ไลฟ์แฮ็ก

Fear Motivation กับการเลี้ยงลูก

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
Fear Motivation กับการเลี้ยงลูก

สวัสดีครับ คุณพ่อ คุณแม่ จะมือใหม่หรือมือเก่า หรือคนที่เตรียมจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ ทุกๆท่าน ก่อนอื่นๆ ผมต้องบอกว่าผมเองก็เพิ่งมีลูกอายุ 5 ขวบกว่าๆ คนนึง และผมเองก็ได้ศึกษาเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยวิธีต่างๆมาพอสมควร เชื่อมั้ยครับ ผมเองก็ทำไม่ค่อยจะได้หรอก ในเรื่องที่เค้าบอกๆกัน เพราะบางทีผมเองก็มีตีลูกบ้าง มีทะเลาะกับเค้าบ้างเหมือนกันครับ แต่วันนึงผมได้ไปเจอคำๆนึง ซึ่งไปตรงกับสิ่งที่พวกเราในอดีต เคยพบเจอมา และบางคนก็ฝังใจมาถึงทุกวันนี้

ผมเคยนั่งสงสัยนะครับ ว่าทำไมกันนะ เราถึงคิดว่า ผี ต้องมาตอนมืดๆ แล้วตอนสว่างๆเนี่ย มันไม่มีเหรอ... แล้วทำไมตอนมืดๆ เราต้องกลัวผี เราต้องคิดว่าผีจะออกมาหลอก เหตุผลแรกที่แว๊ปขึ้นมาในสมองก็คือ ไม่มีรายการทีวีบ้านไหน หรือเรื่องเล่าไหน เล่าว่าเจอผีเวลาฟ้ายังมีแสงสว่างอยู่ อาจจะเพราะว่าเรามีวิสัยทัศน์ของการมองเห็นที่ชัดเจนเวลากลางวัน และพอตกกลางคืน เวลาตามซอกหลืบ มันทำให้เราคิดพะวงในใจตลอดเวลาว่า เฮ้ย จะมีอะไรโผล่มามั้ยนะ !!! ซึ่งมันก็จะทำให้จิตของเราวิตก และมีโอกาสที่จะเกิดภาพหลอน หรืออะไรต่างๆขึ้นได้มากกว่าตอนกลางวัน

Advertisement

Advertisement

Fear

แต่อีกอย่างที่ผมไม่เคยคิด และบังเอิญไปอ่านเจอมาคือ "Fear Motivation" ครับ แปลตรงๆตัวคือ แรงจูงใจของความกลัว แต่ผมอาจจะเรียกว่า การสร้างความกลัวแล้วกันครับ ว่าแต่อ่านมาถึงตรงนี้ หลายๆคนอาจจะยังนึกไม่ออกว่า อะไรล่ะ แรงจูงใจของความกลัว หรือการสร้างความกลัว ผมยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆครับ เช่น "ตอนเด็กๆ เราไม่ยอมนอน พ่อแม่เราก็จะบอกว่า ถ้าไม่นอนหรือนอนดึก ผีจะออกมาหลอกเรานะ" นี่แหละครับ Fear Motivation สิ่งที่เราที่เป็นผู้ใหญ่ อาจจะคิดว่าเป็นสิ่งที่แค่อยากทำให้ลูกของเรา เชื่อฟัง ทำตาม แต่มันกลับส่งผลในระยะยาว เชื่อมั้ยครับ Fear Motivation พวกนี้ มันจะติดตัวเด็กมา และปลูกฝังในจิตใต้สำนึกเค้าว่า อย่าทำแบบนี้เลย เพราะกลัวที่จะเป็นแบบนั้น หรือเจอแบบนั้น

ถามว่า Fear Motivation มันไม่มีข้อดีเลยเหรอ ไม่ครับ ผมว่ามันเองก็มีข้อดีในตัวมัน เพราะ Fear Motivation มันทำให้ลูกเราระมัดระวังตัวในการใช้ชีวิตมากขึ้น เวลาจะไปเจอสิ่งที่อันตราย เค้าก็จะกลัวและไม่กล้าทำ ในขณะเดียวกัน มันก็จะมีแง่ลบในเรื่องของการกลัวจนไม่กล้าทำอะไรเช่นกัน

Advertisement

Advertisement

แล้ววิธีการไหนล่ะ ที่เหมาะกับการสร้าง Fear Motivation

อย่างที่ผมบอกครับ Fear Motivation ไม่ใช่เรื่องไม่ดี มันอาจจะช่วยทำให้เด็กใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท เท่าที่เค้าจะเข้าใจ และรับรู้ได้ แต่มันต้องมีวิธีการสร้าง Fear Motivation ที่ดีสิ ถ้าเป็นแบบนั้น ผมเขียนมาถึงตรงนี้ ผมเองก็ลองคิดวิธีการสร้าง Fear Motivation อย่างง่ายๆ แบบฉบับของผมเองขึ้นมา อันนี้ สำหรับคนอื่น อาจจะมีไอเดียมากกว่านี้ก็ได้นะครับ

