ข่าวสาร
5 วิธีก้าวข้ามความเสียใจ ให้ชีวิตเดินต่อไปได้อีกครั้ง
ทุกคนเคยมีช่วงเวลาที่เสียใจใช่ไหม? ผู้เขียนเชื่อว่าทุกคนเคยมีช่วงเวลาแห่งความยากลำบากทางจิตใจ แต่ในที่สุดวันหนึ่งทุกคนก็จะผ่านมันไปได้ หากได้เรียนรู้วิธีก้าวผ่านช่วงเวลาที่เจ็บปวดที่ดีต่อตนเอง ถึงแม้ในช่วงเวลาที่เรากำลังเจ็บปวดอยู่นี้ทำให้เรารู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน แต่ถ้าเชื่อว่าวันหนึ่งชีวิตของเราจะได้พบสิ่งดี ๆ เราก็จะมีกำลังใจก้าวเดินต่อไปมากขึ้น วันนี้ผู้เขียนอยากมาแชร์วิธีก้าวผ่านความเสียใจที่ใช้กับตัวเองแล้วได้ผลมาฝากทุกคนกัน ถ้าเพื่อน ๆ นำไปใช้กับตัวเองแล้วได้ผล ผู้เขียนก็รู้สึกยินดีมาก ๆ เลยค่ะ
1. อยู่กับเพื่อนหรือคนที่ไว้วางใจได้
สิ่งสำคัญที่จะทำให้เราก้าวผ่านช่วงเวลาที่เจ็บปวดไปได้ ก็คือเพื่อนหรือมิตรภาพที่ดีที่คอยอยู่เคียงข้างเรา พยายามอย่าอยู่คนเดียวนานเกินไป หาเวลาไปอยู่กับเพื่อน ครอบครัว หรือใครก็ได้ที่คุณรู้สึกว่าอยู่ด้วยแล้วสบายใจมากขึ้น อย่างน้อยการมีคนที่ช่วยรับฟังความในใจของเราก็จะช่วยให้ความรู้สึกหนัก ๆ เบาบางลงบ้าง วิธีนี้อาจจะแล้วแต่สไตล์ของแต่ละคน สำหรับผู้เขียนเองการได้พูดระบายกับคนที่รับฟังช่วยให้รู้สึกดีมากขึ้น ดีกว่าการเก็บไว้คนเดียวแล้วโทษตัวเองซ้ำไปมาจากภาพความทรงจำที่อาจทำร้ายเราไปเรื่อย ๆ การระบายออกมาจะช่วยให้หายเจ็บปวดได้เร็วยิ่งขึ้น
Advertisement
Advertisement
2. ใช้พอดคาสต์ช่วยกลบเสียงในหัว
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เราทุกคนไม่สามารถพึ่งพาผู้อื่นให้ช่วยผ่อนคลายความทุกข์ได้ตลอดเวลา ดังนั้น เราต้องมีช่วงเวลาที่อยู่คนเดียว แต่จะอยู่คนเดียวอย่างไรให้สบายใจมากขึ้น ผู้เขียนใช้วิธีฟังพอดคาสต์ไปด้วยแล้วเล่นเกมส์ไปด้วย เสียงจากพอดคาสต์จะช่วยกลบเสียงความคิดในหัวของเราให้เบาลง อีกทั้งการฟังพอดคาสต์ที่มีประโยชน์อาจทำให้เราได้ไอเดียดี ๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น ส่วนการเล่นเกมส์อาจไม่จำเป็น เป็นเพราะผู้เขียนสมาธิสั้นนั่งฟังเฉย ๆ ไม่ได้จึงต้องหากิจกรรมทำ (ฮ่า ๆ) อีกวิธีหนึ่งคืออาจลุกขึ้นมาทำความสะอาด จัดห้องใหม่เพื่อเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม แล้วให้เสียงพอดคาสต์อยู่เป็นเพื่อนคุณก็ช่วยลดความฟุ้งซ่านได้เยอะเลย
3. กินของอร่อยแบบปล่อยตัว
ช่วงเวลาที่สภาพจิตใจยังไม่คงที่ บอบบางและหวั่นไหว จะให้ควบคุมอาหารหรือฝืนออกกำลังกายก็อาจจะเป็นภาระทางความรู้สึกเกินไป ลองปล่อยให้ตัวเองทานอาหารตามใจชอบไปก่อน เมื่อสภาพอารมณ์ดีขึ้น เริ่มรับมือกับความเจ็บปวดได้มากขึ้น ค่อยกลับมามีวินัยกับตนเองก็ได้ อาจกำหนดเป็นช่วงเวลา เช่น จะกินอะไรก็ได้ตามใจชอบเป็นเวลา 1 เดือน หลังจากนั้นค่อยกลับมาใส่ใจดูแลหุ่นตัวเอง หากเราทำได้ก็จะทำให้รู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น ผู้เขียนเป็นคนชอบกิน วิธีนี้จึงดีต่อใจมากเลย แต่ถ้ากินเยอะไปร่างกายก็จะเตือนให้พักบ้าง หันไปหาของอร่อยที่ดีต่อสุขภาพบ้าง ขึ้นอยู่กับความพอดีของแต่ละคนนะคะ
