อื่นๆ
ทำไมงานศพจึงต้องล้อมสายสิญจน์ : สายสิญจน์สะกดวิญญาณ

จังหวัดเล็ก ๆ จังหวัดหนึ่งในภาคอีสานตอนบน ช่วงนั้นผมอายุประมาณ 23 ปี เช้ามืดวันหนึ่งเวลาประมาณ 04.30 น. ในขณะที่ผมกำลังนอนหลับฝันดี ก็ต้องตกใจตื่นเพราะมีเสียงผู้หญิงร้องตะโกนให้ช่วย “ช่วยด้วย ๆ ช่วยสามีของฉันด้วย ช่วยด้วย ๆ “ น้าเที่ยงภรรยาของคนป่วยร้องตะโกน บ้านของน้าเที่ยงอยู่ตรงข้ามกับบ้านของผม สักครู่เพื่อนบ้านหลายคนก็พากันวิ่งไปดู ส่วนผมนั้นก็มองดูเหตุการณ์จากหน้าต่างชั้น 2 ในห้องของตนเอง “รีบเอาไปส่งโรงพยาบาลเลย ปัสสาวะราดแล้ว เขาจะทนไม่ไหวแล้ว” สักครู่ก็มีรถมารับผู้ป่วยไปส่งที่โรงพยาบาลประจำอำเภอซึ่งไกลจากหมู่บ้านประมาณ 20 กิโลเมตร เวลาผ่านไปจนเวลา 06.30 น. รถที่ไปส่งคนป่วยก็กลับมา น้าเที่ยงร้องไห้ น้าผู้ชายเสียชีวิตแล้ว การเสียชีวิตของน้าผู้ชายเพื่อนบ้านของผมชาวบ้านเรียกว่า “โรคไหลตาย” ส่วนในทางการแพทย์เรียกว่า “โรคหัวใจล้มเหลว”
Advertisement
Advertisement
วันนั้นงานศพได้จัดขึ้นด้วยความโศกเศร้า น้าผู้ชายอายุ 35 ปี มีลูกสาว 2 คน คนโตเรียนอยู่ชั้น ป.5 คนเล็กเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 ญาติของผู้ตายเก็บศพไว้ 2 คืน รอญาติทางไกลมางานศพเพื่อไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ในวันที่ 3 ของงานศพ เวลา 13.30 น. เป็นช่วงเวลาตามแผนที่วางไว้ว่าจะต้องเคลื่อนศพคนตายไปทำพิธีฌาปนกิจที่เมรุของวัดในหมู่บ้าน โลงศพถูกยกออกมาด้านนอก แต่ยังไม่พ้นชายคาบ้าน เปิดฝาโลงออก คุณตาท่านหนึ่งเป็นบุคคลที่ชาวบ้านยอมรับให้ทำหน้าที่สะกดวิญญาณของผู้ตาย คุณตาใช้ตาปูขนาดใหญ่ยาวประมาณ 1 คืบ ตอกลงบนอก ฝ่ามือ และฝ่าเท้าของผู้ตาย จากนั้นก็ปิดฝาโลง ตาปูก็ถูกตอกที่มุมทั้ง 4 ของโลงศพอีกครั้ง ตลอดพิธีกรรมนี้คุณตาบ่นพึมพำ ๆ ตลอดเวลา เข้าใจว่าคงจะบริกรรมคาถาตามความเชื่อโบราณ ผมยืนมองตลอดพิธีกรรมจนจบ เมื่อพิธีสะกดวิญญาณเสร็จสิ้น ศพก็ถูกเคลื่อนไปยังวัดเพื่อทำพิธีฌาปนกิจต่อไป เมื่อศพถูกเคลื่อนออกจากบ้านไปญาติ ๆ และผู้เกี่ยวข้องก็ตามไปด้วย เหลือแม่ครัวจำนวนหนึ่ง คุณตา และผมผู้อยากรู้อยากเห็นว่าการทำพิธีสะกดวิญญาณมันได้ผลจริง ๆ หรือ คุณตาทำพิธีเอาสายสิญจน์รอบบ้าน 3 รอบ ตาผมก็จ้องเขม็งไปที่คุณตาและพยายามสอดส่ายสายตาไปทั่วบริเวณบ้านเผื่อจะเห็นสิ่งลี้ลับ ซึ่งเจตนาก็คือ เผื่อจะเห็นวิญญาณของผู้ตาย การทำพิธีดังกล่าวชาวบ้านเราเชื่อกันว่า คนที่ตายไปแล้วจะรู้ตัวว่าตนเองตายเมื่อเวลาผ่านไป 3 – 7 วัน ในขณะที่ตนเองยังไม่รู้ว่าตายแล้ว ก็จะกลับคืนมายังที่เดิม ๆ ของตนเอง คือ กลับมาบ้านมาหาลูกเมีย การทำพิธีสะกดวิญญาณจึงเกิดขึ้นเพื่อป้องกันเหตุการณ์นี้ ผมก็ไม่ทราบว่าชาวบ้านเคยเห็นหรือเชื่อเฉย ๆ ว่ามันน่าจะเป็นเช่นนั้น พิธีนี้มีมานานมีมาตั้งแต่ผมจำความได้ ผมก็ถือว่าตัวเองเรียนจบปริญญา เรียนมาสูง มีความเป็นวิทยาศาสตร์ เรื่องการสะกดวิญญาณนี้มีหรือที่จะเชื่อ