1. เปิดใจรับฟังในสิ่งที่ลูกพูด ผมเชื่อว่าบางที ผู้ใหญ่บางคนอาจเห็นว่าเด็กพูดอะไรไม่ได้มีสาระ แต่นั่นแหละครับ ที่ทำให้เค้าสามารถเติบโตโดยการเข้าใจ และรับรู้สิ่งที่เค้าต้องการได้ดีที่สุด เราควรเปิดโอกาสให้เค้าได้พูด ได้แสดงความคิดในทุกสิ่ง และไม่ตัดสินว่ามันผิดหรือถูกตั้งแต่แรก แต่ให้ลองพยายามตั้งคำถามกลับไป ว่าในสิ่งที่เค้าพูด เค้าคิด เค้ารู้สึกอย่างไร ณ​ ขณะนั้น และพร้อมที่จะให้คำปรึกษาเค้า และอยู่ข้างๆเค้าเสมอ การปฏิเสธ หรือการตัดสินคำพูดหรือความคิดของเค้าตั้งแต่แรก มันอาจส่งผลให้เค้าไม่กล้าเข้าหาเพื่อปรึกษาเราในระยะยาวได้

Advertisement

Advertisement

together

2. ต้องให้ลูกสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างบ้าง เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ผมเชื่อว่าใครหลายๆคนก็เคยได้ยินคำนี้มาไม่มากก็น้อย แต่อะไรล่ะ ที่ทำให้เราอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข มันก็คือการสร้างความสัมพันธ์ การสร้างความรู้จักที่ดี ระหว่างกันและกัน เราต้องพยายามสอนให้เค้าทำความเข้าใจผู้อื่น สอนให้รู้จักผิด รู้จักขอโทษ รู้จักให้อภัย รู้จักการแบ่งปัน และรู้จักการควบคุมอารมณ์ เมื่อเค้าเข้าใจสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็จะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

3. ต้องให้ลูกรู้จักความล้มเหลว ความผิดพลาดบ้าง "ผิดเป็นครู" ผมเชื่อว่าทุกคนเคยผ่านความผิดพลาดมาด้วยกันทั้งนั้น การผิดพลาดไม่ใช่เรื่องที่ไม่ควรเกิด แต่เมื่อมันเกิดขึ้น เราต้องสอนให้เค้ารู้จักการยอมรับมัน และนำมาซึ่งการแก้ไขปัญหา หรือการเรียนรู้ในความผิดพลาดนั้น หากแต่ไม่ใช่การปล่อยปะละเลยในสิ่งที่ผิดพลาด แต่ต้องไม่ดุด่าจนเค้ากลัวที่จะทำอะไรต่อ การที่ทำให้ลูกได้มีประสบการณ์ชีวิตที่ดีที่สุด ไม่ใช่การป้อนข้อมูลให้ลูก เพราะลูกไม่ใช่คอมพิวเตอร์ หรือหุ่นยนต์ที่เราอยากให้มันทำอะไร เราต้องป้อนคำสั่งเข้าไป แต่ลูกควรจะได้เรียนรู้ ได้รับรู้ จากการกระทำ และผลของการกระทำของเค้า

ผมยกตัวอย่างเคสที่ผมเคยเจอ 2 เคสนะครับ เคสแรก ลูกกำลังนั่งกินข้าวอยู่ แล้วก็หกเลอะเทอะเต็มไปหมด แม่ก็ดุด่าว่ากล่าวทันทีด้วยเสียงดัง พร้อมกับตีลูกของเค้า เพื่อให้ลูกกลัว แล้วก็ไม่สนใจข้าวที่มันหกไป ปล่อยให้พนักงานมาทำความสะอาดทีหลัง กับเคสที่ 2 ลูกทำข้าวหกเหมือนกัน แม่ทำการขอไม้กวาดจากทางร้าน แล้วบอกลูกว่า เห็นมั้ยคะ ถ้าหนูกินข้าวหก ร้านเค้าก็จะเลอะเทอะ เราก็ต้องช่วยเค้าทำความสะอาด แต่ถ้าหนูกินดีๆ อ้าปากคำโดๆ ไม่พูดขณะเคี้ยวข้าว ข้าวมันก็จะไม่หก เราก็ไม่ต้องช่วยทางร้านเค้าทำความสะอาดเพิ่มเติมนะลูก

เห็นมั้ยครับ แม้ลูกจะทำเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันอาจต่างกัน ลูกคนแรกอาจจะไม่อยากกินข้าว เพราะกลัวว่าจะทำหก แถมยังไม่เข้าใจอีกว่าหกแล้วจะทำให้ใครเดือดร้อน แต่ลูกของแม่คนที่ 2 ก็จะเข้าใจว่าทำไมถึงไม่ควรทำข้าวหก และควรจะทำอย่างไรไม่ให้ข้าวที่เค้ากินหกเลอะเทอะ

