เพลง

'Given-Taken' จุดเริ่มต้นเรื่องราวของเหล่าเจ้าชายแห่งรัตติกาล 'ENHYPEN' 👑🧛🏻

1.8k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
'Given-Taken' จุดเริ่มต้นเรื่องราวของเหล่าเจ้าชายแห่งรัตติกาล 'ENHYPEN' 👑🧛🏻

อั่นยองฮาเซโย ยอรอบุน หลังจากที่เราได้รู้จักกับสมาชิกวง ENHYPEN ทั้ง 7 คนจากบทความ 'ส่องประวัติ ENHYPEN หรือหนุ่ม ๆ ยัติภังค์ เหล่าเจ้าชายแห่งรัตติกาล' กันไปแล้ว ต่อไปเรามาดูกันดีกว่าครับ ว่า จุดเริ่มต้นในการเล่าเรื่องราวของพวกเขาผ่านผลงานเพลงนั้นจะเป็นอย่างไร ต้องการที่จะสื่อสารอะไรบ้าง ตั้งแต่เพลงไตเติ้ลแรก ‘Given-Taken’ ในอัลบั้มแรก ‘Border : Day One’

[Disclaimer! ขอออกตัวก่อนเลยหนึ่ง!]

ก่อนอื่นคอสมอสขอ Disclaimer ไว้ก่อนเลยนะครับว่า คอสมอสเองไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านงานภาพ งานเพลง หรือศาสตร์แห่งการสื่อสารใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้การเล่าเรื่องราว และการตีความหมายทั้งหมดจากเพลง เกิดจากมโนจิตของคอสมอสล้วน ๆ หากมีสิ่งไหนผิดพลาด ก็ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าเลยนะครับ (ใด ๆ ก็คือเข้ามาแชร์ และ Educate กันได้ที่ SNS ของคอสมอสเลยนะครับ)

Advertisement

Advertisement

[BORDER : DAY ONE - เขตแดน : อรุณแรกแห่งฝัน]

มินิอัลบั้มแรกของหนุ่ม ๆ ENHYPEN อย่าง ‘BORDER : DAY ONE’ จะนำพาทุกท่านเข้าสู่ดินแดนชายขอบ ณ ทางแยกระหว่างความจริง และสิ่งที่ใฝ่ฝัน โดยคอนเซ็ปต์หลักคือ ‘DUSK-DAWN’ หรือก็คือ ‘รุ่นอรุณ’ และ ‘สนทยา’ นั่นเอง เรียกได้ว่าแค่ชื่อคอนเซ็ปต์ก็ชวนให้ลุ่มหลงแล้ว ผนวกกับ Title Song ‘Given-Taken’ ที่บอกเล่าเรื่องราว การเลือกทางเดินของเหล่า ENHYPEN ระหว่างมุ่งสู่ดินแดนรุ่งอรุณแห่งความฝัน เพื่อกลายเป็นผู้กุมอำนาจแห่งโชคชะตา (Given)หรือ เลือกที่จะหวนกลับคืนสู่แดนสนทยาเพื่อใช้ชีวิตดังถูกชะตากำหนด (Taken) คอสมอสขอบอกเลยว่าทั้งงานภาพ และความหมายในเพลงนี้คือที่สุด! [เกียมจินตนาการของทุกท่านให้ดี ๆ เพราะหลังจากนี้ เนื้อหาปังมาก]

ENHYPEN BORDER DAY ONE

[Title song : Given-Taken (ผู้ให้-ผู้รับ)]

Advertisement

Advertisement

ก่อนอื่นคอสมอสอยากให้คุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ได้ฟังเพลงพร้อมดู MV นี้กันก่อน ถ้าจะให้ดี คอสมอสแนะนำให้ฟังซ้ำกันสักสองรอบครับ ^^ เพื่อเสพงานภาพในรอบแรก และเปิดซับ ดูความหมายเพลงในรอบที่สอง จะได้ไม่งงเวลาคอสมอสพูดถึงส่วนไหนในเพลงนะครับ

[คอสมอส K-Smith ขอตีความเรื่องเล่าจากเพลง]

เริ่มเพลง (Starter)

