อื่นๆ
6 อนิเมะ / แอนิเมชันเรื่องโปรดของผู้เขียนบน Netflix

Netflix เป็นบริการสตรีมมิ่งออนไลน์ที่มีสมาชิกหลายล้านคนทั่วโลก พวกเขาผลิตละครโทรทัศน์และภาพยนตร์หลากหลายประเภทซึ่งแตกต่างกันไปตามประเภทและสไตล์ วันนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำอนิเมะและแอนิเมชันสนุกๆ 6 เรื่องที่สามารถรับชมได้แล้วทาช่อง Netflix นะ ซึ่งกราฟิกยอดเยี่ยม เนื้อเรื่องน่าสนใจ และพลอตเรื่องก็สนุกมากๆ มาดูกันเลยค่ะว่าจะมีเรื่องอะไรบ้าง
1. Bojack Horseman

เป็น Originals Series จากทางช่อง Netflix ที่ฉายออกมาแล้วหกซีซัน ซึ่งเป็นแอนิเมชันตลกร้ายที่เนื้อหาโคตรดาร์ก โคตรหม่น เหมาะกับผู้ใหญ่ดูมากกว่าเด็กๆดู เล่าเรื่องของ Bojack Horseman นักแสดงชื่อดังในวัย 90s ที่ตอนนี้ชื่อเสียงกำลังตกต่ำในวงการฮอลลีวูด ซึ่งเขายังต้องเอาชนะปัญหาต่างๆในวัย 50 ปีอีกด้วย
ความรู้สึกที่ได้ดูคือโคตรหม่น โคตรดาวน์ โคตรหดหู่ และโคตรอยากเอาใจช่วยพี่ม้าของเราเลย Bojack Horseman เหมือนกับเพื่อนนิสัยแย่ๆของเราในกลุ่มที่เราเลิกคบไม่ได้ และเราไม่รู้ว่าทำไมเราถึงเลิกคบมันไม่ได้ อาจเป็นเพราะเรายังมองว่าเขาเป็นเพื่อนของเรา และอาจเป็นเพราะลึกๆในหัวใจของเราอยากจะเชื่อว่าเขาเป็นคนที่ดีขึ้นได้จริงๆ อีกทั้ง อาจเป็นเพราะเราคิดว่าเราอาจจะกำลังหาทางช่วยเหลือคนแบบนี้ได้ แม้ว่าความจริง เราจะต้องหาทางช่วยเหลือตัวเองจากคนแบบนี้ก่อนก็ตาม ซึ่งเนื้อหาในแอนิเมชันเรื่องนี้มีทั้งความสุข ความทุกข์ ความเศร้า ความวุ่นวายอลหม่าน และความดาวน์ ดาวน์แบบดาวน์ดิ่งลงไปเลย แต่กลับสนุกมากๆ และลายเส้นของอนิเมชันเรื่องนี้ก็สวยมากๆ ทำออกมาได้ดี และตีแผ่เรื่องราวความจริงบางอย่างในวงการฮอลลีวูดที่คนในวงการพูดไม่ได้ด้วย ด้วยคุณภาพและบทสนทนาที่ค่อนข้างจะตลกร้ายของตัวละคร อีกทั้งยังมีการนำภาพอาร์ท หรือเนื้อหาเชิงศิลปะและเรื่องราวเชิงนามธรรมมาใส่ในเรื่องอีกด้วย เช่น การสร้างตัวละครหลักให้เป็นคาแรทเตอร์ของม้า แมว สุนัขพันธ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ หรือมนุษย์ หลังจากดูจบสิ่งที่ผู้เขียนได้จากเรื่องก็คือ ชีวิต... แค่ใช้ชีวิตของเราต่อไปไม่ว่ามันจะดีหรือร้าย เราก็ต้องอยู่กับมันอยู่ดี ฉากที่ผู้เขียนประทับใจคือซีซัน 6 ตอนสุดท้าย ตอนที่ Bojack นั่งอยู่บนหลังคากับไดแอนน์ แล้วมีเพลง Mr.Blue ขึ้นมาเป็นเวลา 2 นาทีกว่าๆ รู้สึกเหงาไปกับตัวละครเลย แต่มันก็คงต้องใช้เวลาสักพักเลยกว่าที่พวกเขาจะกลับมาเจอกันอีกครั้ง
Advertisement
Advertisement
คะแนนรีวิว 10/10
2. F Is For Family