Eat

4. สอนให้เค้าภูมิใจในสิ่งที่เค้าทำสำเร็จ เรื่องนี้ผมเคยเจอเหตุการณ์นึง ที่ลูกของผมแค่เก็บของเล่นเป็นระเบียบเรียบร้อย สิ่งที่เกิดขึ้นเค้าภูมิใจมาก และเดินอวดไปทั่วบ้านเลย "อากง อาม่า ป๊า ม๊า หนูเก็บของเล่นเองด้วย" ถ้าตอนนั้น คนในบ้านผมพูดว่า อ้าวก็ปกตินิ นั่นมันหน้าที่หนูนะ เค้าก็คงจะรู้สึกเฉยๆหรืออาจจะเศร้านิดๆใช่มั้ยครับ แต่ทุกคนในบ้านพูดว่า เก่งมาก เรียบร้อยมากเลย และหนูต้องเก็บแบบนี้ทุกครั้งนะคะ ของมันได้หาง่ายๆ และหนูจะได้ไม่เดินสะดุดหกล้มด้วย คำพูดนั้น ถูกใช้มาเรื่อยๆในบ้านผมเอง และผมเชื่อว่าที่ทุกวันนี้ของเล่นเค้าไม่ค่อยหาย ไม่ค่อยเสีย และค่อนข้างเป็นระเบียบ เพราะเค้าคิดตลอดว่า ถ้าเค้าเก็บของเล่น เค้าจะเป็นเด็กที่เก่งมากๆคนนึง เห็นมั้ยครับ ว่ากับเรื่องเล็กๆน้อยๆ แค่นี้ ถ้าเค้าภูมิใจที่จะทำ มันไม่ยากเลยที่จะสอนเค้าว่าต้องทำอะไร ไม่ต้องทำอะไร

Play

5. สอนให้เค้าเข้าใจในผลลัพธ์ แทนที่จะต้องทดลองเอง อย่างที่ผมบอกครับ Fear Motivation ไม่ใช่เรื่องไม่ดีทั้งหมด แต่บางเรื่องเราก็สามารถเอา "ความกลัว" มาสอนเค้าได้ เช่น สัตว์บางชนิดที่เค้าควรรู้ว่าเค้าไม่ควรเข้าใกล้ ผมยกตัวอย่างเช่น พวกสัตว์มีพิษ อย่าง งู ผึ้ง หรือตะขาบ ที่เราจะเจอได้ตามบ้านเรือนทั่วๆไปแล้วกันนะครับ ผมใช้วิธีการบอกเค้าครับว่า นี่มันคือ งูนะ ผึ้งนะ หรือตะขาบนะ และใช้วิธีการเปิดสารคดีสัตว์พวกนี้ให้เค้าดูบ้าง ว่าพิษของมันร้ายแรงแค่ไหน โดนแล้วมันจะเป็นอย่างไร เวลาเราเผชิญหน้ากับมันต้องหนี หรือต้องทำตัวอย่างไร เพราะอย่างที่ผมบอกครับ บางอย่างถ้าเอาประสบการณ์จริง มันก็ได้ไม่คุ้มเสียไปทั้งหมด

จากที่เล่ามาทั้ง 5 ข้อนี้มันยังมีอีกหลายข้อ หลายปัจจัยนะครับ ที่สามารถลดการสอนแบบ Fear Motivation ในเด็กได้ ที่สำคัญคือ เราไม่ควรปลูกฝังความกลัวให้เด็กเพียงอย่างเดียว แต่ควรต้องสร้างความเข้าใจที่อาจจะมาจากประสบการณ์ตรง และอ้อม ให้เค้าด้วย เพื่อให้เค้ามีเหตุและผลในการดำเนินชีวิต ไม่หลงกลสิ่งต่างๆที่ปัจจุบันมีมาก และผมเชื่อว่าในอนาคตก็จะมีมากขึ้นไปอีก

Play

สุดท้ายนี้ ขอจบสั้นๆว่า ลูก ของเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่าเอาความคิดจากการอ่าน จากการฟัง ไปให้ลูกของเราแต่เพียงอย่างเดียว พยายามเข้าใจเค้า อย่างที่เค้าเป็น แล้วเราจะอยู่กับลูกของเราอย่างมีความสุข และลูกของเราเองก็จะเติบโตอย่างมีคุณภาพครับ

อ้างอิงรูปหน้าปกจาก https://pixabay.com/ : zapCulture ตกแต่งใส่หัวข้อโดยผู้เขียน

อ้างอิงรูปประกอบจาก https://pixabay.com/ : ภาพที่ 1: ambermb , ภาพที่ 2 : jatocreate , ภาพที่ 3 : dhanelle , ภาพที่ 4 : HaiBaron , ภาพที่ 5 : FeeLoona

*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*

ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`

cover anime

คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkq

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQ

ร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์