เรื่องราวทั้งหมดถูกเล่าย้อนผ่านอดีตตัวตนทั้ง 7 รูปแบบของเหล่า ENHYPEN จากการบอกว่า พวกเขาเป็นใคร อยู่ที่ไหน และกำลังทำอะไรกันอยู่ พอเพลงเริ่มบรรเลงด้วยเสียง ‘Harpsichord’ ที่ดังขึ้น ก็เผยให้เห็นภาพฟิล์มสีโทนเย็นและมีนอยส์นิด ๆ ตัดมายังห้องโถง บรรยากาศอึมครึม ทำให้รู้สึกถึงความเย็นยะเยือก พร้อมเหล่า ENHYPEN ในคราบชุดนักเรียนสมัยวิคตอเรียนที่กำลังหลับตา แต่กลับอยู่ในท่วงท่าที่ไม่ใช่การนอน [แหม่แค่ท่านอนยังไม่ธรรมดาเลย เจ้าชายรัตติกาลของเรา]

Advertisement

Advertisement

ณ จุด ๆ นี้คอสมอสก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า จะเรียกสถานที่นี้ว่าอะไร เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นสถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียน ไม่ก็เป็นโรงพยาบาลจิตเวชในยุค 80s (ซึ่งส่วนมากมักจะดูเหมือนเป็นบ้านแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นบ้านสักเท่าไหร่) เพราะลักษณะภายในตัวอาคารนั้น แทบจะไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ‘ทางออก’ เลยสักนิด ดูน่าอึดอัดไปหมด แม้แต่หน้าต่างก็ยังถูกปิดกั้นด้วยกระจกหนา พร้อมมีม่านกั้นพอให้มีแสงได้ลอดผ่านลงมาได้บ้าง

ENHYPEN GIVEN-TAKEN[Hidden Message 1] - จากการตีความช่วงเริ่มเพลง คอสมอสคาดว่า ในส่วนภาพน่าจะอยากนำอารมณ์เราให้ไปสู่ความสงสัย งุนงง อยากรู้อยากเห็นว่าเด็กทั้งเจ็ดคนนี้เป็นใคร และเมื่อได้ดูความหมายเพลงในช่วงต้น ก็เข้าใจได้เลยว่า เด็ก ๆ ก็กำลังสงสัยในตัวเอง และตกอยู่ในวังวนความคิดเช่นกันครับ สังเกตุได้จากท่อนร้องของเจย์ ที่คอสมอสแปลได้จากสกิลภาษาที่น้อยนิดนี้ได้ความว่า…

  • Countless stars, countless moons - ภายใต้ดวงดาราและจันทราอันสุดคณานับ (บอกกล่าวถึงกาลเวลาอันเปลี่ยนผัน)”
  • I was wandering in the woods of questions - ผมกำลังหลง เวียนวนอยู่ในพนา(ป่า)แห่งคำถาม”

นั่นก็หมายความว่า พวกเขากำลังหลงงุนงน และตั้งคำถามกับตัวเองในสิ่งที่พวกเขาเป็นอยู่ครับ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาตอบตัวเองได้อย่างแน่ชัดเลยก็คือ การทำตามความฝัน เป็นแสงนำทางให้รอดพ้นจากการพลัดหลงอันยาวนานในป่าแห่งคำถามนี้ ซึ่งเพลงก็ได้ให้คำตอบในท่อนที่เจคร้องอยู่แล้วครับว่า

  • I followed the light in the dark - ผมเดินตามแสงที่สาดส่องในความมืด” (ซึ่งคำว่าแสงนี้ น่าจะเปรียบว่าเป็น ‘ความใฝ่ฝัน’ ครับ แสงสุดท้ายก็มา 1)

ต้นเพลง (Introduction)

(วกกลับมาสู่งานภาพ) ทุกอย่างก็เริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อเข้าสู่วินาทีที่ [0:42] ได้เผยให้เห็นว่า ที่นี่คือสถานกักกัน เป็นกรงขังชั้นดีสำหรับกลุ่มคนพิเศษ พิจารณาได้จากซีนที่เจย์กับเจคกำลังยืนจ้องมองและพูดคุยกันอยู่ในห้องที่มีเพดานเป็นกรงขัง กับอีกหลาย ๆ Setting ที่แต่ละห้องมักจะมีลูกกรงปิดกั้นเสมอ

อีกหนึ่งซีนสำคัญ! ที่บอกเรื่องราวผ่านห้องสีส้มของซองฮุนว่า นอกจะถูกกักกันด้วยสถานที่แล้ว ยังมีคำว่า ‘FATE’ หรือ ‘โชคชะตา’ ในวินาทีที่ [0:47] สีแดงฉาดฉาน คอยโผล่ออกมาเล่นงานพวกเขาด้วย นั่นก็เปรียบเทียบได้เลยว่า พวกเขากำลังฟันฝ่ากับข้อกำหนดแห่งโชคชะตา ที่คอยขีดเส้นทางชีวิตมาอีกด้วยหนึ่งแมตช์ [แค่เริ่มเรื่องยังปังขนาดนี้แล้วพ่อคู้ณณณณณณ]

ENHYPEN JAKE AND JAY[Hidden Message 2] - จากจุดเริ่มต้นจนถึงตอนนี้ คอสมอสตีความได้ว่า การใช้กรงในแต่ละห้องอาจเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึง บททดสอบบางอย่างที่กำลังควบคุม และครอบงำพวกเขาทั้ง 7 คนไว้ เพื่อไม่ให้มีอันตรายเล็ดลอดออกมา เพราะบางคนอาจจะมีพลังล้นเกินต้าน หรือควบคุมได้ เช่นเดียวกันกับซีนที่นิกิถูกล่ามโซ่ตรวนอยู่ด้วย

ทั้งนี้คอสมอสก็ได้ใช้มโนจิตเปรัยบเทียบกับ Story Line ของ ENHYPEN ได้ว่า สถานที่แห่งนี้ก็น่าจะเหมือนกับรายการ 'I-LAND' หรือไม่ก็ค่ายเพลง ที่กำลังฟูมฟัก และให้บททดสอบแก่พวกเขา ผ่านระบบที่เรียกว่า ‘Trainee System’ อันเป็นหนึ่งในอุปสรรคสุดหินสำหรับคนที่อยากจะเป็นศิลปิน ต้องผ่านมันไปให้ได้ เพื่อเติบใหญ่ และมีชื่อเสียงในภายภาคหน้า

อีกทั้งคำว่า ‘FATE’ นั้นก็เหมือนกับโชคชะตาที่เหล่า ENHYPEN จะต้องเผชิญอยู่แล้ว ซึ่งบางรั้งไม่อาจคาดเดาได้ เช่นเดียวกับตอนที่อยู่ในรายการ I-LAND ที่ล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยงที่เดิมพันด้วยอนาคต ผ่านสิ่งที่เรียกว่า ‘คะแนนโหวต’ หรือการเลือกจาก ‘Producer’ อีกด้วย

กลางเพลง (Build Up)

และแล้วเหตุการณ์ทั้งหมดก็ค่อย ๆ คลี่คลายปมลง โดยภาพได้เฉลยถึงลักษณะพิเศษของหนุ่ม ๆ ยัติพังค์ ในนาทีที่ [1:01] เป็นต้นไป ว่า เด็กทุกคนล้วนมีพลังแอบแฝง แสดงออกผ่านซีนที่นิกิกำลังคลืบคลานออกมาจากความมืดพร้อมมีโซ่พันธนาการข้อเท้าเอาไว้ เผยให้เห็นถึงความกระเสือกกระสน ทรมาน ในการเปลี่ยนแปลงเป็น 'Inhuman' [ซึ่งถ้าเป็นเด็ก ๆ ธรรมดาก็คงไม่ต้องมีโซ่มารั้งไว้ ถูกไหมครับ? 555] และเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อที่จะเอาชนะมันไปให้ได้ ประกอบกับซีนของซองฮุนที่กำลังมองเปลวไฟที่แผดเผาอยู่บนมือเขาอย่างน่าสงสัย เป็นสัญญะโดยนัย บอกถึงความเป็น 'Immortal' อีกด้วย

