อื่นๆ

9 วิธีที่จะพาคุณมามองบวกพิชิตวิกฤต

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
9 วิธีที่จะพาคุณมามองบวกพิชิตวิกฤต

     จากสถานการณ์โควิดระบาดทำให้หลายคนต้องตกอยู่ในสภาวะเดือดร้อนและต้องงัดทุกทักษะออกมาใช้เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ แล้วอะไรคือสิ่งแรกที่สำคัญที่สุดก่อนที่เราจะเริ่มต้นจริงจัง ?

     อาจจะเป็น “ความคิด”

     อาจจะเป็น “ความรู้”

     อาจจะเป็น “มุมมองและโอกาส”

     หรืออาจเป็นทุกอย่างที่ว่ามานี้ “รวมกัน” แต่บทความนี้เราจะพาคุณมาฟีลกู้ดด้วยการมองบวก

ภาพถนนไร้คนเดิน

     ท่ามกลางวิกฤตย่อมมีโอกาส แต่ที่จริงแล้วโอกาสมีอยู่ทุกที่และไม่จำเป็นต้องมาพร้อมวิกฤตเสมอไป โอกาสที่มาพร้อมกับวิกฤตอย่างที่หลาย ๆ คนพูดไม่ได้คว้าได้ง่าย ๆ แล้วถ้าหากคุณลองมาหลายวิธีแล้วยังรู้สึกหลงทางอยู่ บางทีอาจจะลืมอะไรไปอย่างก็ได้คล้าย ๆ กับสุภาษิตไทยที่ว่า "เส้นผมบังภูเขา" และเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่ถ้าเรามีปัญหาอยู่ เราไม่สามารถที่จะใช้วิธีคิดที่เรามองปัญหาเพื่อแก้ปัญหาที่ความคิดเก่าเราสร้างขึ้นเองอย่างที่ ไอนสไตน์บอก

Advertisement

Advertisement

We cannot solve our problems with the same thinking we used when we created them. (Albert Einstein)

     แต่ถึงอย่างนั้น ไอ้วิธีคิดใหม่ที่จะทำให้แก้ปัญหาได้ ถ้าคิดออกก็คงไม่มีปัญหาอยู่ตรงนี้หรอก แล้วมันคืออะไรละที่จะช่วยเราผ่านพ้นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่เรากำลังเผชิญอยู่แบบนี้จริง ๆ ?

     คุณธนินท์ เจียรวนนท์ได้ให้สัมภาษณ์กับหนุ่ย พงศ์สุขในช่อง YouTube ของ beartai เกี่ยวกับวิกฤตโควิดไว้ว่า 

แต่ผมยังมีความเชื่อมั่นนะ เพราะผมคิดอะไร ผมคิดบวก เชื่อว่าเทคโนโลยีกับคนเก่งวันนี้ กับอุปกรณ์ของโลกและเรื่องนี้ไม่ใช่ของประเทศใดประเทศหนึ่งแล้วนะ มันเป็นปัญหาของโลก และถ้าเป็นปัญหาของโลกแล้วมนุษย์ย่อมเก่งกว่า (ธนินท์ เจียรวนนท์)

     ตอนที่กำลังดูสัมภาษณ์ของคุณธนินท์ เจียรวนนท์ เกี่ยวกับสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา มีอยู่ประโยคหนึ่งที่มันชะงักในสมองอยู่นานซึ่งเป็นเรื่องของการมองในแง่บวกที่ก็คงฟังมาหลายครั้งแต่เราอาจจะยังไม่เข้าใจความหมายของมันจริงว่าที่มองบวก ไม่ได้หมายถึงเอาทุกอย่างมามองในแง่ดี แต่มันหมายถึงว่า มันคงต้องมีสักทางสิ สักทางที่จะผ่านเหตุการณ์นี้ไป สักทางที่มีอะไรดีเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ไม่มีอะไรแย่ ๆ เกิดขึ้นแล้วจะไม่มีสิ่งดี ๆ ตามมาหรอกในเมื่อทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนมีสองด้านกันทั้งนั้นและทุกคนก็กำลังเจอวิกฤตโควิดครั้งนี้พร้อมกันเหมือนกัน และมันก็หมายถึงพวกเราทุกคนก็ร่วมมือกันเพื่อต่อสู้วิกฤตนี้นะ

Advertisement

Advertisement

ภาพ We like you, too

     พูดถึงสถานการณ์ภายนอกไปแล้วว่าเราต่างก็ร่วมมือกันเพื่อต่อสู้วิกฤตแล้ว มนุษยชาติก็คงผ่านไปได้แน่ ลองมาดูสถานการณ์ภายในกันบ้างที่ทุกคนต้องโดนกักตัว เราลองมาฝึกมองบวกกันดีกว่า

