10 เหตุผลว่าทำไมแบรนด์ของคุณควรทำ SEO

ข้อดีของการซื้อพื้นที่คือได้พื้นที่ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ลูกค้าจากการถูกคลิกเข้าเว็บไซต์

10 เหตุผลว่าทำไมแบรนด์ของคุณควรทำ SEO

SEO คืออะไร? คำถามพื้นฐานที่หลายคนเคยตั้งคำถาม และอีกหลาย ๆ คนก็คงทราบคำตอบอยู่แล้ว ว่า SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization การทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับการค้นหา หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ การทำให้ลูกค้าเจอเราเมื่อพวกเขาหาสิ่งที่อยากได้บน Google แต่จริง ๆ แล้ว Search Engine นั้นไม่ได้มีแค่ Google เท่านั้น ยังมีค่ายอื่น ๆ อีกมาก ยกตัวอย่างเช่น Bing จากค่าย Microsoft เว็บไซต์ Yahoo ที่เคยเป็นที่นิยมมากสมัยก่อน หรือ Baidu แหล่งค้นหาหลักของประเทศจีน

แต่ที่เห็นว่าใคร ๆ ก็เอาแต่พูดถึง Google นั่นก็เป็นเพราะว่าในปัจจุบัน Google เป็น Search Engine ที่มีสัดส่วนตลาดสูงที่สุด ผู้คนนิยมใช้มากเป็นอันดับหนึ่งของโลก ดังนั้นการทำ SEO จึงค่อนข้างมุ่งเน้นให้ติดอันดับของ Google นั่นเอง

แล้วเราทำยังไงต่อ?

ก็กดเข้าไปสักชื่อหนึ่งบนลิสต์พวกนั้น ซึ่งส่วนมากก็เว็บที่อยู่ใน 5 อันดับแรกนั่นแหละ ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณจะรู้ที่อยู่เว็บไซต์นั้นอยู่แล้ว และพิมพ์มันลงไปโดยตรง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากคุณเกิดพิมพ์ผิด หรือพิมพ์ URL ไม่ครบถ้วน สุดท้ายแล้วเบราวเซอร์ของคุณก็จะพาคุณไปจ๊ะเอ๋กับการค้นหาเส้นทางการเข้าเว็บที่ถูกต้องด้วย Google อยู่ดีนั่นแหละ

2. บทความออร์แกนิกน่าเชื่อถือกว่าบทความแบบซื้อโฆษณา

ในมุมมองของผู้ประกอบการ อาจจะมองว่าการจ่ายเงินซื้อพื้นที่โฆษณาให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ นั้นเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ทำกัน ..แน่นอนว่าหลักการนี้เราไม่ขอเถียง

แต่ในมุมผู้บริโภค ส่วนมากมักจะมองข้ามเว็บไซต์แบบเสียเงินซื้อพื้นที่ หรือที่มีคำว่า “AD” อยู่ แล้วเลือกที่จะคลิกบทความอันดับแรกที่ไม่มีการโฆษณา อาจด้วยสาเหตุว่าเว็บไซต์เหล่านั้นเป็นเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือมากกว่า หรืออยู่มานานกว่า หรือไม่ว่าเหตุผลอื่นใดก็ตาม

“ข้อดีของการซื้อพื้นที่คือได้พื้นที่ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ลูกค้าจากการถูกคลิกเข้าเว็บไซต์”

ดังนั้นใครที่ทุนไม่หนาพอ การต้องเสียค่าใช้จ่ายทุกครั้งที่ Keyword ถูกคลิก (CPC) โดยไม่ได้การันตีว่าคุณจะมีรายได้คืนทุนจริง ๆ ก็ถือเป็นต้นทุนที่หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

3. SEO คือ วิธีที่คุณจะได้ยินเสียงจากผู้บริโภค

นั่นก็เพราะว่า SEO คือการทำ Keyword ที่ตรงใจลูกค้า ดังนั้นการที่ทั้งสองทางโยงเข้าหากันได้ก็หมายความว่าความต้องการของผู้บริโภคและความตั้งใจของผู้ประกอบการค่อนข้างใกล้เคียงกัน