Advertisement
Advertisement
บ่ายวันนั้นงานฌาปนกิจผ่านไปด้วยดี วันต่อมาเจ้าภาพก็ทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศล พอเสร็จพิธีต่าง ๆ ก็ขนอุปกรณ์ที่ยืมมาส่งคืนเจ้าของ เจ้าภาพเหนื่อยล้ามาก เวลาประมาณบ่าย 2 พี่สาวของน้าเที่ยงอยากอาบน้ำ จึงร้องบอกน้องให้ส่งผ้าถุงให้ บ้านของน้าเที่ยงเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นปูน ชั้นบนเป็นไม้ มีระเบียงอยู่ชั้น 2 ด้านหลังของบ้าน น้าเที่ยงจึงโยนผ้าถุงลงมาจากระเบียงข้ามด้ายสายสิญจน์ลงมา คืนนั้นเวลาประมาณ 22.00 น. น้าเที่ยงมีอาการกระวนกระวายนอนไม่หลับ โดยปกติแล้วน้าเที่ยง สามี และลูกสาวคนเล็กจะนอนอยู่ตรงกลางบ้านชั้น 2 ไม่มีห้องกั้น ขณะที่น้าเที่ยงพยายามข่มตานอนให้หลับอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงหมาหอนดังขึ้น จากเสียงที่ได้ยินก็อยู่ไกลพอสมควรจุดเริ่มต้นของเสียงนั้นน่าจะเป็นวัด เสียงหมาหอนเริ่มดังขึ้น ๆ หลายตัวมากขึ้น และเข้าใกล้บ้านน้าเที่ยงมากขึ้น เสียงเห่าหอนมาหยุดตรงหน้าบ้าน น้าเที่ยงใจไม่ดีตั้งแต่ได้ยินเสียงหมาหอนครั้งแรกแล้ว ยิ่งเสียงมาหยุดที่หน้าบ้านยิ่งใจไม่ดีเพิ่มขึ้น ในใจก็คิดว่าหมาน่าจะเห่าหอนเพราะจะผสมพันธุ์กัน แต่ครั้งนี้มันโหยหวนจนใจสั่น น้าเที่ยงมีอาการตัวแข็งเกร็งขยับไม่ได้ พลันหูก็ได้ยินเสียงคนเดินอยู่ข้าง ๆ บ้าน ตรงข้างบ้านนั้นได้เทหินไว้เสียงที่เหยียบหินจึงได้ยินชัดเจน ได้ยินเสียงเปิดประตู ยิ่งทำให้น้าเที่ยงตกใจมากยิ่งขึ้นและมั่นใจว่าประตูบ้านปิดสนิท ลงกลอนอย่างเรียบร้อย เมื่อสิ้นเสียงเปิดประตู ก็เป็นเสียงเดินขึ้นบันได ตอนนี้น้าเที่ยงรู้แล้วว่าเป็นเสียงเดินของสามีเพราะอยู่กินด้วยกันมาสิบกว่าปีจำเสียงเดินได้ สายตาจ้องไปที่ประตูเพราะพอพ้นบันไดมาจะเป็นประตูเข้าห้อง เมื่อสิ้นเสียงขึ้นบันไดภาพที่ปรากฏตรงหน้านั้นคือ น้าผู้ชายที่เสียชีวิตไปแล้ว เนื้อตัวดำปี๋เพราะรอยถูกเผา บริเวณตาและริมฝีปากแดงก่ำ ร่างกายแข็งทื่อ น้าผู้ชายหันมาทางน้าเที่ยงแล้วเดินเข้าไปหาอย่างช้า ๆ ก้มลง เปิดมุ้ง แล้วเข้าไปนอนข้าง ๆ น้าเที่ยง ซึ่งเป็นที่ที่น้าผู้ชายนอนอยู่เป็นประจำ น้าผู้ชายนอนแข็งทื่ออยู่ตลอดทั้งคืน และน้าเที่ยงก็นอนร้องไห้อยู่ตลอดทั้งคืนเช่นกัน พอรุ่งเช้าอีกวันเรื่องนี้ก็ถูกเปิดเผยออกมาจากปากของน้าเที่ยงเอง
Advertisement
Advertisement
ความคิดเห็น