     การมองบวกหรือมองเหตุการณ์หนึ่งให้มีข้อดีสักด้านหนึ่งถือเป็นทักษะสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกเมื่อเราต้องเจอวิกฤติ เพราะว่าเกือบทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตเรานั้น เราไม่สามารถควบคุมได้และถ้าหากเราไม่สามารถนำข้อดีของแต่ละสถานการณ์ที่ผ่านมาให้ได้อะไรสักอย่างหนึ่งมันก็จะเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านไปอย่างน่าเสียดาย

     เคยได้ยินไหมว่าคนมักจะบอกให้เรา “ทำในสิ่งที่ถนัด” แต่เรามาค้นพบว่าไม่มีอะไรที่เราชอบ หลังจากนั้นก็อาจมีใครสักคนมาบอกว่าให้เราลองมองบวกดูสิ เราอาจจะเจออะไรที่ใช้ได้แล้วมันก็จะทำให้เราผ่านเรื่องแย่ ๆ ที่เราไม่ชอบไปได้ การมองบวกก็เป็นเรื่องทำนองเดียวกันนี้แหละ ไม่มีอะไรแย่ตลอด ทุกอย่างก็ต้องมีข้อดีบ้าง หรือถ้าแย่ถึงที่สุดจริง ๆ จนหาข้อดีไม่ได้เลย ก็ให้คิดว่าเพื่อฝึก “ความอดทน” ของเราก็ได้นะแต่เราต้องไม่ลืมประเมินตัวเองว่าเราอยู่จุดไหน เป็นยังไง และจะต้องไม่มองบวกเกินไปจนลืมความเป็นจริง

Advertisement

Advertisement


บทความนี้จึงจะนำวิธีดี ๆ มาฝาก เพื่อให้คุณได้ลอง “มองบวก” กันดู

ภาพพร้อมที่จะเริ่มสิ่งใหม่ๆ

    1. ถ้าเหนื่อยจะคิด ก็ออกกำลังกายซะเลย

     เวลาที่เราออกกำลังกายจะมีสารเคมีในสมองที่ทำให้เกิดความรู้สึกดี ๆ ขึ้น ปลอดโปร่ง โล่งสบาย แถมยังทำให้ลืมปัญหาได้ชั่วขณะหนึ่งด้วย ซึ่งก็จะเป็นเรื่องที่ดีมากเพราะในอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมาเราอาจเปลี่ยนมุมมองต่อปัญหา จนสามารถแก้ไขปัญหาได้ก็ได้

2. คุยกับเพื่อนในเรื่องดี ๆ

     ว่าง ๆ ก็ลองมาแชร์ไอเดียกับคนอื่นอย่างสร้างสรรค์ดูสิ อาจเป็นเพื่อนสนิท คนอื่นใครก็ได้ที่ไว้วางใจ หรือคนแปลกหน้าก็ไม่แย่ และถ้าคุณไม่กล้าเล่า ก็ลองเปลี่ยนเนื้อเรื่องนิดหน่อยก็ได้นะ เขาจะได้ไม่รู้ว่าคุณไปมีวีรกรรมที่ไหนมา และมุมมองที่แตกต่างจากคนอืน ๆ อาจทำให้คุณได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ก็ได้

​     3. ลองคิดถึงข้อดีและความสามารถของตัวเองสักสองสามอย่าง

     คนเราไม่จำเป็นต้องเก่งทุกอย่าง แต่ถ้าจะบอกว่าไม่มีอะไรที่เก่งเลยก็เหมือนกำลังโกหกกันอยู่ บางทีเรื่องที่เก่งเราก็ตีความผิดกันไปมาก เรื่องที่เก่งนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่เราโดดเด่นท่ามกลางทุกคน ขอแค่เราถนัด เราทำได้ง่าย เราทำแล้วอยากทำต่อไปเรื่อย ๆ มีความสุขที่จะทำ มันก็คือเรื่องที่เก่งนะ เพราะว่าถ้ายังทำต่อไปได้เรื่อย ๆ อีกสักพัก อีกไม่นานก็จะเก่งและโดดเด่นแน่นอน เราไม่จำเป็นต้องไปตั้งโจทย์ว่าจะหาที่เก่งให้เจอได้มันต้องโดดเด่นแบบอลังการอะไรขนาดนั้น เชื่อสิว่าคุณต้องมีอยู่แน่ ๆ แหละ

