ไลฟ์แฮ็ก

5 เทคนิค ในการทำให้น้อยแต่ได้ผลลัพธ์ที่มากเพื่องานที่ดี

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
5 เทคนิค ในการทำให้น้อยแต่ได้ผลลัพธ์ที่มากเพื่องานที่ดี

กระแสคำว่า Less is more หรือน้อยแต่มาก เพื่อน ๆ คงจะเคยได้ยินกันบ่อย ๆ ใช้ไหมคะ ไม่ว่าจะถูกใช้ในวงการแฟชั่น ว่าแต่งตัวน้อย ๆ แต่มีดีเทลเยอะ ๆ แต่วันนี้ เราจะเอาคำว่า Less is more มาเป็นเทคนิคในการแนะนำเพื่อน ๆ ที่ทำงานกันอยู่ แล้วรู้สึกว่าชีวิตมันวุ่นวายและทำหลายอย่างเหลือเกิน วันนี้เราเลยขอแนะนำ 5 เทคนิคในการลดทอน ทำบางอย่างให้น้อยลงแต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีกับการทำงานเเหลือเกิน จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลยคะ

emailภาพถ่ายโดย Torsten Dettlaff จาก Pexels

1. ลดการโต้ตอบทางอีเมลให้น้อยลงหากไม่จำเป็น

เคยไหมคะ ที่เราใช้เวลาในการโต้ตอบกันทางอีเมลทั้งวัน แต่ไม่ได้ข้อสรุปกับเรื่องที่คุยกันนั้นซักที แต่พอเปลี่ยนเป็นมาคุยโทรศัพท์เพียงแค่ไม่ถึง 10 นาที เรากลับได้ข้อสรุปกันอย่างง่ายดาย นั้นเพราะว่าการใช้อีเมลนั้นเราต้องมีการอธิบายแปลงจากสิ่งที่เราคิดไปเป็นภาษาพูด ต้องใช้เวลาในการนึกคำที่จะอธิบาย แล้วไปถึงการพิมพ์มันออกมาด้วย ซึ่งใช้เวลามากกว่าการคุยกันแบบ Face to Face อยู่แล้ว ดังนั้นหากที่ทำงานของคุณไม่ได้มีนโยบายว่าทุกอย่างทุกเรื่องต้องสรุปกันผ่านอีเมลเท่านั้น คุณก็สามารถโทรคุยหรือเดินไปคุยกับเพื่อนร่วมงานเพื่อหาข้อสรุป แล้วค่อยส่งอีเมลทีหลังก็ได้ จะได้มีเวลามากขึ้นไปทำงานที่สำคัญ ๆ กว่ายังไงล่ะ

Advertisement

Advertisement

2. ทำตารางงานให้ยุ่งน้อยลงบ้าง

เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบยัดตารางงานให้ดูเยอะและยุ่งมาก ทำให้ในแต่ละวันแทบจะหมดแรงไปเลยในแต่ละวัน ส่วนหนึ่งเพราะเรามักจะเคยชินกับการทำตัวให้ดูยุ่งตลอดเวลา แม้จะมีตารางเวลามาคอยบอกว่าต้องทำอะไรในแต่ละวันบ้างก็ตาม ซึ่งการสร้างตารางงานที่แน่นหนาและยุ่งเหยิงมาก ๆ ในแต่ละวันจะทำให้คุณน้อยอ่อนจนแทบหมดแรงแล้ว ยังทำให้คุณถูกลดประสิทธิภาพในการทำงานแต่ละงานลงไปอีกด้วย  เช่น คุณสร้างตารางงานโดยเริ่มตั้งแต่ 9.00-17.00 ทุกวัน และแต่ละงานก็ล้วนเป็นงานที่ใช้พลังงานความคิด การตัดสินใจของคุณทั้งหมด แน่นอนว่าประสิธิภาพของการทำงานย่อมลดลง ดังนั้น แทนที่จะใช้เวลาในวันเดียว ทำทุกอย่างตามแผนเป้าหมายของคุณให้เสร็จ ลอง แบ่งย่อยมันออกมาเป็นทีละ 1-2 อย่างแล้วโฟกัสกับทีละอย่างให้เสร็จในแต่ละวันจะดีกว่า จะทำให้งานของคุณออกมาเต็มประสิทธิภาพ และคุณยังมีพลังเหลือมากพอที่จะเริ่มทำงานในวันใหม่ได้ดีมากขึ้นด้วย โดยที่ไม่ Burn out จากการทำงานไปซะก่อน

