3 วิธีคิด เมื่อชีวิตเจอปัญหารุมเร้า

ในชีวิตของคนแต่ละคน อาจจะพบเจอปัญหามากมายแตกต่างกันไป ทั้งเรื่องการงาน เงินทอง ความรัก สุขภาพ และปัญหาที่เกิดจากคนรอบข้าง บางคนสามารถจัดการกับมันได้แบบชิล ๆ แต่บางคนกลับหาทางออกอะไรไม่ได้ เครียด และจมอยู่กับปัญหานั้นจนเสียสุขภาพจิต แถมเรื่องกลุ้ม ๆ เหล่านี้ มักไม่ได้เข้ามาทีละเรื่อง แต่ชอบเข้ามารุมเร้าพร้อมกันหลาย ๆ เรื่องเสียอีกด้วย

แม้รูปแบบของปัญหาของแต่ละจะแตกต่างกัน แต่เราสามารถใช้วิธีคิดแบบเดียวกัน จัดการกับปัญหานั้น ๆ ได้ ซึ่งอันดับแรกเลย สิ่งที่ทุกคนต้องเปลี่ยนคือ “ทัศนคติ” หรือ “วิธีคิด” โดยปกติทั่วไป เวลาคนเราเสียใจ หรือทุกข์ใจกับปัญหา ก็มักจะตีโพยตีพาย บ้างก็โทษว่าเป็นเวรกรรม บ้างโทษคนอื่น และบางคนก็นั่งพร่ำโทษแต่ตัวเอง โดยไม่ปรับเปลี่ยนแก้ไขอะไร ซึ่งนั่นย่อมไม่ใช่วิธีที่จะทำให้สภาพจิตใจดีขึ้นและพร้อมเผชิญกับปัญหาได้

ทีนี้...ถ้าไม่ให้นั่งตีโพยตีพาย แล้วต้องทำยังไงต่อล่ะ ให้ลองคิดตามข้อที่ 2 ได้เลยค่ะ

ภาพโดย Alexas_Fotos จาก Pixabay

2. ทุกปัญหาต้องแก้ไขที่ตัวเองก่อน

ทุกคนลองเอาปัญหาที่ตัวเองกำลังเผชิญ มาคิดตามว่า ถ้าเราอยากจะหลุดพ้นจากปัญหา หรือความทุกข์ใจนี้ เราต้องแก้ที่ตัวเองก่อน เพราะบางเรื่องที่เป็นปัญหาที่เกิดจากคนอื่น เราไม่สามารถไปแก้ไขได้จริง ๆ อย่างเช่น เมื่อใครคนหนึ่ง ทำให้เราเสียใจ หรือทำเรื่องเลวร้ายกับเรา แน่นอนว่า ถ้าให้เราไปเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนการกระทำของคนอื่นมันเป็นเรื่องยาก และอาจจะทำไม่ได้  แต่ที่เปลี่ยนได้เลยและง่ายกว่า คือตัวเราเอง เราไม่ต้องโทษว่าตัวเองไม่ดี แต่เราทำจิตใจของเราให้ดีขึ้น ไม่ทำร้ายตัวเองซ้ำลงไปอีก และนั่นเป็นทางเดียวที่จะทำให้เราเลิกทุกข์ได้

หรือแม้แต่ปัญหาหนี้สิน ก็ใช้วิธีนี้ได้ เรารู้ตัวดี ว่าเราเป็นหนี้เพราะอะไร บางคนมัวแต่คิดว่า ถ้าวันนั้นไม่กู้เงินมา วันนี้ก็ไม่เป็นหนี้แบบนี้ หรือ ถ้ารู้แบบนี้ ไม่ซื้อรถดีกว่า สุดท้ายก็ส่งไม่ไหว เป็นต้น คือวิธีการคิดแบบนี้ ไม่แก้ปัญหาอะไร ที่แก้ได้คือคิดว่าตัวเองจะต้องทำอย่างไรต่อไปดีกว่า เมื่อเกิดขึ้นแล้ว อย่าโทษใคร อย่าโทษตัวเอง ให้คิดว่าตัวเองจะเดินหน้าอย่างไร ยกตัวอย่างเมื่อเป็นปัญหาหนี้สิน ถ้ารู้ตัวว่ากำลังจะไม่ไหว ก็อย่าหมดอะไรตายอยาก อย่าหนี แต่ต้องหาหนทาง หาโอกาส หารายได้เพิ่ม เข้าไปคุยกับเจ้าหนี้ ขอผ่อนผัน ขอพักชำระ หรืออะไรก็ว่าไป หรือสุดท้ายถ้าหากเป็นทรัพย์สิน ก็ต้องปล่อยไป เมื่อมีโอกาสค่อยหามาใหม่

วิธีนี้ใช้ได้กับความทุกข์ใจทุกเรื่อง แม้ว่าเราโกรธเกลียดใครก็ตาม เมื่อเรารู้ตัวแล้วว่า คนที่ต้องทุกข์กับความเกลียดชังนั้นอยู่คนเดียวคือตัวเราเอง คนที่โดนเกลียดเขาไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย วันนึงเราจะหยุดเกลียดเขา เพื่อความสบายใจของเราเอง

ภาพโดย Free-Photos จากPixabay

3. เป็นแบบนี้ ก็ดีเหมือนกัน

เมื่อเกิดปัญหาขึ้นในชีวิต ให้คิดว่ามันเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน... เช่น วันนี้ โดนโจรล้วงกระเป๋าไป ให้คิดว่าต่อไป เราควรระวังตัวมากกว่านี้ หรือ คนรักของเราเลิกราไป ก็ให้คิดว่า ดีเหมือนกัน คนที่ไม่ได้รักเราก็ควรจากไป ชีวิตเราอาจจะได้เจอคนใหม่ที่ดีกว่านี้ เป็นต้น การคิดอะไรในแง่บวก ไม่ได้เป็นแค่การปลอบใจตัวเอง แต่มันคือการเพิ่มพลังในด้านบวกให้ตัวเอง ให้มีกำลังใจเดินต่อไปข้างหน้า ดีกว่าไปดึงความความรู้สึกในแง่ลบออกมา

สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องแย่ ๆ ในชีวิตก็ตาม ทุกอย่างที่เกิดล้วนเป็นผลมาจากตัวเราเองทั้งสิ้น อุปสรรคต่าง ๆ คือบทพิสูจน์ตัวเรา เมื่อผ่านเรื่องราวร้าย ๆ ไปได้ ชีวิตก็จะมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น ที่สำคัญคืออย่าไปหลงจมอยู่กับความทุกข์เศร้านานเกินไป เพราะจะทำให้เวลาที่จะพบเจอกับความสุขนั้นเหลือน้อยลง

เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเผชิญกับปัญหา ขอให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะคะ...