ก้าวแรก มือใหม่ ทำเงินจากโกดังญี่ปุ่นมือสอง หาของถูก ไปขายแพง

ในยุคนี้ใครจะหาเงิน หารายได้ ต่างก็มีทางเลือกมากมายแล้วแต่โอกาสของแต่ละคน วันนี้ผมอยากจะแนะนำสิ่งที่ผมทำเป็นอาชีพหลัก มา7-8 ปีแล้ว คือการขายของญี่ปุ่นมือสองครับ

อ่านตอนที่แล้ว

ขึ้นจั่วหัวบทความว่า "มือใหม่" นั่นหมายความว่า บทความนี้เหมาะสำหรับ คนที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าอยู่แล้วอยากมีแหล่งหาของไปขาย หรือคนที่กำลังมองรายได้เสริมใหม่ๆ โดยไม่รู้จักของมือสองญี่ปุ่นเลย หรือรู้จักแต่น้อยมากๆ อย่างไรก็ดีสิ่งที่ผมจะเล่านี้จะเน้นไปที่การ "ซื้อมาขาย" หากท่านเป็นนักสะสมหรือนักช็อปทั่วไปที่ชื่นชอบของญี่ปุ่นมือสองอยู่แล้วไม่ได้เน้นเรื่องธุรกิจ อยากที่จะเข้ามาอ่านเพื่อเป็นข้อมูลความรู้ ผมก็ยินดีมากๆครับ เพราะผมก็อยากจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายประเด็นมาก ตั้งแต่ที่มาของสินค้ามือสองจากญี่ปุ่น มายังไง? ของญี่ปุ่นดีหรือแตกต่างจากของมือสองที่อื่นๆอย่างไร? เดี๋ยวมีเวลาผมมาไล่เรียงให้อ่านครับ

เช่น แม่ค้าขายเสื้อผ้าแฟชั่น ก็จะมีความรู้เกี่ยวกับงานผ้า แบรนด์สินค้า เราก็มาหาของแบรนด์เนมสวยๆ ไปขายทำกำไรได้สบายๆ  ถ้าเป็นช่างซ่อมรถยนต์ ก็มีเครื่องมือช่างอย่างดี ให้เลือกไปขายเป็นอาชีพเสริมได้เช่นกัน หรือแม่ลูกอ่อนที่ซื้อของใช้เด็กผ่านกลุ่มในเฟสบุคเป็นประจำ เห็นของผ่านตามาเยอะจนเกิดความรู้ความชำนาญ ก็ลองมาเดินดูของจากญี่ปุ่นไปขายบ้าง ของดีๆ สวยๆ เพียบครับ

3. ที่โกดังเขาขายยังไง แพงมั้ย?

โกดังแต่ละที่จะมีวิธีขายแตกต่างกันไปนับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของร้านมือสองญี่ปุ่น หลักๆแล้ว มี 2 แบบคือ ขายชั่งกิโล กับขายเป็นชิ้น

ขายชั่งกิโล ส่วนใหญ่ที่ขายแบบนี้ ง่ายๆคือของจะมาโดยตู้คอนเทนเนอร์ชั่งน้ำหนักมาครับ เช่น ตู้นี้ 1 ตัน คือมีของมาทั้งหมด 1,000 กิโล แล้วเจ้าของร้านก็จะมาตั้งราคาของแต่ละประเภทบวกกำไรเอา ถูกแพงตามประเภทสินค้า เช่น ของเล่นขายกิโลละ 300 บาท(ตกขีดละ 30 บาท) เซรามิกขายกิโลละ 100 บาท (ตกขีดละ 10 บาท) เป็นต้น เราอยากได้ชิ้นไหน อยากรู้ราคาอันไหนก็หยิบไปชั่งดูที่ร้านมีตาชั่งให้ครับ
ขายเป็นชิ้น ขายแบบนี้คือของเขาอาจจะเอามาแบบชั่งกิโลก็ได้หรือเขาอาจจะซื้อมาเป็นชิ้นแล้วมาบวกเอาก็ได้แล้วแต่ร้านครับ บางร้านก็ติดราคาลงไปที่ตัวสินค้าเลย บางร้านก็ต้องไปถามเอา

เรามีโอกาสได้ของถูกจากทั้งแบบชั่งกิโล และแบบคิดราคาเป็นชิ้น ขึ้นอยู่กับสินค้านั้นๆด้วยครับ เช่น ถ้าของมีน้ำหนักเยอะเวลาเอามาชั่งกลายเป็นว่าราคามันก็สูงเกินไป เอามาทำกำไรลำบาก หรือบางทีร้านที่ติดราคาเป็นชิ้นก็ติดแพงเกินไป ไปขายต่อยากเช่นกัน แต่อย่างว่าครับ เรามีตัวเลือกเยอะ มีหลายโกดัง หลายร้าน ถูกใจที่ไหนก็เลือกเอาครับ เรื่องมันยาวเดี๋ยวแบ่งหลายๆตอนดีกว่าครับ ฮ่าๆ

เมื่อขายชิ้นแรกได้เราก็จะมีกำลังใจ แวะเวียนเข้าไปที่โกดังบ่อยขึ้น ยิ่งในเมืองใหญ่ๆมีหลายร้านวิ่งกันสนุกเลยครับ ถ้าคล่องแล้วต่อมาก็อาจจะขยับขยาย หยิบจับสินค้าประเภทอื่นในโกดังมาขายบ้าง เผลอๆทำกำไรได้มากกว่าสิ่งที่เราถนัดเริ่มแรกอีกครับ

เหมือนผมในตอนนั้นที่เริ่มจากของเล่นอย่างเดียว ปัจจุบัน ขายทั้งของแต่งบ้าน ของใช้ เซรามิก อุปกรณ์กีฬา กระเป๋า รองเท้า สุดแท้แต่จะหาได้ เราจะได้กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายขึ้น โอกาสทำรายได้ก็มากขึ้นตามไปด้วยครับ

ถ้าเราก้าวเข้ามาเพื่อหาเงินกับของญี่ปุ่น ก้าวที่สอง ก็ต้องศึกษาประเภทของสินค้า และกลุ่มลูกค้าให้หลากหลายขึ้นครับ แล้วจะอยู่ได้ยาวๆ ติดตามอ่านได้ที่นี่ผมจะมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆครับ

ภาพประกอบ ภาพปกถ่ายโดยผู้เขียนบทความ, ภาพที่1 โดย Clay Banks จาก unsplash.com ภาพที่ 2-4 ถ่ายโดยผู้เขียนบทความ