร็จ เขาจึงพูดต่อว่า ตึกร้างแห่งนี้ เมื่อก่อนเป็นโรงงาน จู่ๆก็ปิดไปโดยไม่มีสาเหตุ แต่ที่แปลกคือ หลังจากที่ตึกปิดตัวลง กลางคืน จะมีผู้คนพบเห็นแสงเทียนสว่างไสวอยู่ภายในตึกในคืนวันพระทุกครั้ง และแล้ว ความคิดแผลงๆก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที " ไปล่าท้าผีกันไหม " ผมพูดกับรุ่นน้องพร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา " เผื่อได้ภาพติดวิญญาณ ดังกันเลยละทีนี้ " ผมพูดพร้อมเปิดกล้องโทรศัพท์มือถือทันที
Advertisement
Advertisement
ตัวรุ่นน้องเองก็ชอบลองของไม่แพ้กัน จึงพยักหน้าพร้อมซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ แล้วบอกให้ผมขับวนกลับไป เพื่อเข้าไปดูภายในตึกร้างนั้นด้วยกัน ทางเข้าตึกร้าง แบ่งช่องทางไว้ชัดเจน ทั้งทางเข้าและทางออก ผมขับมอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าตึก แล้วหันหัวรถมอเตอร์ไซค์ไปที่ทางออก และติดเครื่องทิ้งไว้ เผื่อเจอคนเร่ร่อนหรือผิดพลาดประการใด จะได้ซิ่งมอเตอร์ไซค์หนีทัน
ผมกับรุ่นน้อง เดินมาที่ประตูกระจกหน้าตึกร้าง รุ่นน้องเอาโทรศัพท์มือถือมาเปิดแสงเพื่อส่องสว่าง ส่วนผม รอถ่ายภาพเด็ดๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น สายตาผมส่วนใหญ่จ้องที่โทรศัพท์มือถือ ส่วนรุ่นน้อง เป็นคนค่อยๆแกะโซ่ที่คล้องประตูของตึกไว้ออก ขณะกำลังแกะโซ่ แสงไฟสีส้มเหมือนแสงเทียนก็สว่างขึ้นข้างๆบันไดสำหรับขึ้นไปชั้นสองภายในตัวตึก ห่างจากจุดที่ผมกับรุ่นน้องยืนอยู่ประมาณ 10 เมตร ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ รุ่นน้องหยุดแกะโซ่ที่คล้องประตูกระจกอยู่ และยืนมองที่แสงนั้น " พี่ๆ มีคนนั่งอยู่ข้างบันไดด้วย " รุ่นน้องบอกผม แต่ตาก็ยังจ้องที่แสงไฟสีส้มนั้นแบบไม่กระพริบ ผมที่รอถ่ายภาพอยู่ข้างหลังรุ่นน้อง จึงเดินเข้ามาติดประตูกระจก เพื่อดูสิ่งที่น้องผมเห็น " นั้นคนเร่ร่อนกำลังกินเครื่องเซ่นไหว้อยู่นี่นา " ผมพูดออกมาเสียงดัง " พี่ดูดีๆ คนเร่ร่อนที่พี่ว่า เขาทำท่ากินเครื่องเซ่นไหว้อยู่ก็จริง เขานั่งกัดกินหลายคำแล้ว แต่ทำไมเครื่องเซ่นไหว้ยังเหลืออยู่เท่าเดิม " มันก็จริง เพราะผมเห็นคนเร่ร่อนที่ผมว่า เขากัดกินผลไม้ แต่ผลไม้ไม่มีรอยกัดซักนิดเดียว " เฮ้ย! ทำไรวะ " รุ่นน้องผมตระโกนเข้าไปในตึก เพื่อจะให้คนเร่ร่อนนั้นได้ยิน จะได้รู้กันไปเลยว่า ผี! หรือ คน
และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น คนเร่ร่อนคนนั้นหันหน้ามาทางพวกเรา และลุกขึ้นยืน แต่ความสูงของเขาสูงผิดมนุษย์มนา ผมว่าสูงประมาณ 5 เมตรเห็นจะได้ และก้าวเท้ามาทางพวกเราอย่างรวดเร็ว เขาก้าวเท้ามาแค่ก้าวเดียวก็มาถึงหน้าประตูที่พวกเรายืนอยู่ ทั้งๆที่มันห่างกันเป็น 10 เมตร คนธรรมดาทำไม่ได้แน่นอน ชัวร์เลย! ผีหลอกแล้วละ ผมไม่รอช้า สวมวิญญาณนักวิ่ง ประมาณว่า " เราไม่เคยทิ้งกัน แต่วิ่งตามพี่ให้ทันก็พอ " ผมชิงวิ่งหนีออกมาและกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ที่ติดเครื่องเอาไว้ตั้งแต่ขาเข้ามา ทำท่าจะหันไปตะโกนบอกรุ่นน้องให้วิ่งตามมาเร็วๆ แต่แค่อ้าปาก ไม่ทันได้พูด รุ่นน้องผมก็กระโดดขึ้นซ้อนท้ายผมซะแล้ว ผมเข้าเกียร์และบิดคันเร่งออกมาทันที และยังไม่วายที่ผมจะหันไปมองประตูตึกก่อนที่จะออกถึงถนน
ภาพที่ผมเห็น ผีตนนั้นยังคงวิ่งตามผมมา พร้อมทั้งยื่นมือเหมือนจะคว้ารถมอเตอร์ไซค์ผมไว้ ผมตกใจ จึงบิดคันเร่งเพื่อให้รถผมเคลื่อนที่ให้ขึ้นบนถนนราดยางให้เร็วที่สุด เป็นเวลาเดียวกันที่ไฟแสงสว่างบนถนน ดับพร้อมกันทั้งแถว มันยิ่งเพิ่มความกลัวให้ผมเป็นทวีคูณ ความน่ากลัวยังไม่ทันหาย เหตุการณ์เฉียดตายก็ตามมา เมื่อผมเร่งเครื่องเพื่อขึ้นสู่ถนนราดยางโดยไม่ได้เหลียวซ้าย แลขวาให้ดี ประกอบกับไฟส่องสว่างบนถนนที่ดันมาดับหมดทั้งแถวพอดี ทำให้ไม่ทันสังเกตว่ามีรถหกล้อไม่ได้เปิดไฟฟน้ารถ เปิดแค่ไฟหรี่เล็กๆมา มันเล็กมากจนแทบมองไม่เห็น พุ่งเฉี่ยวล้อหน้ารถมอเตอร์ไซค์ของผมไปแบบเฉียดฉิวจริงๆ แต่ยังดีที่ผมยังมีสติ เมื่อหกล้อคันนั้นผ่านไป ผมก็เร่งเครื่องตามรถหกล้อนั้นไปทันที ผมกับรุ่นน้องหันมาพูดพร้อมกันว่า " เกือบได้ไปอยู่เป็นเพื่อนผีตนนั้นซะแล้ว "
ความคิดเห็น






