5 วิธีรับมือกับการโดนไล่ออกจากบริษัทแบบกระทันหัน

ปัจจุบันจากการติดตามข่าวสารเราก็จะเห็นเหตุต่าง ๆ ที่เกิดจากพิษของเศรษฐกิจ นั้นก็คือการปิดตัวลงของบริษัทและโรงงานหลายแห่ง จนทำให้พนักงานตกงานกันอย่างกระทันหัน แบบไม่ได้ทันตั้งตัวกันเลย บางคนกำลังเดินไปทำงาน อ้าว!! โรงงานประกาศปิดตัวถาวร อ้าว!!แล้วยังไงกันต่อดี ยืนงงในดงพนักงานกันเลยจ้า จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นคงทำให้พนักงานประจำหลายคนร้อน ๆ หนาว ๆ ว่าจะมีวันของเราไหมหนา ดังนั้นเพื่อที่เราจะได้มีแผนรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ เราเลยมาแนะนำ 5 วิธีรับมือกับการโดนไล่ออกจากบริษัทแบบกระทันหันให้ทุกคนได้มีแผนสำรองกันสักนิด

1. เงินชดเชยจากนายจ้าง

ภาพถ่ายโดย Negative Space จาก Pexels

จากการที่เรานั้นถูกไล่ออกอย่างกระทันหันสิ่งแรกที่เราสามารถขอจากบริษัทได้นั้นก็คือ "เงินชดเชย" ซึ่งถือเป็นสิทธิที่เรานั้นควรจะได้รับอย่างถูกต้อง เงินค่าชดเชยถือเป็นสิ่งที่เจ้านายจำเป็นต้องจ่ายลูกจ้างในกรณีที่เลิกจ้างกระทันหัน เป็นกรณีที่เป็นเงินช่วยเหลือลูกจ้างหลังต้องออกจากงานในกรณีที่ลูกจ้างนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด แต่อาจจะด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างที่ตัวนายจ้างจำเป็นต้องให้เราออก

• รวบรวมเงินที่มีทั้งหมด คุณต้องมานั่งคิดและคำนวณว่าตั้งแต่คุณทำงานมาจนถึงตอนนี้ตัวคุณเองนั้นมีเงินเก็บรวมทั้งสิ้นอยู่เท่าไหร่ โดยอาจจะเป็นเงินจากประกันสังคม เงินชดเชยจากนายจ้าง และเงินเก็บที่ตัวคุณมีทั้งหมด
• จัดระเบียบค่าใช้จ่าย ถึงเวลาแล้วที่จะใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมที่เคยเป็นมา เพราะการตกงานหมายถึงคุณนั้นจะไม่มีรายได้เข้ามาเลยในช่วงที่ตกงาน ดังนั้นค่าใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์จำเป็นที่จะต้องคิดอย่างละเอียด นอกเหนือจากนั้นก็คือต้องตัดรายจ่ายส่วนที่ไม่จำเป็นทิ้งไปและต้องตรวจสอบรายจ่ายอยู่เสมอ

4. ทำงานพิเศษเพื่อสร้างรายได้ระหว่างหางานประจำใหม่

การทำงานพิเศษก็ถือเป็นส่วนช่วยในการทำให้เรานั้นมีเงินใช้ในชีวิตประจำวัน ในช่วงที่เราไม่มีงานทำ แน่นอนว่าเราจะมีเวลาว่างทั้งวัน ดังนั้นการหาอะไรทำเพื่อที่จะสามารถแบ่งเบาค่าใช้จ่ายได้ก็ควรที่จะทำไปก่อน ไม่ว่าจะเลือกทำงานออนไลน์ หรือออฟไลน์ คุณก็สามารถเลือกทำที่เหมาะสมกับตัวเองได้เลย

5. เดินหน้าหางานใหม่อย่างจริงจัง

ภาพถ่ายโดย fauxels จาก Pexels

ในเมื่อบริษัทเก่าเลิกจ้างการเดินหน้าหางานใหม่ก็คงจะเป็นตัวเลือกของหลาย ๆ คน แต่การหางานใหม่นั้นก็ไม่ง่ายเท่าไหร่นัก ทั้งเรื่องประสบการณ์การทำงาน วุฒิการศึกษา ทักษะพิเศษต่าง ๆ ที่องค์กรแต่ละองค์กรนั้นตามหา เพราะองค์กรแต่ละแห่งก็คงจะอยากได้คนที่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะสามารถทำให้องค์กรนั้นพัฒนาไปได้ และเมื่อเรารู้ว่าเราเองยังมีความสามารถไม่เพียงพอ คุณอาจจะไปเรียนคอร์สสั้น ๆ เพื่อเป็นทักษะพิเศษก็ได้