ENHYPEN SUNGHOONแต่ก็ใช่ว่าทุกคน จะยอมรับความพิเศษที่ตนมีนี้ง่าย ๆ เพราะใน MV ได้เล่าถึงการปฏิเสธ หรือไม่ยอมรับในตัวตน เช่น ฉากที่ฮีซึงทานยา ในนาทีที่ [1:20] แต่การกระทำเหล่านั้น ก็ไม่สามารถปิดกั้นหรือบดบังความสามารถที่เขามีอยู่ไว้ได้ เพราะดูเหมือว่า ยิ่งหลบหนีมันเท่าไหร่ก็ต้องทรมานกับการขัดขืนใจของตนเองมากขึ้นเท่านั้น

ENHYPEN HEESEUNG[Hidden Message 3] - จากจุดนี้คอสมอสขอตีความว่า ลักษณะพิเศษหรือพลังต่าง ๆ นั้น ก็เปรียบเสมือนกับความสามารถของการเป็นศิลปินที่พวกเขาแต่ละคนมี แต่อาจจะต้องได้รับการฝึกฝน หรือถูกขัดเกลาให้งดงาม ก่อนที่จะเดินบนเส้นทางแห่งการเป็นศิลปินได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งสิ่งที่มักจะเป็นคำถามใหญ่ที่สุดของการเป็นศิลปิน นั่นก็คือ ‘การละทิ้งชีวิตปรกติอันแสนธรรมดา’ จึงทำให้พวกเขาสับสัน กดดันตัวเอง พร้อมทั้งตั้งข้อสงสัยว่า การที่เขายอมทุ่มเทแรงกายและแรงใจเพื่อเลือกทางเดินนี้ จะเป็นเส้นทางที่ตัวเองต้องการจริงหรือไม่ เหมือนกับเนื้อหาของเพลงในท่อนที่นิกิและเจคร้องว่า

  • Between giving and taking - ระหว่างการเป็นผู้ให้และผู้รับ”
  • It’s time for my proving - มันถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องพิสูจน์”
  • We’ve been waiting for that sky - เพื่อมุ่งสู่ท้องนภาที่เราเฝ้ารอคอย”

ท้ายเพลง (Peak)

เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดชนวนก่อนเข้าสู่ Climax แสดงให้เห็นถึงการยอมรับในสภาวะ และตัวตนที่พวกเขาไม่อาจเก็บซ่อนเอาไว้ได้ จึงเลือกที่จะเรียนรู้และควบคุมมัน เช่น ซีนที่ นิกิ กำลังลอยอยู่กลางห้องโถงโดยไม่มีโซ่ล่ามไว้ ในนาทีที่ [1:42] และภาพก็ได้ตัดมายังห้องของซอนอู ที่กำลังนั่งอยู่กับจองวอน ในนาทีที่ [1:52] เป็นการเฉลยปมทั้งหมดไว้ว่า พลังพิเศษเหล่านี้คือลักษณะของ ‘แวมไพร์’ [แหม่ กว่าจะเฉลยเล่นเอาคอสมอสคิ้วขมวดเป็นปมเลย] ทั้งนี้ ซอนอูก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้จองวอน เพื่อหวังจะกัดตรงกลางลำคอ แสดงออกถึงความความอยากรู้อยากเห็น และความกระหายเลือดในวัยแรกเริ่มของการเป็นแวมไพร์อีกด้วย

ENHYPEN NIKIซึ่งในซีนของซอนอูนี้ ถ้ามองดูดี ๆ จะเห็นว่ามีเก้าอี้ตัวหนึ่งกำลังโยกอยู่ คอสมอสขอเดาว่า น่าจะเป็นฮีซึงที่กำลังนั่ง เพราะความสามารถของเขานั้นเป็นการ ‘ล่องหน’ ส่วนนี้คอสมอสเดาจาก ซีนก่อนหน้า ที่ฮีซึงลุกขึ้นยืนกลางโต๊ะอาหาร [นาทีที่ 1:12] แต่ก็ไม่ได้มีใครสังเกตุหรือจ้องมอง พฤตกรรมอันแปลกประหลาดนี้เลย [เป็นไปได้ว่า อีกหกคนที่เหลือนั้นมองไม่เห็นฮีซึงนั่นเอง ถูกต้องนะค้าบบบ!]