เล่าเรื่องราวชีวิตประจำวันของตระกูลเมอร์ฟี่ ที่ประกอบไปด้วยแฟรงก์ คนเป็นพ่อที่มีนิสัยหัวร้อน ซู แม่ที่พึ่งพาได้ เควิน ลูกชายคนโตวัยรุ่นที่อยู่ในวัยต่อต้าน บิล ลูกชายคนกลางที่มีนิสัยอ่อนไหวง่าย และมอรีน ลูกสาวคนเล็กที่มีนิสัยเหมือนซู แม่แท้ๆของเธอเอง
ความรู้สึกของผู้เขียนตอนที่ดู นี้คือแอนิเมชันผู้ใหญ่ที่ถ่ายทอดชีวิตครอบครัวอเมริกาในยุค 80s ยุคที่เพลงร๊อกเคยบูม และทุกคนเริ่มให้ความสนใจกับเพลงแนว folk แทน ซึ่งแน่นอนว่ายุค 80s มีเรื่องหลายอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนอเมริกา ทั้งความฝันที่ว่าทุกๆคนสามารถทำตามความฝันของตัวเองได้ เสรีชนคือเสรีภาพ หรือทุกๆคนสามารถมีความสุขกับงานที่ทำ ร่ำรวยและมีครอบครัวที่อบอุ่นได้ ซึ่งเราเห็นแล้วว่าครอบครัวตระกูลเมอร์ฟี่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียดาย เสียใจ และความรู้สึกผิดในข้อผิดพลาดมากมายในชีวิตของพวกเขา ครอบครัวเมอร์ฟี่คือตัวแทนของครอบครัวอเมริกาชนชั้นกลางทั่วไป ที่ใช้ชีวิตอยู่ในยุคที่ทุกคนมีความเชื่อเกี่ยวกับโลกที่สวยงาม และทุกคนสามารถทำตามความฝันได้ แต่พวกเขาทุกคนกลับใช้ชีวิตอยู่ในความอลหม่าน สับสนวุ่นวาย และชีวิตประจำวันของพวกเขาก็น่าปวดหัวเป็นอย่างมาก ทั้งปัญหาการแบ่งสีผิวที่รุนแรง การมองโลกแบบปิตาธิปไตยที่ไม่มีคนออกมาพูดหรือชี้ประเด็นมากเท่ายุคปัจจุบัน บทบาทของเพศหญิงโดยเฉพาะผู้หญิงที่แต่งงานแล้วที่ถูกกดทับอย่างรุนแรงในที่ทำงาน การคุกคามทางเพศที่ผู้ชายมองว่าเป็นแค่เรื่องปกติและเป็นแค่การหยอกล้อเพื่อผูกมิตรทั่วไปกับผู้หญิง และไหนจะสงครามเวียดนามที่ผ่านไปได้ไม่นานอีก ฉากที่ผู้เขียนชอบและประทับใจมีหลายฉากไม่ว่าจะเป็นฉากที่ซูร้องไห้ หรือว่าซูประดิษฐ์เครื่องปั่นผ้าแห้งได้คนแรก แต่ฉากที่ชอบที่สุดคงเป็นฉากสุดท้ายที่แฟรงก์ เมอร์ฟี่ ถอนหายใจก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในบ้านใช้เวลากับครอบครัวตัวเองหลังจากที่เขาไม่ต้องตามหาอีกแล้วว่าตัวเองเป็นใครในซีซันที่ห้า
Advertisement
Advertisement
คะแนนรีวิว 10/10
3. Attack On Titan