     4. งานที่ทำเสร็จ

     อะไรนะ … งานที่ทำเสร็จนี่มันจะช่วยให้มองบวกได้ด้วยหรอ ทำงานอยู่ทุกวัน รู้สึกทุกข์ระทมเหมือนเดิม คำตอบก็คือ ใช่ค่ะ จริง ๆ มันคือความสำเร็จของเราในแต่ละวันนะว่าเราสามารถทำได้ตามที่เราตั้งใจไว้ ทำได้ตรงตามเป้าหมายของงาน ถึงแม้งานที่ทำดูเหมือนจะไม่มีวันหมดแต่เราก็ทำเสร็จจริง ๆ ซึ่งถ้าหากว่าคุณรู้สึกเครียดจากงานจนมองมันเป็นสิ่งที่ดีไม่ได้เลย นั่นอาจบอกเป็นนัย ๆ ว่าต้องหาเวลาพักผ่อนบ้างแล้วนะ

5. ตั้งเป้าหมายที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองรู้สึกมีความสุข

     การจะมองบวกได้มันมีหลายองค์ประกอบ อย่างแรกเลยเราต้องยอมรับว่า ก่อนจะมองหาโอกาสหรือมองอะไรที่ดีได้ ก็ต้องมีความสุขกับตัวเราเองด้วย ความสุขเป็นสิ่งที่หาได้ไม่ยาก เริ่มแรกก็หาจากในใจตัวเองก่อน ว่าเรามีความสุขกับสิ่งไหน คนอื่นอาจจะว่าสิ่งนั้นไม่มีสาระ แต่ก็อย่างที่บอกในข้อก่อน ๆ ว่าถ้าคุณอยู่กับอะไรได้นานพอแล้วจริง ๆ เรื่องนั้นก็จะทำให้คุณโดดเด่นแบบที่คุณรู้สึกได้ในตัวเอง

  6. อย่าโกรธตัวเองถ้าเรามองในแง่ร้าย

     การมองในแง่ร้ายก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่ ทุกสิ่งมีสองด้านอยู่แล้ว เพียงแต่คุณต้องรู้ตัวเองว่าคุณมองมันสมเหตุสมผลจริงหรือไม่ ซึ่งถ้าหากคุณเคยชินกับอารมณ์ของตัวเองแล้ว และรู้ตัวอยู่เสมอว่ากำลังมองตามความจริง มองบวก หรือมองไม่บวก คุณก็จัดการกับปัญหาเหล่านั้นได้

   7. แต่งตัวจัดเต็ม ทำทรงผมสุดเนียบ

     ถึงไม่มีโอกาสได้ออกไปไหน ก็แต่งตัวจัดเต็มได้ค่ะ แล้วที่สำคัญจะทำให้เรารู้สึกมั่นใจในตัวเองอยู่ทุกวันด้วย การเริ่มหันมาแต่งตัวสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง จะช่วยให้ร่างกายเราตอบ “โอเค” และจัดการปัญหาได้อย่างเต็มที่มากขึ้น นอกจากนี้ยังจะช่วยให้เรามีวิธีการแต่งตัวที่หลากหลายมากขึ้นด้วยนะคะ วิธีนี้อาจไม่ได้จำกัดแค่เราแต่รวมไปถึงแต่งตัวสัตว์เลี้ยงตัวโปรดเราด้วยก็ได้

  8. ดูหนัง ละคร ภาพยนตร์ หรืออ่านหนังสือดี ๆ สักเล่มหนึ่ง แล้วลอง …

     ลองฝึกแก้ไขสถานการณ์ดู คิดพลิกแพลงไปได้ว่าถ้ามันไม่จบแบบนี้จะจบแบบไหน จะมองบวกอย่างไรในวิกฤตของตัวละครตัวนี้ รับรองว่าเพลินไปกับเรื่องราว นอกจากนี้ยังอาจได้ข้อคิดชีวิตอะไรใหม่ ๆ ด้วยนะ ลองเขียนสิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือ ลองเปลี่ยนตอนจบของเรื่องตามความคิดเราจนเราพอใจ แค่นี้ความสุขอาจอยู่แค่เอื้อมก็ได้ เราก็จะเริ่มมองอะไรแตกต่างไปมากขึ้น

     9. อย่าซีเรียสกับทุกอย่างมากเกินไป

     พอดีว่าอาจจะลองนำไอวิธีมองบวกไปใช้กับทุกอย่างแล้วในชีวิต แต่ยังรู้สึกไม่พอใจสักที ความไม่พอใจนี่แหละกำลังเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า เราอาจจะซีเรียสเรื่องบางเรื่องไปแล้วก็ได้ ถ้าเรารู้ตัวทันเราก็ถอยออกมามองก้าวหนึ่งก่อน แต่ถ้าเรารู้ตัวทีหลังก็ลองมาจดบันทึกเตือนตัวเองไว้ แต่ถ้าเรามั่นใจว่าเราคงไม่รู้ตัวเลยก็ลองบอกคนรอบข้างให้ช่วยเตือนเราก็ได้นะคะ วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เราเครียดไปกับปัญหา และจะได้ไม่ใช้อารมณ์จาก “ความไม่พอใจ” นั้นไปทะเลาะกับคนที่เรารักด้วยค่ะ