ตัวอย่างเช่น ถ้ามีคนกำลังค้นหาคำว่า “อาหารคลีน” เขาอาจกำลังค้นหาความหมายของมันเพื่อตอบสนองความอยากรู้ เมื่อรู้แล้วว่าคืออะไรลำดับต่อไปก็อาจจะอยากลอง ถ้าหากว่าคุณกำลังทำธุรกิจร้านอาหารและรู้ว่าเทรนด์รักสุขภาพกำลังมา ทำไมคุณไม่ลองทำเซตอาหารเพื่อสุขภาพขึ้นมาสักเซต ถ่ายภาพและลงข้อมูลบนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มที่คุณมี ใส่คีย์เวิร์ดลงไป เช่น

• อาหารคลีน ราคาสบายกระเป๋า
• อาหารเพื่อสุขภาพรสชาติดี

หรือคำประเภทใกล้เคียงกันเพื่อจูนให้ลูกค้าหาคุณเจอ

หรือต่อให้คุณไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารหรืออะไรก็ตามเกี่ยวกับสุขภาพเลย ก็ไม่มีใครห้ามไม่ให้คุณเขียนบทความเกี่ยวกับสุขภาพลงบนเว็บไซต์ของคุณเสียหน่อย

อาจจะเป็นบทความอัปเดตเทรนด์รักสุขภาพที่กำลังมาแรง ถึงจะไม่สามารถขายสินค้าที่เป็นมูลค่าจับต้องได้ แต่อย่างน้อยคุณก็ได้ Engagement ได้มีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้า ได้มีเรื่องให้คุยนอกเหนือจากการขายของ เพิ่มความรู้สึกให้แก่ลูกค้าว่าคุณนั้นก็ใส่ใจในสุขภาพของพวกเขาไม่น้อยเหมือนกัน

4. การทำ Local SEO คือการกระตุ้นการเข้าถึงร้านค้าได้มากขึ้น

หากกิจการของคุณมีหน้าร้านชัดเจน การทำ Local SEO ก็ถือว่าเป็นกลยุทธ์ชั้นเยี่ยมที่จะช่วยส่งเสริมให้ผู้คนหลั่งไหลมาที่ร้านมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น คุณเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่สำเพ็ง แน่นอนว่าที่นั่นมีร้านตั้งมากมายให้เลือก แต่หากคุณต้องการที่ได้กลุ่มลูกค้าใหม่แซงร้านคู่แข่งล่ะก็ การมีตัวตนบนโลกออนไลน์นั้นคือสิ่งสำคัญ เพราะคุณจะมีโอกาสหาลูกค้าได้มากกว่าการบอกปากต่อปาก

ยิ่งถ้าคุณนั้นช่ำชองในการค้นหาเนื้อผ้า จับชิ้นนั้นผสมชิ้นนี้ให้ออกมาดูดีและแปลกใหม่ได้ คุณอาจทำ Content เรื่อง “Mix & Match ชุดไปปาร์ตี้จากสำเพ็งในงบ 1,000 บาท” ลงบนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของคุณ ไม่แน่ว่าหากคอนเทนต์ได้รับความนิยม ก็อาจทำให้ผู้คนหลั่งไหลไปที่ร้านของคุณไม่หวาดไม่ไหว

หรือถ้าทำคาเฟ่ ทำร้านอาหาร หรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่สามารถเดลิเวอร์รี่ไปส่งไกล ๆ ได้ การทำ Local SEO จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าเป็นฝ่ายเดินทางมาหาคุณเองได้ไม่ยาก เช่น “คาเฟ่ นครปฐม” เมื่อมีคีย์เวิร์ดเจาะจงเขตพื้นที่แบบนี้แล้ว ทั้งลูกค้าที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง หรือแม้แต่ลูกค้าพื้นที่อื่น ๆ ที่คุณอาจคาดไม่ถึงก็มีโอกาสจะแวะเวียนมาเยี่ยมร้านของคุณได้มากขึ้น

5. SEO = การประชาสัมพันธ์

บทความ SEO ที่มีคุณภาพคือบทความที่มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ สอดแทรกคำค้นหาลงไปอย่างพอเหมาะพอควร ไม่มากจนน่ารำคาญ และไม่น้อยจน Google หาไม่เจอ

หากคุณทำ Content ที่มีคุณภาพออกมา นอกเหนือจากการติดอันดับค้นหาแล้ว คุณอาจได้รับ Traffic ใหม่ ๆ จากการแชร์ Content หรือบทความเหล่านั้นไปยังช่องทางต่าง ๆ ของ Audience หรือคนที่เข้ามาอ่าน เข้ามาดูด้วย

