อื่นๆ
5 อย่า . . . ไม่ควรกระทำในชีวิต
ภาพประกอบโดย : https://pixabay.com
ภาพประกอบโดย : https://pixabay.com
สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคนค่ะ วันก่อนในขณะที่ฮานะนั่งอ่านหนังสือและจิบกาแฟดำเพลิน ๆ อยู่หน้าบ้านนั้น ได้ยินคุณแม่พูดกับน้องสาวว่า “อย่าเอาเวลาที่มีค่าของเราไปนั่งจับผิดคนอื่น เพราะเราจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากความทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจ” แค่นั้นแหละค่ะ ฮานะก็รีบวางหนังสือที่อยู่ในมือแล้วหยิบดินสอที่อยู่ใกล้ ๆ มาจดไว้อย่างลวก ๆ จากนั้นก็หยิบหนังสือเล่มเดิมมาอ่านต่อ ในหัวก็พลางคิดไปถึงคำพูดของแม่ที่พูดกับน้องสาว คิดไปคิดมาสักพักจึงตัดสินใจวางหนังสือที่อ่านอยู่ เข้าไปหยิบสมุดบันทึกที่ฮานะจดไว้ออกมาอ่าน ในนั้นมีเนื้อหาที่หลากหลายมากค่ะ เรียกได้ว่า เจออะไรเด็ด ๆ โดน ๆ ก็จดมาหมด อันไหนชอบอันไหนควรคิดต่อก็จะแสดงความเห็นลงไปในนั้น แน่นอนค่ะมันเยอะและดูวุ่นวายมาก แต่พอเอามาเรียง ๆ กันแล้วก็ไม่แย่นะ 55555 เอาล่ะ ไหน ๆ วันนี้ก็จัดเรียงความคิดใหม่แล้ว ก็ถือโอกาสนี้แบ่งปันข้อคิดดี ๆ ที่ฮานะจดไว้ในสมุดบันทึกแล้วกันเนาะ (ปล.จดมาจากหลายที่ค่ะ จำไม่ได้แล้วว่าข้อไหนมาจากตรงไหน ซึ่งแต่ละข้อเป็นเพียงข้อคิดหรือคำคมสั้น ๆ นะคะ) วันนี้ขอเสนอความคิดในแบบของฮานะ เพื่อน ๆ จะเห็นต่างก็ได้นะคะ ไม่ว่ากันนะ :)
Advertisement
Advertisement
ภาพประกอบโดย : https://pixabay.com
1.อย่าจับผิดคนอื่น
การจับผิดคนอื่นนั้น ฮานะว่าเป็นเรื่องไร้สาระมากค่ะ ถึงแม้ว่าเราจะถูกคนอื่นจับผิดแต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เราควรจะไปจับผิดคนอื่น ลองคิดดูนะคะ วัน ๆ หนึ่งเรามีอะไรให้ต้องเผชิญและรับมืออย่างมากมายอยู่แล้ว การแบ่งเวลาไปจับผิดคนอื่น ซึ่งอาจจะเป็นคนที่เราไม่ชอบหน้าหรือเป็นคนที่เคยจับผิดเราก่อนก็ตาม มันจะดึงเวลาเราอย่างมากเลยค่ะ และอีกอย่างการจับผิดคนอื่นคือการพยายามมองหาข้อเสียของคน ๆ นั้น ซึ่งแม้ข้อเสียของคน ๆ นั้นอาจจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย เช่น แค่เขาเผลอไปเดินเหยียบมดตาย แต่เราก็โมเมแต่งเรื่องว่าเขาเป็นคนจิตใจโหดเหี้ยม ทารุณได้แม้กระทั่งสัตว์ ซึ่งความจริงคงไม่มีใครตั้งใจเหยียบมดหรอกจริงมั้ย แต่เพราะความต้องการจับผิด สมองเราจึงพยายามคิดและแต่งเรื่องให้ใหญ่โตเพื่อให้เขาดูเป็นคนเลวร้ายมากขึ้น โห . . . แย่จังเลยเนาะ แค่เหยียบมดตายก็โดนหาว่าเป็นคนเลวทรามไปแล้ว