เล่าเรื่องของเอเลน เยเกอร์ มิคาสะ แอคเค่อร์แมน และอาร์มิน ที่ทั้งสามคนเป็นเพื่อนสนิทกันภายในกำแพงชิกันชินะ จนกระทั่งมีวันหนึ่งไททันบุกเข้ามาและทำลายหมู่บ้าน ฆ่าแม่ของเอเรน หลังจากวันนั้น เอเรน ก็มีความฝันว่าจะต้องกำจัดไททันทุกตัวที่มีบนโลกและออกไปมองเห็นโลกนอกกำแพงให้ได้
ความรู้สึกที่ได้ดูทั้งสามซีซัน สองพาร์ทจบแล้วคือสนุก ตื่นเต้นมากๆ ในซีซันแรกๆ เสียงพากย์อาจจะยังไม่ดีเท่าที่ควร และลายเส้นการ์ตูนจะคมมากๆ คมบาดตาแบบคมจริงๆ และ CG จะกลางๆ แต่ซีซันหลังๆภาคสามขึ้นไปคุณภาพของอนิเมะกลับดีมากๆ เสียงพากย์ก็ทำออกมาได้ดีขึ้นด้วย ตัวละครในเรื่องแต่ละตัวมีพัฒนาการ มีการเติบโต และฉากต่อสู้ก็ค่อนข้างตื่นเต้น เร้าใจดี เพลง Ost ประกอบอนิเมะอย่างเพลง Rubling ยังเพราะมากๆติดหูแฟนๆการ์ตูนอนิเมะ Attack On Titan เป็นอย่างมาก แทบจะทำให้อยากจะลุกขึ้นมายืนตัวตนเพลงทำท่าเคารพเพลง Rumbling Rumbling เลย ฉากที่ผู้เขียนชอบที่สุดคงเป็นฉากสุดท้ายที่เหมือนจุดหักมุมและการเฉลยปมทุกอย่างว่าทำไมเอเลนต้องทำแบบนี้
Advertisement
Advertisement
คะแนนรีวิว 10/10
4. Shrek

รับชมได้แล้วทั้ง 4 ภาคบนช่อง Netflix เล่าเรื่องของยักษ์สีเขียวที่มีชื่อว่า Shrek เขาเป็นยักษ์ที่มีนิสัยร่าเริงสดใส เป็นมิตร แต่กลับโดดเดี่ยว และถูกทุกๆคนในหมู่บ้านรังเกียจเพราะเป็นยักษ์ตัวสีเขียวและมีหน้าตาที่อัปลักษณ์ วันหนึ่งเขาได้รับภารกิจจากพระราชาให้ไปช่วยเจ้าหญิงฟีโอน่า ลูกสาวเพียงคนเดียวของพระราชาในปราสาทที่มีมังกรเฝ้าอยู่
ความรู้สึกหลังดูจบสามภาค นับได้ว่าสนุกมากๆ กับการเดินทางและออกผจญภัยของยักษ์เขียว ลาที่มีนิสัยพูดมากและชอบร้องเพลงระหว่างทาง ไปจนถึงตอนที่เจ้าหญิงฟีโอน่าแก้คำสาปได้และกลับคืนร่างจริงกลายเป็นยักษ์เพราะจุมพิตรักแท้ ไปจนถึงตอนที่ทั้งสองคนมีลูก สร้างครอบครัวด้วยกัน Shrek ไม่เป็นที่หวาดกลัวของผู้คนอีกต่อไป และบ้านของ Shrek ก็กลายเป็นจุดชมวิวของนักท่องเที่ยวอีกด้วย ภาคที่ผู้เขียนชอบที่สุดคงเป็นภาคสุดท้าย ที่ตัวร้ายคือรัมเพิลสติลสกิน ที่มีนิสัยเจ้าเล่ห์และขี้โกง เป็นแอนิเมชันการ์ตูนในดวงใจตั้งแต่ตอนเด็กๆเลย ฉากที่ผู้เขียนประทับใจที่สุดคือความกล้าของฟีโอน่าที่เธอเข้มแข็งด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพา Shrek ก็ได้ ตรงกันข้าม Shrek ตังหากที่เป็นคนที่ต้องการฟีโอน่าตลอดเวลา
คะแนนรีวิว 10/10
5. Hotel Transylvania