ดังนั้นการทำ SEO ก็เหมือนกับการประชาสัมพันธ์สินค้า ประชาสัมพันธ์แบรนด์ของคุณอีกช่องทางหนึ่ง ยิ่งมีคนเห็นมาก แชร์ออกไปมาก แน่นอนว่าโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการก็มากขึ้นตามไปด้วย ในยุคสมัยใหม่แบบนี้ การได้ครองพื้นที่บนโลกออนไลน์ก็นับว่าเป็นมูลค่าทางธุรกิจได้เหมือนกัน

6. นำพาโอกาสใหม่ ๆ มาให้แบรนด์

เมื่อเกิดการรับรู้ในวงกว้าง ในกลุ่มผู้คนใหม่ ๆ แน่นอนว่ามันย่อมเป็นการเปิดโอกาสให้ถูกมองเห็นและมีตัวตนมากขึ้น การทำ SEO ที่มีประโยชน์จะสามารถซื้อใจผู้ชมให้อยู่กับ Content ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แล้วถ้าหากว่าพวกเขาเหล่านั้นรู้สึกว่ามันมีคุณค่าที่จะส่งต่อ ก็อาจจะแชร์เรื่องราวนั้นไปยังคนรอบข้าง ทั้งบนโลกออนไลน์และออฟไลน์

ซึ่งนั่นหมายความว่าแบรนด์ของเรานั้นก็มีโอกาสที่จะถูกพบ มีโอกาสที่จะเพิ่มสัดส่วนลูกค้ามากขึ้นได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งมันก็เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะทำในสิ่งที่เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว

เพราะเราไม่มีทางรู้หรอกว่า “ว่าที่ลูกค้าในอนาคต” ของเรานั้นอาจจะเป็นบุคคลที่ซื้อสินค้าเพียงหนึ่งชิ้น หรืออาจเป็นกิจการที่กำลังมองหาซัพพลายเออร์เพื่อสั่งซื้อสินค้าจำนวนมาก หรือกิจการที่กำลังเสาะหาพาร์ทเนอร์เพื่อพัฒนาคุณภาพการบริการอยู่พอดี ไม่ว่าแง่มุมไหนก็เป็นโอกาสที่ดีทางธุรกิจทั้งนั้น

7. การวางแผนกลยุทธ์ระยะยาว

การทำ SEO ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ทั้งการวางแผน การเชื่อมโยงในเรื่องต่าง ๆ การไต่อันดับ ทุกอย่างต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป และสม่ำเสมอ จึงอาจถือได้ว่านี่เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่เราต้องวางแผนและรอดูมันในระยะยาว

หลายกิจการไม่สามารถอดทนรอได้จึงเลือกที่จะใช้ SEM เข้ามาช่วย แต่เราขอแนะนำว่าเพื่อการเห็นผลที่ดีที่สุด ควรทำ SEM และ SEO ควบคู่ไปพร้อม ๆ กัน เมื่อลองทำไปได้สักพัก คุณจะรู้เองว่าธุรกิจของคุณนั้นเหมาะจะจัดสรรสัดส่วนการทำ SEM และ SEO เท่าไร

หรือเมื่อไหร่ที่ SEO ของคุณนั้นประสบความสำเร็จ คุณอาจไม่ต้องพึ่งการทำ SEM แล้วก็ได้ ลองนึกดูสิว่าถ้า Reach ของคุณเป็นยอดออร์แกนิก 100% มันจะดีแค่ไหนที่ได้ลดต้นทุนการโฆษณาไปได้อีกมาก

8. SEO จะอยู่ตรงนั้นตลอดไป

เพราะว่าการไต่อันดับ SEO นั้นต้องใช้ระยะเวลา บางทีอาจมากกว่า 1 ปีด้วยซ้ำ และเพราะว่ามันกินเวลารอคอยนั่นแหละ ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่าเมื่อทำ SEO แล้ว มันจะอยู่ตรงนั้นตลอดไป

ถึงแม้ว่าการจัดอันดับจะมีขึ้นมีลงอยู่ทุกปี แต่ Content ของคุณนั้นไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหน หากมันถูกได้ขึ้นสู่ออนไลน์ และ Google หามันเจอแล้ว มันจะอยู่ตรงนั้นไปตลอด (แม้อาจไม่ใช้ตำแหน่งเดิม)

พวกมันจะไม่หายไปไหนตราบใดที่คุณไม่ได้ไปลบมันออกซะเอง ระยะเวลาบนโลกออนไลน์ก็มีผลกับความน่าเชื่อถือในการจัดอันดับเช่นกัน อาจเรียกได้ว่า “ยิ่งอยู่นาน ยิ่งเก๋าเกม”

