อื่นๆ

คนฉลาด​พูด... มักไม่​เปลือง​น้ำลาย

233
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
คนฉลาด​พูด... มักไม่​เปลือง​น้ำลาย

ภาพ​หน้าปก​โดย​ https://www.pinterest.com/pin/849984129647088910/


        สังคมเราตอนนี้วุ่นวายมากกว่าเดิม​ เพราะเราพูดในสิ่งที่คิดออกมาทันทีโดยไม่ค่อยกลั่นกรอง​ และยังเชื่อ​ว่าการกระทำเช่นนั้นถูก​ต้อง​ รู้สึก​ไหมครับว่าคนสมัยนี้พูดกันมากขึ้น... พูดสิ่งที่คิดมากขึ้น​ จนน่าคิดว่า​ "เราพูดกันมากเกินไป​หรือเปล่า?" 

เนื่องจากถือว่าเรามีสิทธิ์​ที่จะพูดอะไรก็ได้ตามที่คิด​ มีเสรีในการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญ...  แต่เราลืมคำนึงไปหรือเปล่า​ครับว่า​ แม้เราจะมีสิทธิ์​แค่ไหน​ แต่ทุกคำพูดของเราที่เปล่งออกมานั้นต้องย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อผู้อื่นไม่มากก็น้อย​ และอาจจะส่งผลได้ทั้งดีและร้ายเสมอนะครับ

        ถ้า​ "อารมณ์"  เป็น​สิ่งมีชีวิต​ล่ะก็​ มันจะเป็นสิ่งมีชีวิต​ที่ฉลาด​มาก​ เพราะมันมักจะทำให้คนไขว้เขว​ ทำให้​คนกระทำสิ่งต่าง​ ๆ​ เพื่อมันได้เสมอครับ​ อย่างการที่เราจะพูดตามที่คิดแบบไม่ต้องสนใจ​อะไรนั้น​ จะว่าไปก็คือการที่อารมณ์​ล่อลวง​ให้คิดว่าเราทำได้และควรทำในสิ่งนั้น​ ๆ​  ซ้ำยังพยายามหาเหตุ​ผล​มารองรับ​เพื่ออ้างให้การกระทำของเรานั้นถูก​ต้องอย่างน้อยก็ในความรู้สึก​ของเรา​ ก็เลยอ้างว่าถูก​ต้องตามสิทธิ์​ ตามกฎหมาย​และต่าง​ ๆ​ นานาที่ยกมาอ้าง​กันครับ

Advertisement

Advertisement

งานภาพโดย​ www_slon_pics จาก​ Pixabay.com​


        การคิดเช่นไร​พูดเช่นนั้น​ แท้จริงแล้วก็คือการกลลวงอีกอย่างหนึ่งของอารมณ์​เช่นกันครับ​ เพราะมันพยายาม​ที่จะทำให้มนุษย์​เราเป็นทาสหรืออยู่ใต้อำนาจของมันนั่นเอง​ และมักย่อมพูดตามที่อารมณ์​และกิเลส​ในใจตามที่ต้องการ...  เราจึงควรระวังในเรื่องนี้ให้มาก​ ๆ​ ครับ​ หมั่นพิจารณา​ว่าเรากำลังตกเป็น​เหยื่อ​ของกลลวงแห่งอารมณ์​นี้หรือเปล่า

        เราควรเตือนตัวเองเสมอว่า​ "อย่าพูด​ทุกสิ่ง​ที่คิด"  แม้สังคมจะบอกว่า​เรามีสิทธิ์​แค่ไหนก็ตามเถอะ​ แต่เราก็ควรคิดให้ดีอีกหนึ่งชั้นว่าการพูดแต่ละครังของเรานั้นมันจะส่งผลดีหรือผลเสีย...  อันไหนที่ดีก็พูดไปครับ​ แต่อันไหนก่อจะให้เกิดปัญห​า​ เกิดความแตกแยก​ เกิดรอยร้าวขึ้นขอให้ชะลอการพูดจะดีกว่านะครับ

พระพุทธองค์​ทรงสอนไว้ครับว่าหลักการพูดที่เหมาะสม​นั้นมีอยู่ว่า​ "ถ้าคำใดที่ไม่จริง ไม่มีประโยชน์​ และผู้ฟังไม่ชอบฟัง​ พระองค์​จะไม่ตรัส​ ถ้าคำใดไม่มีจริง​ ไม่มีประโยชน์​ แต่ผู้ฟังชื่นชอบ​และอยากฟัง​ พระองค์​ก็จะไม่ตรัส​ ถ้าคำใดที่เป็นจริง​ แต่ไม่มีประโยชน์​ และผู้ฟังไม่ชอบไม่อยากฟัง​ พระองค์​ก็จะไม่ตรัส​ ถ้าคำใดที่เป็นจริง​ แต่ไม่มีประโยชน์​ ต่อให้ผู้ฟังชื่นชอบ​อยากฟัง​ พระองค์​ก็จะไม่ตรัส​ ถ้าคำใดที่เป็นจริง​ มีประโยชน์​ แต่ผู้ฟังอาจไม่ชื่นชอบ​ พระองค์​จะทรงตรัสตามแต่โอกาส​ ถ้าคำใดที่เป็นจริง​ มีประโยชน์​ และผู้ฟังก็ชื่นชอบ​สนใจที่จะฟัง​ พระองค์​จะทรงตรัส​ตามแต่โอกาส​"

Advertisement

Advertisement

สังเกต​ดี​ ๆ​ นะครับคุณจะเห็นว่า​ พระพุทธเจ้า​ทรงคิดถึง​ 3​ ชั้น​ก่อนจะเอ่ยอะไรออกไป​ ชั้นแรกคิดว่าจริงหรือไม่​ ชั้นที่สองคิดว่ามีประโยชน์​หรือไม่​ และชั้นที่สามก็คิดว่าผู้ฟัง​จะรู้สึกอย่างไร​ และที่สำคัญ​คือ​ ​​​​​​"ไม่ว่าคำพูดจะเหมาะสมดีและมีประโยชน์​แค่ไหนพระองค์​ก็จะเลือกตรัส​ตามโอกาส​ ใช่ว่าจะตรัสทันทีเสียทั้งหมด" 

        เราอาจมีสิทธิ์​แต่เราก็ต้องตระหนัก​ว่าหนึ่งคำของเราก่อให้เกิดผลได้เสมอ​ ซึ่งหากมันก่อให้เกิดผลร้ายต่อให้จริงแค่ไหนเราก็ต้องคิดให้ดีครับว่ามันคุ้ม​หรือไม่​ เพราะหนึ่งความจริงที่เราพูดอาจเป็​นจุดเริ่มต้นของหายนะระดับประเทศ​ก็ได้

        อย่างสังคม​ปัจจุบัน​เป็นตัวอย่าง​ครับ​ คนนึกอยากพูดอะไรก็พูดอย่างรวดเร​็ว​ บ้างก็พูดต่อหน​้า​ บ้างก็พูดผ่านอินเตอร์​เน็ต​ จนตอนนี้สภาพ​บ้านเมือง​ของเราแตกแยก​อย่างที่ไม่เคยปรากฏ​มาก่อน​ 

Advertisement

Advertisement

ทะเลาะ​ภาพโดย​ geralt จาก​ Pixabay.com​


        นี่แหละครับคือผลลัพธ์​ที่ชัดเจนที่สุดของการพูดโดยมัวแต่คิดว่า​ "ฉันพูดจริงและมีสิทธิ์​พูด​ ฉันจึงอยากจะพูด​ คุณหรือคนอื่นที่ไหนก็ไม่มีสิทธิ์​มาห้ามฉัน"  คนที่พูดในลักษณะ​นี้ก็ไม่ต่างอะไรจากคนอื่นเอาแต่ใจตนเองเป็นหลักนะครับ

        ถัดจากเรื่องการพูดโดยอ้างว่าตนมีสิทธิ์​ อีกหนึ่งการพูดที่อยากให้ทุกท่านมาร่วมกันคิดต่อก็คือ​ การพูดที่มากเกินไปในคนยุคใหม่​โดยเฉพาะ​วัยรุ่น​ ซึ่งการพูดในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการพูดคุยออกเสียง​ธรรมดานะครับ​ แต่ผมหมายถึง​การพูดทุกรูปแบบ​ ไม่ว่าจะเป็นการพูดผ่านอินเตอร์​เน็ต​ อย่างการแชท​ โพสต์​ หรือการเล่นโทรศัพท์​มือถื​อ​ 24​ ชั่วโมง​ ตอนเรียนก็เล่น​ ตอนจะนอนก็เล่น​ ขนาดลืมต​าตื่นปุ๊บ​ก็คว้าโทรศัพท์​มือถือ​มาอัพเดต​สเตตัส​กันแล้ว

        จริง​ ๆ​ แล้วในหนึ่งวันมีสิ่งน่าทำมากมาย​หลาย​อย่าง​ เราสามารถ​ทำประโยชน์​ให้กับชีวิต​ตนเองได้เยอะแยะ​หลายทาง​ แต่เราส่วนมากกลับหมดและเปลืองเวลาไปกับการนั่งแชทนั่งเล่นโทรศัพท์​มือถือ​ทั้งวัน... ทำไมเราไม่ลองนำพาตัวเองทำสิ่งอื่น​ ๆ​ บ้าง​ อย่างการอ่านหนังสือ​ ฝึกฝนตนเองในด้าน​ต่าง​ ๆ​ หรือการออกไปพบปะ​สังคมภายนอก​ ยังมีเรื่องน่าสนใจรอเราอยู่อีกมากมาย​ ในโลกนอกอินเตอร์เน็ตนะครับ

        หรือระหว่างนั่งแชทกับโทรศัพ​ท์มือถือนั้น​ เราอาจละเลยคนที่มีตัวตนจริง​ ๆ​ ที่อยู่ใกล้ตัวเรา​ ไม่ว่าจะพ่อแม่​ คนรัก​ หรือเพื่อน​ ๆ​ ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม​มือ...  เราพูดคุยและให้ความสนใจกับพวกเขามากน้อยแค่ไหนในแต่ละวัน

        หลายครั้งที่ในกลุ่มเพื่อนเก่าที่นัดกันมาพบปะ​สังสรรค์​ แต่กลับกลายเป็นว่าทุกคนก้มหน้าก้มตา​อยู่แต่กับโทรศัพท์มือถือ​ของตัวเอง​ หลายครั้งที่ไปกินข้าวกันในครอบครัว​แต่ลูกดันนั่งแชทหรือเล่นแต่โทรศัพท์​มือถือ​อย่างเมามัน​ หลาย​ครั้งที่นัดเจอคนรักแต่กลับอีกฝ่ายมัวแต่สนใจที่อยู่ที่อื่นมากกว่าคนที่ยืนอยู่ข้าง​ ๆ​ 

รักภาพโดย​ Free-Photos จาก​ Pixabay.com​


        มาเริ่มต้นใหม่กันเถอะครับ​ พูดผ่านจักรกลให้น้อยลงแล้วหันมาสัมผัส​ตัวตนคนจริง​ ๆ​ ให้มากขึ้นหรือไม่ก็ลดปริมาณ​การพูดลง​ ประเภทน้ำท่วมทุ่งพูดไปเรื่อยเปื่อย​นั้นลองลดลงดูแล้วหันไปทำสิ่งอื่น​ มีกิจกรรมอีกมากมายที่เราทำได้เพื่อจัดสรรชีวิต​ให้เปี่ยมสุขยิ่งขึ้นและทำให้คนอื่นรู้สึกมีความสุขมากขึ้นได้ครับ

        การพูดนั้นคือการสื่อสาร​ที่ทรงคุณค่า​ มันเป็นได้ทั้งการส่วข้อความจากอีกคนสู่อีกคนหนึ่งเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน​ หรือ​ไม่ก็เป็นช่องทางแหล่งการเรียนรู้​ ให้เราลองสอบถามยามที่เกิดความสงสัยใคร่รู้​ในบางเรื่อง​ และยังเป็นทางระบายอารมณ์​ความรู้สึก​กัยความในใจได้อย่างดี​ ลองอ่านและนำไปทำตามกันดูนะครับ​ ผมรับรองว่าชีวิตของคุณทุกคน​สามารถ​พบกับความสุขที่คุณทำขึ้นมา​ได้ง่ายยิ่งขึ้น​

        การพูดอย่างฉลาด​นั้น​ โดยเน้นให้เราพูดอย่างมีคุณค่า​ พูดแล้วก่อให้เกิดความรู้สึกดี​ ๆ​ พูดเรื่องดี​ ๆ​ ต่อเรา​ ผู้อื่นและสังคม​ ขณะเดียวกันมุ่งหมายให้การพูดนั้นไม่ต้องเยอะแต่มีคุณค่า​ ลดทอนการพูดที่เกินจำเป็น​ลง​ เพราะหนึ่งชีวิต​ของเรามีสิ่งอื่น​ ๆ​  ให้ทำมากกว่า​การพูดจานะครับ....

🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์