Advertisement
Advertisement
ภาพประกอบโดย : https://pixabay.com
2.อย่าอิจฉาริษยาคนอื่น
ข้อนี้สำคัญมากค่ะ ฮานะว่าลึก ๆ แล้วเราทุกคนมีข้อนี้อยู่ในใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก (ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ คุณหลุดพ้นแล้ว 5555) แต่ความริษยานั้นใช่ว่าจะส่งแต่ผลเสียเสมอไปนะคะ ก็ส่งผลดีบ้างแหละแต่น้อยมากและน้อยคนนักที่จะทำได้ ความริษยาที่ส่งผลดี ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราอิจฉาหุ่นของคนนั้น เราก็จะพยายามออกกำลังกายเปลี่ยนแปลงตัวเอง เลือกรับประทานอาหารดี ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งหุ่นแบบนั้นที่วาดฝันไว้ ถ้าจะจำกัดความง่าย ๆ ก็คือ เอาความอิจฉามาเป็นแรงผลักดันให้เรามีแรงที่จะกระทำสิ่งนั้นให้สำเร็จเร็วขึ้น แต่ก็อย่างที่บอกไปค่ะ น้อยคนนักที่จะทำได้
ความอิจฉาริษยานั้นส่งผลเสียมากกว่าข้อดีหลายเท่าตัวเลยนะ ถ้าไม่เชื่อ มาดูกันค่ะ เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกอิจฉาใครคนหนึ่ง เราจะพยายามจับผิดคนนั้น พยายามมองหาข้อเสียของคนนั้นให้ใหญ่โตยิ่งขึ้น เราจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจหรือตั้งใจ และเราจะไม่มีความสุขเพราะมัวแต่ไปคิดเรื่องของเขา ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราเห็นเขาหุ่นดี เราก็คิดไปเองว่า “ตัวเรานั้นช่างโชคร้ายที่เกิดมาอ้วน แค่ดื่มน้ำเปล่า กินเท่าแมวดมและต่อให้ออกกำลังกายแทบตายยังไงก็อ้วนอยู่ดี แต่เขานั้นช่างโชคดีเหลือเกิน กินของหวานของทอดตลอดเวลา แถมไม่ออกกำลังกายเลยสักนิดแต่ก็ไม่อ้วนสักที ต้องแอบไปดูดไขมันมาแน่ ๆ” ซึ่งแท้จริงแล้วสิ่งที่เห็นอาจไม่ได้เป็นเหมือนที่เราคิดก็ได้ เขาอาจจะออกกำลังกายที่บ้านโดยไม่ได้อัพรูปลงโซเชียลหรือป่าวประกาศให้คนอื่นรับรู้ และในขณะที่เรากำลังอิจฉาเขาอยู่นั้น เขาอาจจะมีความสุขกับหุ่นตัวเองอยู่ก็ได้ ดังนั้น อย่าอิจฉาริษยาใครเลยค่ะ มันเปลืองพลังงานมากเลยนะ
Advertisement
Advertisement
ภาพประกอบโดย : https://pixabay.com
3.อย่าโทษตัวเองจนเดินต่อไม่ได้
มนุษย์เราผิดพลาดได้เสมอค่ะ ความผิดพลาดนั้นจะไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยถ้าเราเรียนรู้จากมัน แต่หลายครั้งที่เรามักจะโทษตัวเองกับความผิดพลาดเดิม ๆ ซ้ำ ๆ จนไปไหนไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ต้องทบทวนตัวเองแล้วค่ะ
