อื่นๆ

9 ขั้นตอนในการปลดปล่อยดวงจิตที่ตกค้าง

164
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
9 ขั้นตอนในการปลดปล่อยดวงจิตที่ตกค้าง

เคยหรือไม่ที่ไปในโบราณสถานแล้วรู้สึกขนลุก เคยหรือไม่ที่ไปในสถานที่ที่เคยมีการรบแล้วรู้สึกใจหวิวๆๆ เคยหรือไม่ที่เหมือนมีคนเดินผ่านแว็บๆๆ ทั้งที่อยู่คนเดียว วันนี้ Jasmine มีคำตอบคะ

Jasmine ได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับสงคราม เหตุการณ์ในเรื่องเล่าถึงสุนัขที่ต้องเป็นเหยื่อพลีชีพด้วยการถูกนำมาผูกทุนระเบิดกับตัว นายทหารที่อยากกลับบ้าน และทหารที่ยังคงมุ่งมั่นและเชื่อว่ายังอยู่ในการรบทั้งหมด คนเหล่านั้นต้องตายในสงครามทั้งหมด โดยที่เค้าไม่รู้ว่าเค้าตายแล้ว และมีความหวังว่าเมื่อสงครามเลิกจะได้กลับบ้าน มันสะท้อนให้เห็นถึงความเลวร้ายของสงครามที่มีผลต่อจิตใจมนุษยชาติ

วัด2

หลังจากJasmine ดูจบ มันเตือนให้นึกถึงดวงจิตของเหล่าทหารทั้งหลายที่ยังคงหลงติดอยู่กับสงครามการต่อสู้โดยมิรู้ว่าตนนั้นตายไปนานแล้ว และที่สำคัญสงครามได้จบไปนานแล้ว

Advertisement

Advertisement

สภาวะเช่นนี้ Jasmine เองก็เคยได้เจอดวงจิตทหารที่ยังคงตกค้าง และคิดว่าตัวเองยังอยู่ในสงครามเช่นนี้หลายแห่ง ทั่งที่เขาค้อ ทั้งที่สมรภูมิอยุธยา และได้ทำการปลดปล่อยดวงจิตเหล่านั้น

เลยคิดว่า ก็คงมีอีกหลายคนที่เคยประสบเหตุการณ์ทำนองนี้  จึงได้มาแนะว่าเราจะทำเช่นใด เมื่อบังเอิญหรือพวกเค้าจงใจให้เห็นพวกเค้าเหล่านั้น ซึ่งที่จริงพวกเค้ามิได้มาเพื่อหลอกให้เรากลัว แต่เพราะเค้ามาเพื่อขอความช่วยเหลือ และบางทีจิตของเราเองก็ไปจูนเจอพวกเค้าเอง ในกรณีเช่นนี้ สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อเจอดวงจิตเหล่านั้น

กระดูก
1. ตั้งสติก่อน แล้วดูว่าใช่ หรือเราคิดไปเองซึ่งบางครั้งการไปที่ที่เคยเป็นสนามรบ เช่น อยุธยา มีการสู้รบอาจทำให้จิตเราเองปรุงแต่งไปได้
2. วิธีตรวจสอบคือ กำหนดจิตอธิษฐานว่าถ้าใช่ก็ขอให้เห็นเป็นแสงหรือมีปฏิกิริยาอะไรกับตัวเรา เช่นขนลุก ได้ยินเสียงอะไรทำนองนี้
3. เมื่อแน่ใจว่าใช่ ตั้งสติ พยายามอย่ากลัว คิดเสมอว่าเค้ามิได้มาทำร้ายเรา (ยกเว้นเราไปทำอะไรที่ไม่ควรในสถานที่นั้น อาจด้วยวาจาหรืออาการหลบหลู่ เป็นต้น)
4. กำหนดสวดมนต์บทอะไรก็ได้ที่เราคุ้นเคยหรือพอสวดได้ ที่ดีสุดควรเป็นบท อิติปิโส 3 จบ หรือจนกระทั้งจิตมีสติ ไม่มีความรู้สึกกลัว จากนั้น เอ่ยในใจว่า...