Advertisement

Advertisement

goalภาพถ่ายโดย freestocks.org จาก Pexels

3. สร้างเป้าหมายให้น้อยลง

แต่ละคนมีเป้ามหายในชีวิตไม่เหมือนกัน บางคนมีเป้าหมายรายเดือน บางคนเป้าหมายรายปี แต่สิ่งสำคัญที่เราอยากแนะนำคือ แทนที่จะทำเป้าหมายจำนวนเยอะเป็น 10 อย่างในแต่ละปี ให้ลองลดทอนเป้าหมายของคุณออกมาเหลือเพียง 2-3 อย่างก็พอ วิธีการนี้นอกจากจะทำให้คุณโฟกัสแต่ละเป้าหมายอย่างเต็มที่แล้ว ไม่เหนื่อย และไม่หลุดโฟกัสไปทำหลายอย่างแบบ Multi-tasking แล้ว ยังเป็นการเช็คตัวเองอีกด้วยว่า เป้าหมายอะไรในชีวิตที่คุณอยากจะทำมันขึ้นมาจริง ๆ มากกว่าการทำเป้าหมายในเยอะแต่ไม่ได้โฟกัสมันเลยซักอย่างเดียว

4. ใช้เวลาในการตัดสินใจให้น้อยลง

ลองมานึก ๆ ดู เราใช้เวลาในการคิด ตั้งสินใจเลือกอะไรบางอย่างในแต่ละวันเยอะแยะไปหมด ตั้งแต่การใช้เวลานึกว่า วันนี้จะกินอะไรดี จะเลือกเสื้อผ้าไปทำงานอย่างไร จะเลือกซื้อเสื้อสีอะไรดี ซึ่งการที่เราเลือกอะไรที่ดีที่สุดในชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว แต่บางครั้งการที่เราใช้เวลาในการตัดสินใจเลือกอะไรนาน ๆ จนกว่าจะได้สิ่งที่ถูกใจ เรามักจะพบว่าเราใช้เวลานานไปเป้นชั่วโมงกันเลยทีเดียว ซึ่งเวลาที่ผ่านไปนั้น เราแทบไม่มีเวลาเหลือไปทำอะไรอย่างอื่นที่เราควรจะทำเลย ดังนั้น เลยให้เวลาตัวเองซักวันในการฝึกที่จะใช้เวลาในการตัดสินใจให้น้อยลง ในบางเรื่อง เพื่อลดการสูญเสียเวลาที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น เรื่องการเลือกสถานที่กินข้าว เลือกเสื้อผ้า หหรือแม้กระทั่งการเลือกแอปพลิเคชั่นการใช้งานในมือถือ จะทำให้เวลามากยิ่งขึ้นในการทำงานอย่างอื่นที่มีประสิทธิภาพ

Advertisement

Advertisement

workingภาพถ่ายโดย Burst จาก Pexels

5. ลดทอนการทำงานให้น้อยลง

ในทีนี้เราไม่ได้หมายถึงว่าให้เพื่อน ๆ ขี้เกียจแล้วไม่ทำงานกันนะคะ การลดการทำงานให้น้อยลงหมายถึง ความต่อเนื่องในการทำงานอย่างยาวนาน ให้ลดจำนวนชั่วโมงให้สั้นลง และแบ่งเวลาเพื่อการพักสายตา พักสมองจากการทำงานด้วย มีงานวิจัยออกมาอย่างมากมายที่กล่าวว่า สมองของคนเรานั้นสามารถโฟกัสกับการทำงานได้เพียง 45 นาทีเท่านั้น หากคุณทำงานอย่างยาวนาน 4-5 ชั่วโมง โดยไม่มีการหยุดพัก ประสิทธิภาพในการทำงานจะลดลงอย่างแน่นอน ลองลดขั่วโมงการทำงานระหว่างวันลงไปบ้าง แล้วเหลือช่วงพักให้ตัวเองเพื่อที่จะกลับมาทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้นค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับเทคนิคที่นำมาฝากกันในวันนี้ วันนี้เพื่อน ๆ จะได้ประโยชน์จากการเอาไปลองปรับใช้กับการทำงานเพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มที่มีประสิทธิภาพและไม่เครียดกับงานจนเกินไปนะคะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้า สวัสดีค่ะ

ภาพถ่ายโดย Christina Morillo จาก Pexels

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์