"Brand Storytelling" เมื่อเรื่องเล่าเข้ามามีอิทธิพล

เพราะความเชื่อใจเป็นเรื่องสำคัญ ความเชื่อมั่นทำให้คนไว้ใจ หากเปรียบเทียบว่าในโลกนี้มีเรื่องเล่ามากมาย แต่ก็มีบางเรื่องเล่าเท่านั้นที่ทำให้เชื่อได้อย่างสนิทใจ การผลิตสินค้าก็เช่นกัน บางครั้งเราอาจจะมองเห็นจากข้อแตกต่างเหล่านี้ได้ด้วยตาเราเอง ทำไมของที่ขายเหมือนกัน คุณภาพเหมือนกัน วัตถุดิบเดียวกัน อะไร ๆ ก็ไม่ต่างกันเลย แต่สินค้าเจ้าที่ราคาแพงกว่ากลับขายได้ดีกว่า และเป็นที่นิยมมากกว่า บางครั้งการที่จะซื้อของอย่างใดอย่างหนึ่ง คุณภาพอาจจะไม่ใช่ตัวกำหนดผู้บริโภคเท่ากับความประทับใจเสียแล้ว ในยุคที่เปลี่ยนผ่านจาก Content is King ที่ Bill Gates เคยบอกเอาไว้ สู่ยุค User is King ที่ลูกค้าคือพระเจ้า และเมื่อความประทับใจเป็นเรื่องหลัก เรื่องเล่าของแบรนด์ หรือ Brand Storytelling จึงนับเป็นเหตุผลแรก ๆ ในการเลือก

Customer experience ก็เป็นอีกส่วนนึงที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจในสินค้าเราได้โดยง่าย สินค้าอย่างนึงได้ดูเพียงโฆษณา รูปลักษณ์ หรือแพคเกจ กับสินค้าชนิดเดียวกันที่สามารถเห็นกรรมวิธี ได้ดูสถานที่ผลิต ได้สัมผัส ได้ทดลอง หรืออย่างน้อยหากเป็นสินค้าบริโภคที่สามารถลองชิมได้เองด้วยในขั้นตอนแรก การมีส่วนร่วมในการสร้างประสบการณ์ด้วยตัวเองเหล่านี้ จะทำให้เกิดภาพติดตา และความรู้สึกดี ๆ ติดอยู่ในใจแบบไม่มีวันลืม อย่างน้อยประสบการณ์ที่ดีด้วยตัวเองนั้นก็มีอิทธิพลทางจิตใจหากต้องตัดสินใจเลือก

เมื่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป การขายก็ต้องปรับตัวตาม กลยุทธ์การตลาดยุคใหม่ได้เข้ามาแทนที่การขายในแบบเดิม ๆ ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้บริโภคมีความต้องการที่หลากหลายมากขึ้นเมื่อทุกอย่างรวมกันเข้าเป็นหนึ่งเดียว ทั้งเรื่องราว ความประทับใจ ประสบการณ์ในการเป็นหนึ่งเดียวกัน การรับรู้อย่างแท้จริงด้วยตัวเอง ก็จะเปลี่ยนความเชื่อมั่นจนกลายเป็นความภักดีต่อแบรนด์ (Brand loyalty) นั้น ๆ ได้ไม่ยากเลย การที่ผู้บริโภคเชื่อในแบรนด์นั้น นอกจากความประทับใจจากเรื่องเล่าของสินค้านั้น ๆ แล้ว การทำให้ผู้บริโภคเห็นถึงความมุ่งมั่นที่ได้ลงมือทำอย่างจริงจังก็นับว่าเป็นอีกส่วนที่สำคัญ และทั้งสองสิ่งนี้ก็ต้องมีความสมดุลด้วยเช่นกัน

ภาพปก ภาพประกอบโดยผู้เขียน