เพลง

10 เพลงสากลเพราะๆ จากเพลลิสต์ของมาร์ค ลี

3.2k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
10 เพลงสากลเพราะๆ จากเพลลิสต์ของมาร์ค ลี

Mark Lee - มาร์ค ลี

นักร้อง-แร็ปเปอร์เกาหลี คนเก่ง ที่เกิดและโตในแคนาดา หรือที่หลายๆคนอาจจะรู้จักเขาในชื่อ มาร์ค NCT หรือ มาร์ค SuperM นอกจากจะเป็นนักร้องมากความสามารถแล้ว ในเวลาว่าง มาร์คยังชอบที่จะใช้เวลาพักผ่อนไปพร้อมกับการเล่นกีตาร์ และร้องเพลงที่ตัวเองชอบ มาร์คยังมีเพลงที่ชอบหลากหลายแนวมากๆ มีแต่เพลงเพราะๆ ความหมายดีๆทั้งนั้น วันนี้ PSK(ผู้เขียน) เลยมีเพลง 10 เพลงที่ มาร์ค ลี แนะนำพร้อมความหมายดีๆ มาแบ่งปันให้ทุกคนค่ะ

(จะมีลิงก์ของเพลงนั้นๆอยู่ที่ชื่อเพลงแต่ละเพลงค่ะ หากผู้อ่านคนไหนอยากฟังเพลงนั้นสามารถคลิกที่ลิงก์แล้วเข้าไปฟังได้เลยค่ะ)

I can't get this out of my head

1. Good Days - SZA

มาเปิดกันที่เพลงแรกกันเลย เพลงเพราะติดหูที่นอกจาก มาร์ค ลี จะชอบจนเอามาร้องให้แฟนๆของเขาฟังในแอพ LYSN พร้อมข้อความว่า "can't get this out of my heeaaaddd" แล้ว ROSE (โรเซ่ Blackpink) ยังใส่เพลงนี้ไว้ในเพลลิสต์เพลงแนะนำใน Spotify ของเธออีกด้วย เรามาดูเนื้อเพลง พร้อมคำอธิบายส่วนหนึ่งของเพลงนี้กันค่ะ

Advertisement

Advertisement

Good day in my mind, safe to take a step out

Get some air now, let your edge out

Too soon, I spoke, you be heavy in my mind

Can you get the heck out? I need rest now...

'วันดีๆในความคิดของฉันความปลอดภัยที่จะก้าวขาออกมา สูดอากาศสักหน่อยเพื่อปลดปล่อยความเหนื่อยล้า'

เป็นเพลงที่สำหรับผู้เขียนเอง ผู้เขียนค่อนข้างชอบเพลงนี้ที่ความหมายส่วนมากในเพลง เป็นเพลงที่พูดถึงความเชื่อในวันดีๆ ที่ต่อให้เกิดอะไรขึ้นในชีวิต หรือต่อให้โลกนี้สลายไปต่อหน้าต่อตา เราจะสามารถอดทนและผ่านมันไปได้ แค่เราได้เป็นตัวของตัวเอง รักและใจดีกับตัวเอง ก็จะยังมีวันดีๆเกิดขึ้นในใจเราเสมอค่ะ


2. Blessed - Daniel Ceasar

Everywhere that I go, everywhere that I be

If you are not surrounding me with your energy

I don't wanna be there, don't wanna be anywhere

Advertisement

Advertisement

Any place that I can't feel you, I just wanna be near you

'ถ้าไม่มีคุณอยู่รอบๆในทุกๆที่ ที่ผมไป ทุกๆที่ ที่ผมอยู่ ผมไม่อยากไปไหนเลย ผมไม่อยากอยู่ที่นั่นเลย ที่ที่ไม่มีคุณ'

สำหรับผู้เขียน เพลงนี้ถือเป็นเพลงที่จัดอยู่ในหมวดคลั่งรักค่ะ คลั่งรักมากๆ ท่อนที่ผู้เขียนชอบที่สุดคือท่อนที่ร้องว่า "It's the things that you say. It's the way that you pray. (You) pray on my insecurities. I know you're feeling me" ค่ะ ส่วนตัวผู้เขียนรู้สึกว่าท่อนนี้เป็นท่อนที่ดูเหมือนคู่รักในเพลง เป็นคู่ที่รู้จักและเข้าใจกันดีมากๆ เหมือนคู่รักในอุดมคติของชาว INFJ เลยค่ะ