มีทั้งหมดสามภาคสามารถรับชมได้แล้วทางช่อง Netflix เล่าเรื่องของแวมไพร์คนหนึ่งที่เปิดโรงแรมขึ้นมาและอาศัยกันเฉพาะพวกผี ซอมบี้ มัมมี่ และพวกอมนุษย์ต่างๆที่เป็นเพื่อนกันมายาวนาน โดยที่มีแวมไพร์เป็นเจ้าของอาศัยอยู่กับลูกสาวสองคน วันหนึ่งมีมนุษย์หลงเข้ามาในโรงแรมของเขาและตกหลุมรักลูกสาวของเขาๆที่เขาไม่ยอมรับมนุษย์เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้ภรรยาและครอบครัวของเขาเสียชีวิตลง
ความรู้สึกของผู้เขียนที่ดู เป็นการ์ตูนแอนิเมชันสนุกเบาสมอง และอบอุ่นหัวใจกับแวมไพร์หัวโบราณที่มีนิสัยเข้มงวด จริงจัง แบบคนแก่ขี้บ่นทั่วไป ที่ตัวละครต้องขอยอมรับว่ามีพัฒนาการที่ดี และเรามองเห็นการเติบโตของเขาตั้งแต่ตอนที่เป็นพ่อของแวมไพร์สาววัยรุ่นที่เป็นวัยต่อต้านพ่อแม่ไปจนถึงตอนที่เขาเป็นปู่คน และพยายามสอนหลานให้บินได้ ให้มีเขี้ยว และให้มีความเป็นแวมไพร์มากกว่าความเป็นมนุษย์ ก็ถือเป็นแอนิเมชันอีกเรื่องที่ภาพสวย เนื้อหาสนุก และให้บทเรียนชีวิตเกี่ยวกับความรัก มิตรภาพ ครอบครัว และความทรงจำอย่างยาวนานกับความสัมพันธ์ต่างๆในชีวิตดี พลอตเรื่องก็ง่ายๆไม่มีอะไรซับซ้อน แต่หลังจากดูจบกลับรู้สึกซึ้งและสนุกมากเลย ประโยคที่ผู้เขียนชอบที่สุดในเรื่องคือแน่นอนว่าครอบครัวคือทุกๆอย่างของเรา เราต้องให้เกียรติอดีตและความทรงจำของเรา แต่เราก็ต้องสร้างอนาคตด้วยมือของเราเองด้วยเช่นกัน ตอนที่คุณปู่แวมไพร์ลาพักร้อนในซีซันสามและเจอหญิงสาวที่ถูกใจค่ะ นี้คือฉากที่ผู้เขีนประทับใจที่สุดเลย คุณปู่เปิดใจให้สาวคนใหม่เข้ามาหลังจากใช้ชีวิตโดดเดี่ยวและแยกตัวมานาน
คะแนนรีวิว 8.5/10
6. Demon Slayer

เล่าเรื่องราวการผจญภัยของทันจิโร่ เซ็นอิตสึ และอินโนสึเกะ ในการกำจัดมุซัน หรือปีศาจที่เปลี่ยนให้มนุษย์กลายเป็นปีศาจ ไม่สามารถทำให้ตายได้แม้จะถูกตัดหัวไปแล้ว และวิธีเดียวคือต้องให้ตากแดดอย่างเดียว ในขณะเดียวกันก็หายารักษาให้ปีศาจกลับมาเป็นมนุษย์ได้เหมือนเดิมด้วย ฉายแล้ว 3 ซีซันในช่อง Netflix
ความรู้สึกที่ดูคืออนิเมะเรื่องนี้สนุกมากๆ CG Sound Effect ท่าไม้ตาย และคุณภาพงานอนิเมะ ฉาก องค์ประกอบ เรียกได้ว่าทุ่มทุนสร้างแบบไม่เสียดายงบสุดๆ เพราะคุณภาพงานดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นฉากต่อสู้ ฉากออกเดินทาง ฉากฝึกวิชา หรือฉากต่างๆ คือมันดีอะ ตอนที่ดูแล้วก็แอบนึกถึงวิถีชีวิตของซามูไรในสมัยเอโดะของประเทศญี่ปุ่น และการมีตัวตนอยู่ของปีศาจอาจหมายถึงโรคระบาดที่เกิดขึ้นในยุคนั้น ผู้คนที่หลงใหลในอำนาจมืดบอดในศีลธรรม และได้ฆ่าจิตวิญญาณของมนุษย์ไปแล้วจนกลายเป็นปีศาจ ก็เป็นอนิเมะเนื้อดีอีกเรื่องที่มีเนื้อหาที่สนุกมากๆ ดูเพลินๆได้ ผู้เขียนดูรวดเดียวจบเลยค่ะสามซีซัน และสนุกทุกซีซันเลย อยากให้ซีซันสี่ออกมาไวๆ ฉากที่ผู้เขียนชอบและประทับใจที่สุดคงเป็นฉากต่อสู้ระหว่างทันจิโร่และเสาหลักกับปีศาจข้างขึ้นอันดับสามค่ะ
คะแนนรีวิว 10/10
จบไปแล้วนะคะกับอนิเมะ/แอนิเมชัน 6 เรื่องที่ผู้เขียนนำมาแนะนำกัน ใครอยากให้รีวิวอนิเมะหรือแอนิเมชันเรื่องไหนก็คอมเมนท์กันเข้ามาได้เลยค่ะ
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
ขอขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปก / Canva
รูปภาพปกและรูปภาพประกอบที่ 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6 โดย Netflix
*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*
ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`

คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkq
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQ
ร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565
ความคิดเห็น