ทั้งนี้ จากภาพเดี่ยวของจองวอนนาทีที่[2:05] คอสมอสสังเกตได้ว่าน้องยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดดได้ก็จริง แต่ก็ยังมีควันบาง ๆ กำลังลอยล่องอยู่ด้านหลัง เป็นสัญญาณที่บอกได้ถึงปฏิกิริยาของร่างแวมไพร์ที่มีต่อแสงแดด ล้วนแล้วแต่เป็นคาแรคเตอร์ทั่วไปของของแวมไพร์ตามนิทาน หรือตำนานต่าง ๆ ของวรรณกรรมยุโรปยุคกลาง [ว่าซ่านนนน ดูมีความรู้ 1]

ENHYPEN SUNOO AND JUNGWON[Hidden Message 4] - จากจุดนี้คอสมอสขอตีความว่า ลักษณะของการเป็น Inhuman หรือ Immortal อย่างเช่น ‘แวมไพร์’ เนี๊ยะ ก็เป็นอัตลักษณ์อย่างหนึ่งบ่งบอกถึง ‘ความแตกต่าง’ จากสามัญมนุษย์ (คนทั่ว ๆ ไป) เมื่อนำคำว่า ‘แวมไพร์’ มาเปรียบเทียบกับคำว่า ‘ศิลปิน’ แล้ว ก็ค่อนข้างที่จะ Makes so sense สำหรับคอสมอส ตรงที่ว่า ศิลปินหรือไอดอล ก็มักจะถูกวาดภาพว่ามีตัวตนที่แตกต่าง และโดดเด่นขึ้นมาจากคนธรรมดาทั่วไปอยู่เสมอ ดังนั้นคอสมอสเขาเดาเลยว่า Message ที่พวกเขาต้องการจะสื่อสารก็คือ การเปรียบเปรยว่าการได้เป็นแวมไพร์ ก็เหมือนกับการได้เดบิวต์เป็นไอดอลหรือศิลปิน นั่นเอง

ซึ่งถ้าลองมโนลึกลงไปอีก คาแรคเตอร์ต่าง ๆ ของแวมไพร์ ก็เปรียบเสมือนลักษณะของ ‘ชื่อเสียง’ หรือผลงานของศิลปินอันเป็นนิรันดร์ ถึงแม้ภายภาคหน้าเมื่อหนทางของการเป็นศิลปินจะสิ้นสุดลง ดั่งลักษณะของแวมไพร์ที่หมดลมหายใจ (Inhuman)แต่ผลงานของเขาก็จะยังคงเป็นนิรันดร์ (Immortal) เห็นได้ชัดจากตัวอย่างศิลปินหลาย ๆ คนที่เราอาจจะคุ้นเคยชื่อของพวกเขาเหล่านั้นกันดี เช่น Michael Jackson, Whitney Houston หรือแม้แต่ Marilyn Monroe เป็นต้น ที่ถึงแม้พวกเขาจะจากโลกใบนี้ไปแล้วเหมือนการสิ้นอายุไขความเป็นคนของแวมไพร์ แต่ผลงานของพวกเขายังคงอยู่ให้เราได้ชื่นชมเป็นนิรันกาลเหมือนกับความเป็นอมตะของแวมไพร์ จวบถึงปัจจุบัน

ENHYPEN IMMORTAL

จบเพลง (Finale)

และแล้วเรื่องราวในเพลง Given-Taken ก็ได้เข้าสู่ช่วง Climax ตั้งแต่นาทีที่ [2:42] เป็นต้นไป อันเผยให้เห็นการต่อสู้ระหว่างเหล่าเจ้าชายรัตติกาล (ENHYPEN)หลังจากตัดสินใจเลือกข้ามเส้นกั้น (Border) ผ่านพรมแดนในใจ มุ่งไปยังรุ่งอรุณแห่งความฝัน ทำให้ต้องเผชิญหน้ากับโชคชะตาที่เสียดแทงลงมาดั่งสายฝน ซึ่งใน MV เราจะได้เห็นพฤติกรรมเชิงสัญลักษณ์บอกถึงการต่อสู้ และไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ผ่านการง้างศรลมของพวกเขายิงสวนไปยังท้องฟ้า สื่อสารออกมาเป็นนัย ๆ ว่า พวกเขาจะไม่ย่อท้อต่อโชคชะตาบนเส้นทางนี้เด็ดขาด ซึ่งก็ได้สอดคล้องกับเนื้อเพลงท่อนฮุคร้องว่า