อ่านเรื่องของ มาร์ค ลี กับลักษณะบุคลิกภาพที่หายากที่สุดในโลกหรือ INFJ (คลิก)


3. A Whole New World - ZAYN, Zhavia Ward

ใช่แล้วค่ะทุกคนเพลงประกอบภาพยนต์เรื่อง Aladdin นั่นเองค่ะ หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ความหมายของเพลงนี้ หรือบางคนอาจจะยังไม่เคยฟังเพลงนี้จริงๆเลยสักที วันนี้ PSK ขอชวนทุกคนไปฟังเพลงนี้กันนะคะ เพราะความหมายมันน่ารักจนแค่อ่านก็อยากไปท่องโลกที่สวยงามนี้กับเจ้าชายแล้วค่ะ ><

Advertisement

Advertisement

I can show you the world : shining, shimmering, splendid

Tell me, princess, now when did you last let your heart decide?

I can open your eyes, take you wonder by wonder

Over, sideways and under

On a magic carpet ride

'ผมจะให้คุณเห็นโลกใบนี้ที่สว่าง สดใส และงดงาม บอกผมสิ เจ้าหญิง ว่านานแค่ไหนแล้วที่คุณนั้นใช้หัวใจนำทาง ผมจะทำให้คุณนั้นได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นข้างบนนั่น รอบตัวเรา หรือเบื้องล่างนี้ เราจะไปกับพรมวิเศษนี้'

ฺBlue Mark Leeภาพจาก nct_dream / Instagram


4. Talking to the Moon - Bruno Mars

Talking to the moon

Trying to get to you

In hopes you're on the other side talking to me, too

Or am I a fool who sits alone talking to the moon?

'ผมกำลังคุยกับดวงจันทร์และพยายามที่จะเข้าถึงคุณ ลึกๆก็หวังว่าคุณอยู่จะอยู่อีกฝั่งนึง และกำลังพูดคุยกับผมอยู่เหมือนกัน'

เป็นเพลงที่ผู้เขียนฟังแล้วรู้สึกว่าเป็นเพลงที่ relatable มากๆเลยค่ะ เราที่นั่งคุยกับดวงจันทร์ซ้ำๆทุกวัน ต่อให้จะไม่มีใครเข้าใจการกระทำนั้นของเราเลยก็ตาม แต่เราก็ยังจะทำมันอยู่อย่างนั้น เพราะทันทีที่ท้องฟ้ามืดลงและดวงจันทร์สว่างขึ้น มักจะมีอีกเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นจากอีกฝั่งหนึ่งและพูดคุยกับเราเสมอ


5. Honesty - Pink Sweat$

She said, "What if I dive deep?

Will you come in after me?

Would you share your flaws with me? Let me know"

"เธอถามผมว่า 'ถ้าฉันถล่ำลงไปลึก คุณจะตามฉันไปหรือเปล่า? คุณจะแบ่งปันความทุกข์ของคุณให้ฉันฟังหรือเปล่า? บอกฉันที' "

ส่วนตัวเพลงนี้ถือว่าเป็นเพลงที่ค่อนข้างเพราะติดหูทีเดียว และมีหลายท่อนที่ผู้เขียนเองก็ชอบมากๆ เรื่องราวในมุมมองของผู้เขียนสำหรับเพลงนี้คือ เรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่กลัวการมีความรักค่ะ แต่ในขณะเดียวกันเป็นเพลงที่ผู้เขียนรู้สึกถึงความรู้สึกที่อบอุ่นแปลกๆในทุกครั้งเวลาที่ได้ฟังเพลงนี้ โดยเฉพาะท่อนที่ผู้เขียนยกมาเป็นตัวอย่างค่ะ


6. Let Me Know - LANY

Let me know if there's something I can do to fix it

Let me know if you ever change, if you ever change, your mind

I can't promise you that I'll be waiting

But for you, I'll leave anything behind

'ถ้าหากมีอะไรที่ผมทำเพื่อแก้ไขมันได้บอกผมมาเลยนะ บอกมาเลยถ้าคุณเปลี่ยนใจ ผมสัญญาไม่ได้หรอกว่าผมจะรอ แต่ถ้าเป็นคุณผมให้คุณมาเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว'