Advertisement
Advertisement
4. ทบทวนเป้าหมายชีวิตอีกครั้ง
เมื่อคนเราผ่านช่วงเวลาที่ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้อย่างเต็มที่มาได้ เราจะค่อย ๆ มีสติมากขึ้น เริ่มคิดถึงชีวิตในอนาคตมากขึ้น ในกรณีที่เวลาผ่านไปนานมากกว่า 3 เดือนแล้วยังไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อเพื่ออะไร คุณอาจต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาช่วยเหลือให้ดีขึ้นก่อน แต่ถ้าพร้อมแล้วที่จะลุกขึ้นใหม่อีกครั้ง เริ่มรู้สึกตัวว่าร้องไห้น้อยลง ต้องการอยู่กับตัวเองมากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาให้ให้รับฟังเราระบาย เราจะมีสติทบทวนเป้าหมายมากขึ้น ให้คุณใช้ช่วงเวลานี้นั่งทบทวนว่าจริง ๆ แล้วสิ่งที่คุณต้องการในชีวิตคืออะไร จะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้น ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ รายวันที่ตัวเองทำได้ จะช่วยให้มีกำลังใจใช้ชีวิตมากขึ้น
5. ฝึกจิตใจให้ปล่อยวาง ยอมรับความเปลี่ยนแปลง
นอกจากการอาศัยโลกภายนอกช่วยปลอบใจแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องทำก็คือการทำงานกับโลกภายในของตัวเอง ผู้เขียนใช้วิธีนั่งสมาธิและฟังข้อคิดเกี่ยวกับชีวิตบ่อย ๆ เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติของความเปลี่ยนแปลงมากขึ้น เมื่อเราฝึกจิตใจของตัวเองให้ปล่อยวางได้ เราจะปล่อยให้ตัวเองเสียใจอย่างเต็มที่แล้วเอาพลังหลังจากเริ่มมีแรงแล้วมารักษาความรู้สึกตัวเอง นอกจากการปล่อยวาง ยอมรับความเปลี่ยนแปลง การสร้างความเชื่อมั่นว่าตัวเองคู่ควรกับสิ่งที่ดี ก็จะทำให้เราก้าวข้ามความเสียใจไปได้ แล้วใช้พลังที่เหลือสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับตัวเองยิ่งขึ้น
Advertisement
Advertisement
ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังรู้สึกเสียใจ ไม่ว่าคุณจะเสียใจเรื่องอะไรก็ตาม อย่างน้อยยังมีลมหายใจที่อยู่กับคุณ ช่วยให้คุณมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อใช้โอกาสนี้สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับชีวิตมากขึ้น ขอให้ทุกคนค้นพบหนทางในการก้าวข้ามความเสียใจของตัวเอง และมีชีวิตที่สุขสมหวังอย่างที่ใฝ่ฝันนะคะ
ภาพประกอบโดยผู้เขียน (Canva)
อัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
ความคิดเห็น