  • (To you) In the shower of fate’s arrows - (ถึงตัวฉันในอีกฟากฝั่ง) ท่ามกลางศรแห่งโชคชะตาอันเป็นสายฝนอันที่โหมกระหน่ำ”
  • (To) I face the horizon inside me - (สู่) ดินแดนเส้นขอบฟ้าที่ผมกำลังเผชิญหน้าอยู่”
  • (Free) Given or Taken - (อิสระภาพ) ผมควรจะเป็นผู้ให้หรือควรจะรับมันไว้กันนะ”

ทั้งนี้การตัดสินใจในการเลือกเส้นทางของเหล่า ENHYPEN ว่าจะเป็น Given หรือ Taken ก็ได้สิ้นสุดแล้ว และได้เลือกที่จะเป็นผู้กุมชะตาของตัวเอง (Given) แล้วโดยสิ้นเชิง ผ่านสัญญะที่พวกเขาทั้งเจ็ดได้ยิงศรแห่งโชคชะตาขึ้นไปบนฟ้า ท้าลมกับอุปสรรคอันเป็นเสาหลักที่คอยขัดขวางอยู่ เข้าสู่การเป็น Immortal อย่างเต็มตัว ด้วยภาพโฟกัสดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ พร้อมทั้งกับฝูงค้างคาวบินวนว่อนสื่อถึงแวมไพร์ (เจ้าชายแห่งรัตติกาล) จบไปได้สวยงามด้วย Hook สุดท้ายที่ร้องว่า

  • (To you) I flip over the world - (ถึงตัวฉันในอีกฟากฝั่ง) ผมจะพลิกโลกนี้ให้กลับตาลปัตร
  • (To) I step into the sky - (สู่) ผมจะก้าวข้ามและโบยบินไปสู่ท้องนภา”
  • (Me) Given or Taken - (อิสระที่ได้เป็นตนเอง) ผมควรจะเป็นผู้ให้หรือควรจะรับมันไว้กันนะ”

ENHYPEN WITH FATE ARROWS[Hidden Message 5] - ซึ่งหลังจากที่คอสมอสได้ดู MV เพลง ‘Given-Taken’ จบแล้วนั้นบอกได้คำเดียวเลยว่า “โอ้พระเจ้า! นี่ฉันกำลังนั่งดูภาพยนตร์แฟนตาซีสุดอลังก์อยู่ใช่ไหม?” ใด ๆ เลยคอสมอสขอตีความแบบสรุปว่า ‘Given’ หรือ ‘ผู้ให้’ เนี๊ยะก็เปรียบเสมือนเส้นทางของการเป็นศิลปิน ซึ่งเป็น ‘ผู้ให้’ และ ‘ให้’ ในที่นี้ก็คือ การให้ผลงาน และการสร้างตำนานผ่านงานดนตรีศิลป์

ส่วนคำว่า ‘Taken’ หรือ ‘ผู้รับ’ ก็เปรียบเสมือนกับการใช้ชีวิตให้ไหลไปตามกระแสของโชคชะตา เป็นปรกติชน คนธรรมดาทั่วไป ที่เพียงแค่ชื่นชอบในงานดนตรี แต่ไม่เคยได้ผลิตชิ้นงานออกมา ซึ่งเป็นส่วนสนับสนุน Given ซึ่งก็สำคัญเช่นกัน แต่เพียงแค่พวกเขาก็จะใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีความแตกต่าง บนเส้นทางเรียบขนานชายขอบทอดยาวต่อไปไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน

ENHYPEN CHOOSE TO BE GIVEN[This is how I feels - ความรู้สึกที่มีต่อเพลงนี้]