เพลงนี้อาจจะไม่อบอุ่นเท่าหลายเพลงที่ผู้เขียนเลือกมาในบทความนี้มากนัก ส่วนตัวผู้เขียนเห็นความพร้อมที่จะเปลี่ยนตัวเองของผู้ชายคนนี้ค่ะ เป็นการร้องขอเหตุผลจากผู้หญิงคนหนึ่งที่จากเขาไปว่าทำไมล่ะ เมื่อวานนี้ยังดีๆอยู่เลย แต่ไม่ได้แปลว่าผมจะรอคุณนะ เพราะคนเรายังไงก็ต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้ใช่ไหมคะ 'แต่ถ้าคุณกลับมาพร้อมเหตุผลที่ทำให้คุณจากไปวันนั้นเมื่อไหร่ ผมจะเปลี่ยนตัวเองแน่นอน และการเปลี่ยนตัวเองที่จะเกิดขึ้นนั้น ผมทำเพื่อคุณ'


7. No Pressure - Lemar

And girl I know that you've been hurt before

Let me reassure you

There's only good intentions

If you'll relax and let your feelings flow

Soon you'll know

Girl there ain't no pressure

We'll do it the way you like to

Just remember I will always be here for you...

'ผมรู้ว่าคุณเจ็บช้ำมาก่อน ให้โอกาสผม เพื่อที่ผมจะได้ทำให้คุณมั่นใจว่าระหว่างเราจะมีแต่สิ่งดีๆ หากคุณปล่อยวางและปล่อยความรู้สึกของคุณให้สบายๆ คุณจะรับรู้ได้เลยทันทีว่าระหว่างเรามันจะไม่มีการกดดันเกิดขึ้น และให้คุณรู้ไว้นะ ว่าผมจะอยู่ตรงนี้ข้างๆคุณเสมอ'

ส่วนตัวที่ผู้เขียนยกเพลงนี้มาเป็น 1 ใน 10 เพลง เพราะผู้เขียนชอบคำว่า No Pressure ของเพลงนี้มากๆเลยค่ะ เป็นเพลงที่ทำนอง และการแบ่งคำร้องไม่ได้ทำให้ผู้เขียนเองรู้สึกว่าเพลงนี้มันให้ความรู้สึกอบอุ่นได้มากเท่าเนื้อเพลงค่ะ แต่เพลงนี้ก็ทำให้ส่วนตัวผู้เขียนรู้สึกสบายใจได้อย่างบอกไม่ถูกเหมือนกันค่ะ เพราะแค่การที่มีใครสักคนนึงบอกกับเราว่า 'There is no pressure on you and I will always be here for you' แค่นั้นมันก็ดีมากแล้วไม่ใช่เหรอคะ :-)

The Most Beautiful Human alive Mark Lee

ภาพจาก nct_dream / Instagram


8. Falling Slowly - Glen Hansard

I don't know you but I want you, all the more for that

Words fall through me, and always fool me, and I can't react

...

Take this sinking boat and point it home, we’ve still got time

Raise your hopeful voice you have a choice, you’ll make it now

Falling slowly, eyes that know me

And I can’t go back

ที่ผู้เขียนไม่ใส่คำแปล เพราะส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ผู้ฟังจะต้องตีความหมายของเพลงด้วยตัวเองค่ะ มีกระทู้ของชาวต่างชาติหลายกระทู้ที่ถกเถียงกันเรื่องความหมายที่แท้จริงของเพลงนี้ค่ะ และแต่ละคนก็ตีความเพลงนี้ออกมาไม่เหมือนกันเลย แม้แต่ผู้เขียนเอง ก็ยังตีความเพลงนี้ออกมาได้หลายมุมมองมากเลยทีเดียว เลยยกมาสองมุมมองเพื่อแบ่งปันกับผู้อ่านค่ะ

ส่วนตัวผู้เขียนมองว่าเพลงนี้สามารถเป็นเพลงให้กำลังใจตัวเองในวันที่เรารู้สึกแย่และท้อที่สุด เราเหนื่อยกับการตามหาตัวเอง ต่อสู้กับตัวเอง และการพยายามจะเป็นตัวเองในแบบที่เราต้องการจะเป็น เราล้มลงช้าๆ อยู่กับดวงตาคู่ที่รู้จักเราดีที่สุด และดวงตาคู่นั้นจะเป็นดวงตาของใครไปได้ ถ้าไม่ใช่ของเราล่ะคะ และดวงตาคู่นั้นกำลังบอกให้เราเลือกว่าเราจะเชื่อในตัวเองแล้วสู้ต่อไปพร้อมกับความหวัง หรือเราจะหันหลังให้มัน แล้วกลับบ้านไปซะ เรามีทางเลือกค่ะ และเราต้องเลือกทางเดินของเราตอนนี้ค่ะ

แต่ในอีกมุมมองนึง ส่วนตัวผู้เขียนฟังและมองเพลงนี้ออกมาเป็น เรื่องราวของการที่เราตกหลุมรักใครสักคนที่เราไม่รู้จัก และไม่รู้ว่าเขาคือใครด้วยซ้ำ แต่เขาเป็นคนคนหนึ่งที่เรารู้ ว่าเขามีตัวตนอยู่จริง คนที่จะเดินผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนี้ไปกับเรา คนที่ดวงตาของเขาจะทำให้เราสบายใจที่จะร้องไห้ หรือแสดงความรู้สึกของเราออกมาได้เสมอ เพราะเขาจะเข้าใจเราแน่ๆ เพียงแค่ตอนนี้เรายังไม่เจอกันเท่านั้นค่ะ แต่การเฝ้ารอ และตามหาคนคนนั้นมันมักจะเหนื่อย และท้อได้เสมอ เพราะในขณะตอนนี้ที่เราเหนื่อยและต้องการดวงตาคู่นั้นของเขา ดวงตาคู่นั้นไม่ได้อยู่ตรงหน้าเราค่ะ แต่เราก็ยังเลือกได้เสมอ ว่าเราจะตามหาดวงตาคู่นั้นต่อไปตามทางที่เราเลือกตั้งแต่แรก หรือเราจะกลับบ้าน นี่เป็นอีกมุมมองของผู้เขียน สำหรับเพลงนี้ค่ะ

อยากให้ผู้อ่านลองไปฟังและตีความเพลงนี้ในแบบของผู้อ่านกันดูนะคะ^^


9. Monster - Shawn Mendes, Justin Bieber

เพลงนี้เป็นเพลงของสองหนุ่มคนเก่งจากแคนาดา Shawn Mendes และ Justin Bieber หลายคนเห็นชื่อเพลงอาจจะคิดถึงเพลงเกาหลีมากมายเช่น Monster ของ EXO หรือ Monster ของสองสาวไอรีณและซึลกิ Red Velvet แต่เพลงนี้ทำให้ Monster มีความหมายต่างออกไปเลยค่ะ เราไปลองอ่านเนื้อเพลงกันค่ะ

But what if I, what if I trip? What if I, what if I fall?

Then am I the monster? Just let me know.

And what if I, what if I sin? And what if I, what if I break?

Then am I the monster? Just let me know.

'ถ้าหากว่าผมสะดุดล่ะ หรือถ้าหากว่าผมล้มลง ในสายตาของคุณ ผมจะกลายเป็นตัวประหลาดไปเลยหรือเปล่า และถ้าหากว่าผมทำบาป หรือถ้าหากว่าผมแตกสลายล่ะ ผมคือตัวประหลาดหรือเปล่า'

ตอนที่นักเขียนได้ยินเพลงนี้ครั้งแรกจากรายการเพลงรายการหนึ่ง ถึงกับสะดุดแล้วต้องหยุดทำทุกอย่างหันไปดูชื่อเพลง เพื่อจะฟังเพลงนี้อีกครั้งเลยค่ะ เพราะเป็นเพลงที่นักเขียนเองก็รู้สึกได้ทันทีถึงความอึดอัดและสงสัยของศิลปินต่อความคาดหวังมากมายที่โลกนี้มีให้พวกเขา เพียงเพราะโลกนี้ดันพวกเขาเข้าไปในแสงไฟ บอกว่าพวกเขาน่ะดีที่สุด แต่สุดท้ายเมื่อทางเดินของพวกเขาไม่เรียบนัก พวกเขาก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดในสายตาของโลกนี้ทันทีเพียงแค่พวกเขาสะดุดล้มเท่านั้นเองค่ะ