     หลังจากที่คุณได้สารพัดวิธีที่แสนเรียบง่ายและธรรมดาไปแล้ว คุณอาจจะมองเห็นอะไรบางอย่างจากวิธีการทั้งหมดนี้ เหมือนจริงๆ ถ้าย่อเอาแค่ประเด็นสำคัญได้อาจจะมีแค่ “ควบคุมตัวเองได้ เข้าใจปัญหา คิดต่างมุมเมื่อแก้ไขปัญหาจากมุมเดิมไม่ได้” น่าจะเป็นไอเดียสำคัญ ซึ่งรวม ๆ แล้วก็คือเรื่องของการควบคุมตัวเอง

การควบคุมตัวเองกับการมองบวกนั้นมีความสัมพันธ์กันโดยตรง คือ ถ้าเราสามารถควยคุมตัวเองได้ ก้าวถัดไปที่จะเริ่มมองหาโอกาสใหม่ ๆ ย่อมไม่ยาก แต่ที่ยากคือสิ่งที่ค้างอยู่ในใจเราต่างหาก

     วิธีสุดคลาสสิคอันดับแรกเลยคือ

      “ยอมรับ”

     ยอมรับในสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ยอมรับให้เป็นธรรมชาติและเข้าใจธรรมชาติของสิ่งนั้น

     หลังจากยอมรับแล้วให้เรามองวิธีแก้ปัญหาเป็นสองส่วนคือ เรื่องที่เราพอจะควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงได้ กับ เรื่องที่แก้ไขอะไรไม่ได้เลย

     หัวใจสำคัญที่จะทำให้เราสามารถมองบวกได้ในหลาย ๆ สถานการณ์คือการไม่ตกม้าตายเป็นทาสอารมณ์ของตนเองจากการควบคุมตนเอง
ไม่ได้

     แต่ก็ยังมีหลุมพรางอีกหลุมหนึ่งที่คนเข้าใจว่านี่คือวิธีการมองบวกได้แล้ว คือ “คิดทุกอย่างในแง่ดี ในแง่ที่ดีเกินไปจนกระทั่งลืมปัญหาที่แท้จริงและหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงความจริงของเรื่องนั้น ๆ ออกมา เช่น

     ตัดสินความคิดของผู้อื่น : ”คิดลบไปทำไม มองบวกสิ คิดลบมันแย่นะ”

     การบอกให้คนอื่นเลิกคิดถึงปัญหา : “อย่าไปคิดมันเลย ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก”

     อย่างที่บอกไปว่าทุกแง่มุมมองมีทั้งประโยชน์และข้อเสีย เราต้องไม่ลืมว่าการคิดต้องอยู่ในพิ้นฐานของความจริง

      การมองบวกเป็นวิธีในการมองสิ่งต่าง ๆ รูปแบบหนึ่งเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาที่ทำให้คุณรู้สึกท้อแท้ ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ในช่วงวิกฤตโควิดนี้กันนะคะ บทความนี้ก็เขียนเกี่ยวกับวิธีการเอาชนะอุปสรรคและปัญหาจากภายในของตัวเองในการมองบวกค่ะ แล้วพบกันใหม่

ภาพการยอมรับ

เครดิต
คลิปสัมภาษณ์ของคุณธนินท์ เจียรวนนท์
พลังของการคิดในแง่บวก The Power Of Positive Thinking: How Thoughts Can Change Your Life
ขอขอบคุณรูปภาพจาก Canva และ unsplash
ภาพปก: Canva Library
รูปประกอบในบทความเรียงตามลำดับดังนี้:
1.Markus Winkler on Unsplash
2.Adam Jang on Unsplash
3.Benjamin Davies on Unsplash
4.Gift Habeshaw on Unsplash

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์

Advertisement

Advertisement

ติดกระแส

Advertisement

ครีเอเตอร์ที่แนะนำ
JPooh
dailyjourney
287write
iamnan23
SilverShark
หงส์ดรุณ
ฝันดี
แอ๊ะแอ๋🤪
nowadaysgirl

Advertisement

Advertisement

ข้อตกลงและเงื่อนไข|Copyright © True Digital & Media Platform Company Limited. All rights reserved