อันดับแรกเลย ต้องจัดระบบความคิดใหม่ก่อนค่ะ ให้เข้าใจว่าคนเราผิดพลาดได้เสมอ คนที่ไม่เคยทำอะไรต่างหากที่ไม่เคยผิดพลาด ดังนั้น ให้มองความผิดพลาดเป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้เรื่องใหม่อีกหนึ่งเรื่อง เราจะได้ไม่ผิดพลาดซ้ำสองซ้ำสามอีก แต่ถ้ายังผิดพลาดกับเรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ อยู่ล่ะก็ แสดงว่าเรายังไม่ได้รู้สึกถึงผลของสิ่งนั้นอย่างจริงจังเลย การให้โอกาสตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญมากนะคะ เราให้โอกาสคนอื่นได้แล้วทำไมจะไม่ให้โอกาสตัวเองได้แก้ตัวบ้างล่ะ อย่าปล่อยให้ตัวเองจมกับสิ่งเดิม ๆ ที่มันผ่านไปแล้วเลยนะ มองให้เป็นบทเรียนที่มีค่าแล้วสัญญากับตัวเองแค่จะไม่กลับไปเรียนบทเดิมซ้ำ ๆ อีก แค่นี้ก็ลุกขึ้นสู้ต่อไปได้แล้วค่ะ
ปล. อย่าลืมยิ้มให้กำลังใจตัวเองด้วยนะ
ภาพประกอบโดย : https://pixabay.com
4.อย่าสนใจคำนินทาของคนอื่น
ถ้าจะพูดว่าอย่าไปฟังเลยมันก็ไม่ถูกต้องสักทีเดียวนะคะ เพราะคนที่หวังดีกับเราเขาก็อาจจะหวังดีจริง ๆ ก็ได้ แต่เราก็ต้องแยกแยะให้ออกว่าคนไหนมาดีคนไหนมาร้าย แต่ถ้ามาร้ายแน่ ๆ มั่นใจชัวร์ ๆ แบบนี้อย่าไปสนใจค่ะ ยิ่งถ้าไม่ใช่ยิ่งต้องปล่อยผ่าน อย่าเสียเวลาเสียพลังงานไปให้กับคนประเภทนี้ สู้เอาเวลาไปพัฒนาตัวเองดีกว่า ปล่อยให้คนอื่นนินทาเราอยู่แบบนั้นไปเถอะค่ะ เขาไม่มีวันพัฒนาหรอก
ฮานะเคยได้ยินมาว่า “เมื่อใดก็ตามที่เราถูกนินทา แสดงว่าเราอยู่เหนือกว่าเขาหนึ่งก้าว(หรืออาจจะหลาย ๆ ก้าวเลย)” เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่ถูกนินทา ดังนั้น หันมาจัดการกับสิ่งที่จัดการได้ จัดการกับตัวเองไม่ให้รับสิ่งแย่ ๆ ที่จะมาบั่นทอนจิตใจเราดีกว่าเนาะ
ภาพประกอบโดย : https://pixabay.com
5.อย่าเอาเปรียบผู้อื่น
อย่าเอาเปรียบผู้อื่นทั้งในยามที่มีโอกาสและไม่มีโอกาส เพราะการเอาเปรียบคนอื่นไม่ใช่สิ่งที่คนมีคุณธรรมเขาทำกัน ยิ่งมีโอกาสให้เอาเปรียบได้ เรายิ่งต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเราเป็นคนแบบไหน ฮานะว่าอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือ อย่ายอมให้คนอื่นเอาเปรียบเรา อย่ายอมเป็นอะไรก็ได้ อย่ายอมทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องง่าย ๆ ที่เราไม่จำเป็นต้องยอมก็ได้ เรียกร้องสิทธิตนเองนะคะ อย่าคิดว่ามันคือชะตาชีวิตที่ต้องเผชิญ ไม่ใช่เลยค่ะ ทุกสิ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แค่เริ่มจากตัวเราเองเท่านั้น
ความคิดเห็น