10 ข้อคิดหลังคิด Early Retirement

ชีวิตคนวัยทำงานทุกคน มีไม่น้อยที่อยากเกษียณก่อนกำหนด เนื่องจากสภาพสังคมการทำงานในปัจจุบันที่ต้องผจญกับความเครียด หรือด้วยสภาพเศรษฐกิจในยุคโควิด ทำให้ต้องโดนออกจากงานกะทันหัน หรือองค์กรหลายแห่งจำเป็นต้องปรับลดขนาดลงโดยให้มีการเกษียณก่อนกำหนด หลายคนจึงต้องกลับมาใช้ชีวิตแบบมนุษย์ไร้เงินเดือน เพื่อประคองตัวให้อยู่รอดต่อไป ชีวิตหลัง Early Retry จึงไม่ได้โลกสวยเหมือนที่เราวาดหวังกันทุกคน เพราะแต่ละคนย่อมมีชีวิตความเป็นอยู่และฐานะที่ต่างกัน และนี่คือ 10 ข้อคิดก่อนตัดสินใจเกษียณก่อนกำหนด

1. รายได้หาย คงเหลือไว้แต่รายจ่าย สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้เข้าบัญชีทุกเดือน อย่างน้อยก็ยังพออุ่นใจว่ายังมีเงินให้ใช้ทุกเดือน แต่เมื่อคุณลาออกแล้ว คำว่าสิ้นเดือนคงไม่ได้สร้างความดีใจให้กับคุณเหมือนเช่นเคย เพราะคุณมีแต่รายจ่ายที่ต้องใช้ทุกวัน จนบางทีก็แอบใจหายที่เห็นยอดเงินในบัญชีเงินเก็บค่อยๆ หร่อยหรอลง และแอบกังวลเล็กๆว่าเงินก้อนที่เก็บจะพอให้ใช้ไปถึงยามแก่เฒ่าหรือไม่ท่ามกลางยุคค่าครองชีพและเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
   
2. หัวโขนหายแว้บ ไม่ว่าตอนทำงานคุณจะยิ่งใหญ่แค่ไหน มีคนคอยพะเน้าพะนอคอยเอาใจใกล้ชิด  แต่ยามเมื่อไร้ซึ่งตำแหน่งใดๆ ที่จะเป็นผลประโยชน์ต่อใครๆ แล้ว คุณต้องทำใจว่าคนเหล่านั้นที่เคยล้อมหน้าล้อมหลังคุณ จะค่อยๆ ลืมคุณไปในที่สุด
   
   
3. สังคมน้อยลง คนที่เคยรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่ทำงาน ลูกค้า หรือใครก็ตาม จะค่อยๆ ออกห่างหายไปจากชีวิตคุณมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขาคงไม่มีเวลามาคุยเล่น หรือนั่งทานข้าวกับคุณเหมือนสมัยทำงาน และคุณก็คงไม่อินกับเรื่องราวเหตุการณ์ในสถานที่ทำงานอีกต่อไป ดังนั้นคุณจึงต้องพยายามอยู่คนเดียวให้เป็น และมองหาสังคมใหม่ๆ เพื่อทำให้ชีวิตหลังเกษียณของคุณมีคุณค่ามากขึ้น
   

4. อายุไม่ใช่เพียงตัวเลข แม้หลายคนจะบอกว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข และสังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ มีผลทำให้ขาดแคลนแรงงาน แต่เชื่อเถอะว่า แม้คุณจะเรียนจบสูงแค่ไหน มีประสบการณ์ทำงานที่มากกว่าเด็กจบใหม่ และยังมีแรงทำงานต่อ ถ้าคุณอยากสมัครหางานใหม่เพื่อให้ยังพอมีรายได้หรือทำแก้เหงา หากคุณไม่มีเส้นสาย ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะรับคุณเข้าทำงานอีกครั้ง เพราะเป็นธรรมดาที่องค์กรย่อมอยากรับเด็กใหม่ สดใส ไฟแรงที่เงินเดือนน้อย หรือเมื่อคุณไปสมัครองค์กรที่รองรับคนวัยเกษียณเข้าทำงาน คุณก็ยังมีอายุไม่ถึงเกณฑ์ที่เขาต้องการ เพราะเป้าหมายของเขาคือรับคนในวัยเกษียณ 60 ปีขึ้นไป เนื่องจากองค์กรสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้นั่นเอง
   
   

5. ความมั่นใจลดน้อยถอยลง เมื่ออายุมากขึ้นหรือไม่ได้ทำงาน สังคมจะมองว่าคุณเป็นคนไม่ทันสมัย ตามโลกไม่ทัน คุยกับใครไม่รู้เรื่องเพราะอยู่บ้านทั้งวัน ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง เพราะคุณอาจไม่มีสังคมของคนทำงานอีกต่อไป จึงอาจทำให้คุณขาดความมั่นใจได้บ้างในยามเจอเพื่อนอีกครั้ง

6. เลิกแต่งตัว จากที่ต้องคอยดูแลเสื้อผ้า หน้า ผม เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของสังคม แต่เมื่อทุกวันต้องอยู่บ้านเป็นหลัก จึงไม่มีใครมาสนใจรูปลักษณ์ของคุณอีกต่อไป คุณก็จะค่อยๆ ปล่อยวางเรื่องเหล่านี้ลง คุณจะหมดเงินไปกับเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ Gadget น้อยลงเรื่อยๆ เพราะไม่มีความจำเป็นต้องไปอวดใครอีกแล้ว แถมสบายเสียอีกที่ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าพรุ่งนี้จะแต่งตัวอย่างไร ทำผมแบบไหนให้วุ่นวายใจ การได้ใส่ชุดสบายๆ และอยู่บ้านแบบหน้าสด ถือเป็นชีวิตที่ปลอดโปร่งโล่งใจที่คุณจะได้มา
   
   

7. ใช้จ่ายอย่างประหยัด เมื่อไม่มีรายได้แล้ว คุณจะเริ่มกลายเป็นคนใช้จ่ายอย่างประหยัดและระมัดระวัง การใช้ชีวิตแบบพอเพียงถือเป็นชีวิตที่ปลอดภัยที่สุด ไม่ต้องเอาชีวิตคุณไปเปรียบเทียบกับใครๆ เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีใครรักและจริงใจดูแลคุณได้ดีเท่าตัวคุณเอง
   

8. เข้าใจสัจธรรม เมื่อผ่านโลกและสังคมอันวุ่นวาย และได้กลับมาใช้ชีวิตสงบๆ ในบ้าน คุณจะมีเวลาครุ่นคิดถึงสัจธรรมว่าอะไรสำคัญจริงๆ ต่อชีวิตของคุณ อะไรคือสิ่งที่คุณต้องการ คุณจะได้ค้นพบความจริงหลายๆ อย่างที่คุณไม่อาจสัมผัสได้หรืออาจลืมเลือนไปขณะวุ่นวายอยู่กับสังคมการทำงานในแต่ละวัน คุณจะรู้ว่าใครคือเพื่อนแท้ ใครคือคนที่รักคุณจริงๆ และรู้ว่าสิ่งใดเป็นเพียงหัวโขนหรือมายา

9. หวาดกลัวอนาคต แม้ในทางธรรมะจะเตือนให้เราใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันอนาคตก็เป็นเรื่องไม่แน่นอน คุณจึงอดไม่ได้ที่จะคิดถึงชีวิตในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป คุณจะมีชีวิตอยู่ถึงเมื่อไหร่ เงินที่คุณมีจะพอใช้ถึงวันนั้นหรือไม่ คุณจะเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บไข้ได้ป่วยแบบไม่คาดฝันหรือเปล่า และอื่นๆ อีกมากมายที่จะวนเวียนเข้ามาในหัวให้คิดตลอดเวลา ดังนั้นการใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันขณะจึงเป็นหนทางที่ถูกต้องที่จะทำให้คุณหยุดคิดและเลิกเครียดกับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น

10. อิสระจากชีวิตและความเครียด เมื่อไม่ต้องใช้เวลาไปกับการทำงาน คุณจึงมีเวลาเหลือเฟือให้ได้ใช้ชีวิตตามใจอยากตามที่คุณวาดฝันไว้ ไม่มีความเครียดจากการทำงานให้ปวดหัวอีกต่อไป แถมสุขภาพก็จะดีขึ้น ได้มีเวลาออกกำลังกาย นอนดูซีรีส์ ปลูกผักทำสวน ทำงานอดิเรก ท่องเที่ยว หาของกินอร่อยๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พบเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานานหรือทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ หาอาชีพใหม่ทำ ปฏิบัติธรรม ฯลฯ นี่คืออิสระเและเวลาที่คุณแลกมากับการตัดสินใจเกษียณก่อนกำหนดที่ไม่มีคำว่าเวลามาเป็นข้อจำกัดอีกต่อไป
    
    
    การ Early Retirement ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย หากคุณมีการเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า หรือถ้ามีเหตุให้คุณต้องออกจากงานก่อนกำหนด ก็ไม่ต้องตกใจหรือเสียใจจนเกินไป ตั้งสติและค่อยๆ หาหนทางแก้ปัญหา เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่า วันข้างหน้าสิ่งที่คุณตัดสินใจเกษียณก่อนกำหนด อาจเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วสำหรับชีวิตของคุณ...

    ---

    
    เครดิตภาพประกอบ
    ภาพที่ 1 Geralt/Pixabay
    ภาพที่ 2 MonikaDesigns
    ภาพที่ 3 StockSnap
    ภาพที่ 4 AKA-Ralph
    ภาพที่ 5 petig