อื่นๆ

ทำไมงานศพจึงต้องล้อมสายสิญจน์ : สายสิญจน์สะกดวิญญาณ

769
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ทำไมงานศพจึงต้องล้อมสายสิญจน์ : สายสิญจน์สะกดวิญญาณ

https://pixabay.com/images/id-2400964/

จังหวัดเล็ก ๆ จังหวัดหนึ่งในภาคอีสานตอนบน  ช่วงนั้นผมอายุประมาณ  23  ปี  เช้ามืดวันหนึ่งเวลาประมาณ  04.30  น.  ในขณะที่ผมกำลังนอนหลับฝันดี  ก็ต้องตกใจตื่นเพราะมีเสียงผู้หญิงร้องตะโกนให้ช่วย  “ช่วยด้วย ๆ ช่วยสามีของฉันด้วย  ช่วยด้วย ๆ “ น้าเที่ยงภรรยาของคนป่วยร้องตะโกน  บ้านของน้าเที่ยงอยู่ตรงข้ามกับบ้านของผม  สักครู่เพื่อนบ้านหลายคนก็พากันวิ่งไปดู  ส่วนผมนั้นก็มองดูเหตุการณ์จากหน้าต่างชั้น  2  ในห้องของตนเอง  “รีบเอาไปส่งโรงพยาบาลเลย  ปัสสาวะราดแล้ว  เขาจะทนไม่ไหวแล้ว” สักครู่ก็มีรถมารับผู้ป่วยไปส่งที่โรงพยาบาลประจำอำเภอซึ่งไกลจากหมู่บ้านประมาณ  20  กิโลเมตร  เวลาผ่านไปจนเวลา  06.30  น.  รถที่ไปส่งคนป่วยก็กลับมา  น้าเที่ยงร้องไห้  น้าผู้ชายเสียชีวิตแล้ว  การเสียชีวิตของน้าผู้ชายเพื่อนบ้านของผมชาวบ้านเรียกว่า “โรคไหลตาย”  ส่วนในทางการแพทย์เรียกว่า “โรคหัวใจล้มเหลว”

Advertisement

Advertisement

https://pixabay.com/images/id-2421820/

วันนั้นงานศพได้จัดขึ้นด้วยความโศกเศร้า  น้าผู้ชายอายุ  35  ปี  มีลูกสาว  2  คน  คนโตเรียนอยู่ชั้น  ป.5  คนเล็กเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2  ญาติของผู้ตายเก็บศพไว้  2  คืน  รอญาติทางไกลมางานศพเพื่อไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย  ในวันที่  3  ของงานศพ  เวลา  13.30  น.  เป็นช่วงเวลาตามแผนที่วางไว้ว่าจะต้องเคลื่อนศพคนตายไปทำพิธีฌาปนกิจที่เมรุของวัดในหมู่บ้าน  โลงศพถูกยกออกมาด้านนอก  แต่ยังไม่พ้นชายคาบ้าน  เปิดฝาโลงออก  คุณตาท่านหนึ่งเป็นบุคคลที่ชาวบ้านยอมรับให้ทำหน้าที่สะกดวิญญาณของผู้ตาย  คุณตาใช้ตาปูขนาดใหญ่ยาวประมาณ  1  คืบ  ตอกลงบนอก  ฝ่ามือ  และฝ่าเท้าของผู้ตาย  จากนั้นก็ปิดฝาโลง  ตาปูก็ถูกตอกที่มุมทั้ง  4  ของโลงศพอีกครั้ง  ตลอดพิธีกรรมนี้คุณตาบ่นพึมพำ ๆ ตลอดเวลา เข้าใจว่าคงจะบริกรรมคาถาตามความเชื่อโบราณ  ผมยืนมองตลอดพิธีกรรมจนจบ  เมื่อพิธีสะกดวิญญาณเสร็จสิ้น  ศพก็ถูกเคลื่อนไปยังวัดเพื่อทำพิธีฌาปนกิจต่อไป  เมื่อศพถูกเคลื่อนออกจากบ้านไปญาติ ๆ และผู้เกี่ยวข้องก็ตามไปด้วย  เหลือแม่ครัวจำนวนหนึ่ง  คุณตา  และผมผู้อยากรู้อยากเห็นว่าการทำพิธีสะกดวิญญาณมันได้ผลจริง ๆ หรือ  คุณตาทำพิธีเอาสายสิญจน์รอบบ้าน  3  รอบ  ตาผมก็จ้องเขม็งไปที่คุณตาและพยายามสอดส่ายสายตาไปทั่วบริเวณบ้านเผื่อจะเห็นสิ่งลี้ลับ  ซึ่งเจตนาก็คือ  เผื่อจะเห็นวิญญาณของผู้ตาย  การทำพิธีดังกล่าวชาวบ้านเราเชื่อกันว่า  คนที่ตายไปแล้วจะรู้ตัวว่าตนเองตายเมื่อเวลาผ่านไป  3 – 7  วัน  ในขณะที่ตนเองยังไม่รู้ว่าตายแล้ว  ก็จะกลับคืนมายังที่เดิม ๆ ของตนเอง  คือ กลับมาบ้านมาหาลูกเมีย  การทำพิธีสะกดวิญญาณจึงเกิดขึ้นเพื่อป้องกันเหตุการณ์นี้  ผมก็ไม่ทราบว่าชาวบ้านเคยเห็นหรือเชื่อเฉย ๆ ว่ามันน่าจะเป็นเช่นนั้น พิธีนี้มีมานานมีมาตั้งแต่ผมจำความได้  ผมก็ถือว่าตัวเองเรียนจบปริญญา  เรียนมาสูง  มีความเป็นวิทยาศาสตร์  เรื่องการสะกดวิญญาณนี้มีหรือที่จะเชื่อ