Advertisement

Advertisement

"ขอบุญกุศลที่ข้าที่ได้กระทำตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ  จงเป็นแสงสว่าง ชี้นำทางให้ดวงจิตทั้งหลายที่ยังตกค้างอยู่ในที่นี้ ได้หลุดพ้นไปสู่วัฏจักรทางธรรมชาติตามวาระและวาสนาด้วยเถิด"

ภาพพระพุทธเจ้า
5. จากนั้น ตั้งจิต (สำหรับผู้ที่ไม่เคยฝึกจิตมาก่อนให้จินตนาการ) กำหนดว่า บุญของเรานั้นออกมาจากจิต อาจจะที่อก หรือบริเวณระหว่างหัวคิ้ว ( ตา3) เป็นแสงสว่างแพร่ออกไปให้ทั่วสถานที่นี้ ด้วยความรู้สึกของจิตที่เมตตา จิตผู้ให้ ปรารถนาให้ดวงจิตพวกเค้าพ้นทุกข์ หรือไม่ก็นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรานับถือให้ท่านมาช่วยส่งบุญของเราให้กับพวกเค้าเหล่านี้
6. สภาวะนี้ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นดวงจิตของทหารอย่างเดียว อาจเป็นดวงจิตในสถานที่ที่เคยมีอุบัติเหตุการตายจาก ภัยทางธรรมชาติ เช่นสึนามิ  เครื่องบินตก ไฟไหม้ ตึกถล่ม แผ่นดินไหว เป็นต้น
7. แม้เราเองจะไม่เคยฝึกจิตแต่อย่างใดแต่ก็สามารถทำเช่นนี้ได้ อยู่ที่ความตั้งใจที่จะช่วยเหลือ ผู้อื่น ให้เชื่อมั่น
8. การกระทำเช่นนี้มิใช่แต่เฉพาะมนุษย์แต่เป็นดวงจิตของพืชหรือสัตว์ด้วยก็ได้ เช่น สัตว์ที่ยังตกค้างจากไฟไหม้ป่า ต้นไม้ที่ตายเพราะการทำเขื่อนก็ได้ หรือแม้กระทั้งเชื้อโรคในสถานที่ต่างๆ เช่นโรงพยาบาล ในตัวคน หรือในตัวเราก็ได้เพราะไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ พืช หรือสัตว์ก็เป็นดวงจิตเหมือนกัน  อยู่ในสภาวะของจิตที่ต้องการความช่วยเหลือเช่นกัน
9. การกระทำเช่นนี้ เป็นการสร้างกุศลที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

Advertisement

Advertisement

ที่รบ

มาถึงตอนนี้ อยากชี้ประเด็นให้เห็นว่า สื่อหรือเหตุการณ์ที่เราพบเจอรอบๆ ตัว สามารถ สะกิดให้เราได้มี โอกาสของการสร้างบุญ ได้ทุกทิศทุกทาง ทุกพื้นที่ ขอเพียง วางจิตของผู้ให้ และเป็นคนที่หมั่นสังเกตเสมอ (สำหรับผู้ที่เคยฝึกจิต จะใช้คำว่า หมั่นขยับจิตเสมอ)  จะมีเหตุการณ์ หรือสิ่งต่างๆ มาสะกิดให้เราทำความดี และที่สำคัญ ดวงจิตเหล่านั้น เค้าต้องทนทุกข์ทรมานกว่าจะมีผู้มาช่วยเหลือ ดังเหมือนหยดน้ำในทะเลทราย

ดังนั้น อย่ามองผ่าน เพราะบางที หนึ่งดวงจิตในนั้นอาจเป็นคนที่เรารัก หรือสัตว์ พืชที่เรารักก็ได้

ภาพหน้าปกและประกอบทั้งหมดโดย Jasmine

🗺 แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์