คอสมอสรู้สึกชอบเพลงนี้เลยทันที่ที่ได้ฟังในครั้งแรก (ไม่ได้โอเวอร์นะ แต่มันรู้สึกปิ๊งจริง ๆ อะ เหมือนโมเมนต์ของการตกหลุมรักเลย ^^) เนื่องจากมีเมโลดี้ของ Harpsichord ที่หมุนวนเป็นเหมือนเสียงวิ้งวั้งคอยกล่อมประสาท พร้อมท่อนฮุคที่ติดหูภาพการแสดงที่ติดตา โดยเฉพาะท่อนฮุคที่บอกว่า “Oh I walk to you - โอ้ ผมกำลังก้าวเดินไปหาคุณ” ณ จุด ๆ นี้คือขนลุกมาก นี่แค่ท่าเดินจำเป็นต้องเล่นใหญ่รัชดาลัยอะไรเบอร์นั้นหละ [โอ่ยยยย หัวใจของฉันรับมันไม่ไหวแล้วพ่อจ๋า]

ส่วนเรื่องเนื้อเพลง และความหมายโดยรวมคือ ดี แบบดีมาก ๆ ประกอบกับภาพใน MV ก็จัดได้ว่าค่อนข้างสมบูรณ์แบบสำหรับคอสมอสเลย ทั้งสไตล์ที่ค่อนข้างถูกโฉลก กับคอนเซ็ปต์ภาพฟิล์มสมัย 80s และคอสตูมที่สื่อความหมายพร้อมทั้งเชื่อมโยงกับห้วงของเวลาในเพลงได้อย่างดีเยี่ยม และยิ่งเรื่องเพอร์ฟอร์มแมนซ์ และการแสดงสีหน้าของน้อง ๆ คือไม่ต้องพูดถึง 10 10 10! ไปเลยจ๊ะ ทั้งเสียงร้อง ทั้งไลน์เต้น สีหน้าและแววตาคือกินขาดมากกกก ก.ไก่ล้านตัว เอาใจพี่ไปเล๊ยน้อง นายแน่มาก ‘ENHYPEN’ สมแล้วที่เป็น Rookies of the Year (2020) ที่แม้จะเดบิวต์ได้ไม่นานก็ตาม ทั้งยังกวาดรางวัลไปแล้วเกือบครึ่งโหล น่าชื่นชมจริง ๆ [ณ จุด ๆ นี้คือยื่นใบสมัครเป็น ENGENE แล้วหนึ่ง!]

สุดท้ายนี้คอสมอสเองก็หวังว่าทุกคนจะได้เห็นถึงตัวตนของน้อง ๆ ผ่านมุมมอง และความคิดเห็นส่วนตัวของคอสมอส สู่การเล่าเรื่องราวผ่านปลายปากกาในครั้งนี้ และขอฝากเหล่าเจ้าชายแห่งรัตติกาลทั้ง 7 ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของเหล่าคุณนักอ่านทั้งหลายด้วยนะครับ และหากใครที่ชื่นชอบในงานเขียนของคอสมอสหละก็ สามารถเป็นกำ(ลัง)ใจ กำลังไฟ 🔥 ให้คอสมอสด้วยการแชร์ และติดตามบทความถัดไปของคอสมอสด้วยนะครับ

ENHYPEN ALL TOGETHER"แล้วพบกันใหม่ อั่นยองงงงงงงง"

เพื่อน ๆ สามารถเข้ามาพูดคุยและอัปเดตข่าวสารวงการ K-Pop กับคอสมอส ได้ที่คอมมูนิตี้ 'TrueID Entertainment' ในแอป True ID ของทาง True ID In-trend ได้เลยนะครับ

บทความอื่นที่น่าสนใจจาก KO$MO$ :

Official SNS ของหนุ่ม ๆ ENHYPEN :

SNS ของ KO$MO$ :

เครดิตภาพ : [ภาพทั้งหมดถูกแก้ไข โดย KO$MO$]

เครดิตวิดีโอ :

*STAR COVER "อย่ามัวแต่ดู มาดังกัน"* ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟให้เหมือน นักแสดงนำซีรีส์ "คืนนับดาว" คิมหันต์ (ไบร์ท), นับดาว (ใหม่ ดาวิกา) หรือ แทนคุณ (ออฟ จุมพล)พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลก์คนที่ชอบ ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี

Cover

คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkq

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQ

STAR COVER คืนนับดาว ส่งภาพเข้ามาได้วันนี้ ถึง 15 มิถุนายนนี้

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์