Advertisement

Advertisement

https://pixabay.com/images/id-1097409/

บ่ายวันนั้นงานฌาปนกิจผ่านไปด้วยดี  วันต่อมาเจ้าภาพก็ทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศล  พอเสร็จพิธีต่าง ๆ ก็ขนอุปกรณ์ที่ยืมมาส่งคืนเจ้าของ  เจ้าภาพเหนื่อยล้ามาก  เวลาประมาณบ่าย  2  พี่สาวของน้าเที่ยงอยากอาบน้ำ  จึงร้องบอกน้องให้ส่งผ้าถุงให้  บ้านของน้าเที่ยงเป็นบ้าน  2  ชั้น  ชั้นล่างเป็นปูน  ชั้นบนเป็นไม้  มีระเบียงอยู่ชั้น  2  ด้านหลังของบ้าน  น้าเที่ยงจึงโยนผ้าถุงลงมาจากระเบียงข้ามด้ายสายสิญจน์ลงมา  คืนนั้นเวลาประมาณ  22.00  น.  น้าเที่ยงมีอาการกระวนกระวายนอนไม่หลับ  โดยปกติแล้วน้าเที่ยง  สามี  และลูกสาวคนเล็กจะนอนอยู่ตรงกลางบ้านชั้น  2  ไม่มีห้องกั้น  ขณะที่น้าเที่ยงพยายามข่มตานอนให้หลับอยู่นั้น  ก็ได้ยินเสียงหมาหอนดังขึ้น  จากเสียงที่ได้ยินก็อยู่ไกลพอสมควรจุดเริ่มต้นของเสียงนั้นน่าจะเป็นวัด  เสียงหมาหอนเริ่มดังขึ้น ๆ หลายตัวมากขึ้น  และเข้าใกล้บ้านน้าเที่ยงมากขึ้น  เสียงเห่าหอนมาหยุดตรงหน้าบ้าน  น้าเที่ยงใจไม่ดีตั้งแต่ได้ยินเสียงหมาหอนครั้งแรกแล้ว  ยิ่งเสียงมาหยุดที่หน้าบ้านยิ่งใจไม่ดีเพิ่มขึ้น  ในใจก็คิดว่าหมาน่าจะเห่าหอนเพราะจะผสมพันธุ์กัน  แต่ครั้งนี้มันโหยหวนจนใจสั่น  น้าเที่ยงมีอาการตัวแข็งเกร็งขยับไม่ได้  พลันหูก็ได้ยินเสียงคนเดินอยู่ข้าง ๆ บ้าน  ตรงข้างบ้านนั้นได้เทหินไว้เสียงที่เหยียบหินจึงได้ยินชัดเจน  ได้ยินเสียงเปิดประตู  ยิ่งทำให้น้าเที่ยงตกใจมากยิ่งขึ้นและมั่นใจว่าประตูบ้านปิดสนิท  ลงกลอนอย่างเรียบร้อย  เมื่อสิ้นเสียงเปิดประตู  ก็เป็นเสียงเดินขึ้นบันได  ตอนนี้น้าเที่ยงรู้แล้วว่าเป็นเสียงเดินของสามีเพราะอยู่กินด้วยกันมาสิบกว่าปีจำเสียงเดินได้  สายตาจ้องไปที่ประตูเพราะพอพ้นบันไดมาจะเป็นประตูเข้าห้อง  เมื่อสิ้นเสียงขึ้นบันไดภาพที่ปรากฏตรงหน้านั้นคือ  น้าผู้ชายที่เสียชีวิตไปแล้ว  เนื้อตัวดำปี๋เพราะรอยถูกเผา  บริเวณตาและริมฝีปากแดงก่ำ  ร่างกายแข็งทื่อ  น้าผู้ชายหันมาทางน้าเที่ยงแล้วเดินเข้าไปหาอย่างช้า ๆ  ก้มลง  เปิดมุ้ง  แล้วเข้าไปนอนข้าง ๆ น้าเที่ยง  ซึ่งเป็นที่ที่น้าผู้ชายนอนอยู่เป็นประจำ  น้าผู้ชายนอนแข็งทื่ออยู่ตลอดทั้งคืน  และน้าเที่ยงก็นอนร้องไห้อยู่ตลอดทั้งคืนเช่นกัน  พอรุ่งเช้าอีกวันเรื่องนี้ก็ถูกเปิดเผยออกมาจากปากของน้าเที่ยงเอง

Advertisement

Advertisement

สิ่งที่โบราณทำไว้หลายอย่างมีเหตุผลประกอบ  แม้จะพิสูจน์ไม่ได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ก็ตาม

เรื่องโดย   อนัตตศาสตร์

ขอบคุณภาพจาก pixabay ภาพปกภาพที่ 1ภาพที่ 2ภาพที่ 3

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์