อื่นๆ
10 เดือนประสบการณ์ สุดว๊าว !กับชีวิตในต่างจังหวัด "สไตล์สโลว์ไลฟ์"
ในช่วงชีวิตหนึ่งของผู้เขียนน่าจะสักราวๆ พ.ศ. 2559 ผู้เขียนมีความรู้สึกหมดไฟในการทำงานมากๆ ถึงเเม้ไม่ใช่งานประจำเเต่ก็เบื่อมากๆ รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตในกรุงเทพมหานครเป็นอย่างมากถึงมากที่สุด เอาจริงๆคือตอนนั้นมีความสับสนกับชีวิตพอสมควรคือช่วงนั้นมีความคิดว่าทำไมเราเหนื่อยเหลือเกิน เเล้วเราต้องการอะไรในชีวิต อยากไปต่างจังหวัดที่ไหนก็ได้ จริงๆอยากกลับบ้านเเต่ขี้เกียจตอบคำถามของชาวบ้านก็เลยคิดว่าไปจังหวัดอื่นน่าจะดีกว่าอยากไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัดซักพัก เเละอยากลองกิจกรรมที่เราอยากทำเกี่ยวกับเกษตรต่างๆ เเละตัดสินใจหยุดทำงานเเละออกจากสักพักเพื่อไปพักผ่อน เเต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาไปกี่วันหรือกี่เดือน คิดเเค่ว่าถ้ารู้สึกดีขึ้นมีพลังใจพร้อมทำงานเเล้วค่อยกลับมา
Advertisement
Advertisement
ก็เลยลองหาข้อมูลดูพบว่ามีศูนย์เกษตรนึงในเเถวๆจังหวัดสระเเก้วเปิดสอนเรื่องเกษตร เรื่องการใช้ชีวิตที่พอเพียง ดูเเล้วก็น่าสนใจก็เลยลองตัดสินไปดูคงไม่น่ามีอะไรเสียหาย พอไปจริงๆก็เป็นการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับเกษตร คนที่เข้าร่วมกิจกรรมก็มีทั้งคนที่มาคนกรุการใช้ชีวิต เเละพบว่าคนที่มาเข้าร่วมกิจกรรมนั้นก็ได้เเก่ คนทั่วประเทศในจังหวัดต่างๆ รวมถึงคนในพื้นที่บ้างประปราย ก็ฟังๆคนมาให้ความรู้เรื่องธรรมชาติเรื่องต่างๆมากมาย เเต่สิ่งหนึ่งที่ดีงามมากคือ... การได้เจอผู้คนหลากหลายสายงานหลากหลายอาชีพต่างๆมากมาย ส่วนใหญ่เท่าที่สัมผัสได้ของคนที่มาร่วมกิจกรรมนี้คือมีอาการเบื่องาน เบื่อชีวิต อยากมาสัมผัสวิถีต่างจังหวัด เลยมาร่วมกิจกรรมดูน่าจะได้อะไรไปบ้าง อารมณ์เดียวกันทั้งงาน
Advertisement
Advertisement
พออบรมเสร็จก็มีหลักสูตรระยะยาวอีก ใครอยากอยู่ต่อก็อยู่ได้ ใครจะกลับก็กลับได้ ส่วนตัวผู้เขียนนั้นก็อบรมไปอบรมมา4 เดือนผ่านไปคืออยู่นานมาก ก็ได้ใช้ชีวิตเเบบกางเต้นนอนในป่า ทำกับข้าวกินกันเองทำกิจกรรมมากมายทั้งทำนาทั้งสีข้าวทั้งไปปลูกต้นไม้ต่างๆนานา เเละได้รู้จักผู้คนมากมาย เเละจุดพลิกของชีวิตคือการที่รู้จักเพื่อนคนนึงที่มากิจกรรมเเห่ง้เเล้วเค้าชวนลองไปใช้ชีวิตที่บ้านของเค้าซึ่งอยู่อีกอำเภอนึง เรยก็ไปลองดูในเมื่อไหนๆมาเเล้วก็ลองไปเที่ยวไปเปิดหูเปิดตาดู ก็ได้มีโอกาสไปอยู่เเละอากาศดีมาก ได้ลองทำอะไรหลายๆอยากที่อยากทำ ใช้ชีวิตที่สงบมาก เเละมีความสุข เป็นชีวิตสไตล์สโลว์ไลฟ์เลยก็ว่าได้
จากนั้นก็วางเเผนว่าไหนๆมาเเล้วต้องลองทำใสุดๆ อะไรที่อยากทำก็ลองเลยไม่รอช้า พอดีบ้านเพื่อนมีบ้านอยู่ติดฝายกั้นน้ำอากาศดีมาก เลยได้ย้ายมาอยู่หลังนี้กัน ซึ่งบ้านถูกล้อมไปด้วยต้นผลไม้หลากหลายมากมายปลูกเเบบผสมผสาน ทั้งต้นทุเรียน มะละกอ น้อยหน่า ตะไคร้ กล้วย ซึ่งตอนนั้นก็เริ่มวางเเผนทำโรงเห็ดเพาะเห็ดกัน ก็เริ่มจากการศึกษาว่าโรงเห็ดทำยังไงเเละสอบถามจากคน่เพาะเห็ดเเละ่มไปตัดไม้ไผ่มาทำโรงเห็ดเเละไปหาหญ้าคามาเย็บเป็นจากมุงหลังคา ใช้เวลาในการทำ 2 เดือนเต็มๆ โรงเห็ดก็เสร็จสมบูรณ์
Advertisement
Advertisement
จากนั้นก็ติดต่อคนขายหัวเชื้อเห็ดเเละสั่งหัวเชื้อมา ตอนนั้นจำได้ว่าตัดสินใจจะเพาะเห็ดนางฟ้าภูฐานเพราะเป็นเห็ดพื้นฐานที่เพาะง่ายที่สุดเล้วก็สั่งซื้อก้อนเห็ดมาก้อนละ 8 บาท ซึ่ง ก็ทยอยสั่งมาเค้าก็ขนบรรทุกใส่รถกระบะมาส่งถึงที่ โดยที่เราก็เรียงหัวเชื้อไว้ให้เป็นเเถว เรียงเสร็จรักษาอุณหภูมิ เเละต้องรดน้ำให้เป็นละอองฝอยวันละ 2 เวลา รอประมาณ 7 วันก็สามารถเก็บกินได้ เเละก็เก็บไปขายได้กิโลกรัมละ 60 บาท ณ เวลานั้น ซึ่งบางส่วนก็เอามาทำอาหารสดๆซึ่งอร่อยมากๆ เอามาผัดกับน้ำมันเฉยๆ ใส่ซอสดำปรุงรสนิดหน่อย รสชาติหวานมากๆ ซึ่งสามารถเก็บกินได้ทุกวัน
เเละวันนั้นก็ทำให้ได้เรียนรู้ว่าการเคล็ดลับของการที่จะทำอาหารให้อร่อยนั้นคือการนำของที่สดใหม่มาทำอาหาร อาหารจะออกมาอร่อยทุกจานโดยที่ไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเติมเลย ระหว่างที่เพาะเห็ดก็เลี้ยงหอยขม ปลูกตะไคร้ เเละไปช่วยเค้าทำนาบ้างถ้าเค้ามาขอให้ช่วย ชีวิตช่วงนั้นก็รู้สึกผ่อนคลายมาก เเละมองเห็นชีวิตในอีกหลายๆด้าน เเต่อีกด้านหนึ่งในชีวิตคือเรื่องเงินก็เริ่มจะหมดเเล้ว เพราะมีรายได้เเค่เพียงการเพาะเห็ดขายเท่านั้น ซึ่งการอยู่ที่นั้นมีอาหารให้กินอย่างอุดมสมบูรณ์โดยไม่ต้องซื้อเลย ทุกอย่างปลูกเองหมด ทั้งกระเพรา ตะไคร้ หอม กระเทียม พริก มะนาว มะเขือเทศ โหระพา เเละทุกสิ่งอย่างที่ต้องการ คุณภาพชีวิตดี อากาศเงียบสงบ เเละไม่ต้องเร่งรีบเเข่งขันกัน ผู้คนช่วยเหลือเอื้อเฟื้อกันดีมาก
ซึ่งผู้เขียนก็ได้สัมผัสชีวิตที่เราห่างหายมานาน เเละทำให้คิดถึงบ้านเกิดของตัวเองมากๆ การไปอยู่ที่นั่น ทุกๆย่างก้าวทุกวันที่ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตของคนที่นั่น ทำให้ผู้เขียนคิดอะไรได้เยอะมากไป เเละมองเห็นอะไรในชีวิตหลายๆมุมของชีวิตคน จนวันหนึ่งผู้เขียนรู้สึกได้ว่าคงต่องกลับไปใช้ชีวิตปกติเเล้วเพราะไม่มีเงินที่จะอยู่ต่อใช้ชีวิตอีกเเล้ว เบ็ดเสร็จมาอยู่เพาะเห็ดทั้งหมด 6 เดือนรวมกับที่อยู่ศูนย์อบรมเกษตร 4 เดือน รวมเเล้วเป็น 10 เดือนเต็มที่ลองมาใช้ชีวิตในเเบบที่ตามหาเเละต้องการ ซึ่งบอกได้เลยว่าคุ้มมาก ซึ่งผู้เขียนคิดว่าคนทุกคนคงไม่ได้มีโอกาสเช่นนี้มากนัก ผู้เขียนยังไม่มีครอบครัวเเละยังไม่มีภาระใดไปอยู่ตัวคนเดียว ก็เลยต้องรีบคว้าโอกาสนี้ก่อน มิฉะนั้นอาจจะไม่มีโอกาสที่เหมาะเจาะเท่านี้อีกเเล้ว
ซึ่งการที่ลองให้โอกาสตัวเองออกไปทำในสิ่งที่ไม่เคยทำเเละหาคำตอบให้ชีวิต เป็นสิ่งที่ถ้าเป็นไปได้หรือไม่ได้ขัดสนอะไรนัก ก็ควรหาเวลาไปบ้างนะคะอาจจะไปเเค่ 1 สัปดาห์หรือเเล้วเเต่จังหวะที่เอื้ออำนวยของเเต่ละคนก็ได้คะ ผู้เขียนขอการันตีนั่งยันนอนยันเลยคะว่าคุ้มมากๆๆๆ กับความคิดที่ตกผลึกในหลายๆเเง่หลายๆมุมของชีวิต เเละช่วยเติมเต็มชีวิตจิตใจของเรา เเม้ว่ากิจกรรมเเบบนี้จะเหนื่อยเเละต้องใช้ความเด็ดเดี่ยวพอสมควร เเต่พลังงานที่ได้ชาร์ตเพิ่มให้ทั้งร่างกายเเละจิตใจพร้อมเต็มเปี่ยมสำหรับการกลับมาสู้ชีวิตในโลกของความเป็นจริงเเล้วคะ
Minimal but important and appreciate all time in life
ความคิดเห็น