ทำให้ผู้เขียนคิดถึงเพลงอีกเพลงหนึ่งของ Justin Bieber ชื่อว่าเพลง Lonely ค่ะ เป็นอีกเพลงหนึ่งที่ผู้เขียนได้ยินจากรายการเพลงแล้วต้องไปหาฟังต่อเองทันที เนื้อหาในเพลง Lonely เป็นเรื่องเกี่ยวกับการมีชื่อเสียงมากๆตั้งแต่ยังเด็กค่ะ 'คนทั้งโลกรู้จักชื่อผม แต่แปลกจัง เมื่อผมมองในกระจก ผมเห็นใครก็ไม่รู้ ผมมีทุกอย่าง แต่ผมไม่มีคนที่ผมจะสามารถโทรหาและเขาจะฟังผมได้ คนทั้งโลกรู้ว่าเขาป่วย แต่ไม่เห็นมีใครใส่ใจเลย แถมยังบอกว่าผมเป็นคนไม่ดีอีกต่างหาก' สองเพลงนี้ทำให้ผู้เขียนเข้าใจโลกนี้และศิลปินทุกคนทันทีเลยค่ะ ว่าทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่ายจริงๆ


10. Purpose - Justin Bieber

ในรายการวิทยุ มาร์ค ได้เลือกเพลง เพลงหนึ่งมาแชร์กับผู้ฟังทุกท่าน และนั่นคือเพลง Purpose จากอัลบั้ม Purpose ของ Justin Bieber ค่ะ โดยมาร์คยังบอกอีกว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ชอบ Justin Bieber มากขนาดนี้ แต่ทันทีที่อัลบั้มนี้ออกมาและเขาได้ฟังเพลงนี้ เขารู้สึกได้ถึงชีวิตที่เติบโตขึ้นของ Justin และชีวิตดีๆที่เติบโตขึ้นนั้นสื่อสารออกมาผ่านเสียงเพลง เขาเลยกลายเป็นแฟนตัวยงของ Justin Bieber ทันที และที่เขาเลือกเพลงนี้ เพราะเขารู้สึกว่าเป็นเพลงที่มีความหมายมากที่สุดในอัลบั้ม และยังรู้สึกได้ถึงสิ่งที่จัสตินต้องการจะสื่อกับทุกคนจริงๆอีกด้วยค่ะ

I put my all into your hands, here’s my soul to keep

I let you in with all that I can

You’re not hard to reach

And you bless me with the best gift that I’ve ever known

You give me purpose

'ผมมอบทุกอย่างของผม ไว้ในมือของคุณ จิตวิญญาณของผม ผมให้คุณเก็บเอาไว้ ผมให้คุณเข้ามาในชีวิตผมด้วยทุกทางที่ผมทำได้ คุณอยู่ใกล้ผมมากจริงๆ และคุณยังอวยพรผมด้วยของขวัญที่ดีที่สุด ที่ผมเคยได้รับ คุณให้จุดประสงค์ของชีวิตผม คุณให้เป้าหมายกับผม'

ส่วนที่ผู้เขียนชอบที่สุดในเพลงคือตอนสุดท้ายของเพลงค่ะ Justin Bieber ได้ทิ้งข้อความบางอย่างเอาไว้ผู้เขียนอยากให้ทุกคนให้โอกาส Justin และให้โอกาสตัวเองในการฟังข้อความนั้นดูสักครั้งนะคะ

Sun Side Upภาพจาก nct127 / Instagram


เพลงแถม

11. As A Deer

อ่านมาถึงตรงนี้ ทุกคนพอรู้ใช่ไหมคะว่ามาร์ค ลี ที่น่ารักของเราเป็นคริสเตียนค่ะ มีแฟนคลับคนหนึ่งได้คุยกับมาร์ค ในงาน Fan Sign และระหว่างที่มาร์ค กำลังเซ็นลายเซ็นในเธออยู่นั้น เธอก็ขอให้มาร์คแนะนำเพลงในโบถส์ที่เขาชอบให้กับเธอสักเพลงนึงค่ะ มาร์คถามเธอกลับว่าเธอ 'รู้จักเพลง As A Deer ไหม?' ที่เป็นเพลงนี้เพราะว่า เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่ดังขึ้นมาในหัวเขาทันทีหลังจากที่เธอถามเลยค่ะ


ขอบคุณรูปภาพจาก

  1. ภาพปกจาก onyourm__ark / Instagram
  2. ภาพจาก nct_dream / Instagram
  3. ภาพจาก nct_dream / Instagram
  4. ภาพจาก nct127 / Instagram

ผู้เขียน PSKOREAN0394

จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
pskorean0394
pskorean0394
อ่านบทความอื่นจาก pskorean0394

สวัสดีค่ะ PSKOREAN0394 เป็นเพจเกี่ยวกับภาษาเกาหลี และเรื่องราววัฒนธรรมเกาหลีต่างๆ ใน Instagram ที่มี

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์