9. SEO มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ

ผู้บริโภคเดี๋ยวนี้ไม่ใช่ว่าแค่อยากได้อะไรก็ตัดสินใจซื้อเดี๋ยวนั้น เพราะโลกเชื่อมต่อถึงกันหมด ดังนั้นผู้บริโภคย่อมมีสิทธิ์ที่จะเปรียบเทียบ ค้นหาสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดให้ตัวเอง ซึ่งก็หนีไม่พ้นการค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต แล้ว Search Engine เจ้าไหนล่ะที่ได้รับความนิยมที่สุด? แน่ล่ะ ก็ต้องเป็น Google เจ้าเก่าเจ้าเดิมอยู่แล้ว

หลักการก็เหมือนกับข้อ 1 ที่พูดไปแล้วเลย กระบวนการเป็นอย่างนี้

“สงสัย/สนใจ > ค้นหา > รับรู้ข้อมูล > เปรียบเทียบข้อมูล > ตัดสินใจ > ซื้อ”

ถ้าเราไม่ได้ทำ SEO ไม่มีตัวตนอยู่บนโลกออนไลน์ ไม่มีชื่อแบรนด์หรือสินค้าของเราผ่านตาลูกค้าไปบ้าง เมื่อไม่ถูกมองเห็น โอกาสในการขายก็น้อยลง

ใครจะรู้ว่าคุณอยู่ตรงไหนจริงไหม? แต่หากเรามี SEO ที่มีคุณภาพ ให้ข้อมูลสินค้าที่มีประโยชน์ ผสมความจริงใจใส่ลงไปให้ลูกค้าสัมผัสได้สักหน่อย ก็อาจจะเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อได้มากขึ้น เพราะความคุ้มค่าในการซื้อนั้น บางทีอาจไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นของที่ราคาถูกที่สุด แต่มันหมายถึงความพึงพอใจ และสบายใจที่จะซื้อมากที่สุดต่างหาก

10. การลงทุนกับ SEO คือการลงทุนที่คุ้มค่าในราคาไม่แพง

เป็นที่รู้กันดีว่าการทำ Search Engine Marketing (SEM) นั้นต้องใช้งบประมาณสูงเพื่อ Bid คีย์เวิร์ดแข่งกับคนอื่น ๆ โดยที่ไม่มีใครสามารถการันตีได้ว่ากลุ่มคนที่เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณนั้นจะลงเอยด้วยการเป็นลูกค้าหรือไม่ ทำได้เพียงเปิดประตูการค้นหาให้กว้างขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อหมดแคมเปญหรือหมดงบประมาณ อันดับพื้นที่ที่เคยซื้อไว้ก็จะหายไป

ดังนั้นการทำ SEO จึงเป็นวิธีที่กิจการมากมายเลือกที่จะใช้งาน เพราะถึงแม้ว่ามันจะใช้เวลานาน ค่อย ๆ ไต่อันดับอย่างเชื่องช้า แต่เมื่อมันติดอันดับแล้ว อายุของมันก็จะยาวนานกว่า SEM เสมอ เราจึงแนะนำให้คุณทำ SEO เป็นทางเลือกที่หนึ่ง และหากมีทุนมากพอก็ทำ SEM เสริมเพื่อเร่งการมองเห็นให้มากขึ้น

แต่การทำ SEO ไม่ใช่แค่การยัด Keyword ลงไปเท่าไหร่ก็ได้ การตั้งใจทำ SEO ที่มีประโยชน์ทั้งต่อแบรนด์และต่อลูกค้านั้นจะทำให้คุณได้ใจของลูกค้าและอาจเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ได้

ลองค้นหากุญแจ (Keyword) ของสินค้าหรือบริการของคุณ แล้วลองเขียนบทความ SEO ออกมาสักชิ้น หลังจากนั้นก็จัดการให้มันอยู่บนโลกออนไลน์ แล้วรอดูว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีไหม แล้วมันจะช่วยส่งเสริมกิจการของคุณทางไหนได้บ้าง

NALIN EDITOR

เครดิตภาพปกและภาพประกอบ : icon ทุกภาพมาจาก flaticon

(Note : ดาวน์โหลด icon มาจากเว็บไซต์ และทำอาร์ตเวิร์กเองทั้งหมดค่ะ)

อัปเดตสาระดี ๆ มีประโยชน์แบบนี้อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !