อื่นๆ

Hypnosis สะกดจิต ใครว่าเข้าใจยาก...

191
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
Hypnosis สะกดจิต ใครว่าเข้าใจยาก...

*** เครดิตปก : pixabay.com


หลายครั้งที่เราดูโทรทัศน์ มักจะมีโฆษณาเกี่ยวกับการแสดง หรือเล่นมายากลให้ได้รับชม ตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ ตอนเด็ก ๆ เรามักจะนึกไม่ออกว่าอันไหนจริง อันไหนคือการแสดง มักจะเปรียบผู้แสดงเหมือนดั่งกับเทพเจ้า หรือผู้ทรงภูมิที่มีอิทธิฤทธิ์ เพราะว่าในการแสดงแต่ละครั้ง ผู้เขียนสังเกตเห็นว่าผู้แสดงมักจะเปรยตัวเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ จนสามารถทำให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้ ก็นับว่าน่าอัศจรรย์ใจมากเลยทีเดียว ที่พวกเขาเหล่านั้นทำในสิ่งที่เหนือเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะทำได้ เช่น มายากลการทายไพ่ หรือให้ไพ่ทายเลขออกมาให้ตรงกับที่อยากให้เป็น ในวิธีการนี้มีการสาธิตเคล็ดลับวิธีอยู่ว่า การใช้ความไวและลวงตาสะกดจิตให้ผู้ชมเหมือนต้องมนตร์สะกดว่า ผู้แสดงนั้นได้สลับไพ่ตามปกติ โดยไม่ให้รู้ตัวว่าสับเปลี่ยนไพ่ที่เป็นเลขที่กำหนดนั้น ๆ ไว้แล้ว ดังนั้นการที่ให้ผู้ชมถูกเบี่ยงเบนความสนใจ หันเหไปในจุดใดจุดหนึ่งนั้นเองแหละ ที่เป็นประโยชน์ผลพวงจากการสะกดจิต ( Hypnosis ) อย่างหนึ่งเพื่อให้จิตของผู้ชมจดจ่อกับสิ่งนั้น ๆ ให้คลาดสายตาจากกลลวงของพวกเขานั่นเอง ทุกการแสดงนั้นล้วนแต่จะต้องเกิดจากการฝึกฝน อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ให้เกิดความชำนาญ จนเชี่ยวชาญ อย่างแท้จริง จึงจะแสดงออกมาได้สมจริง

Advertisement

Advertisement

การสะกดจิต ( Hypnosis ) นั้น เป็นการที่ทำให้ผู้ถูกสะกดจิตตกอยู่ในสภาวะที่เคลิ้ม เหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น ( Trance ) คล้าย ๆ กับว่ารู้สึกตัว แต่ก็ไม่สามารถบังคับร่างกายได้ แต่จะถูกเหนี่ยวนำให้ทำตามสิ่งที่กระตุ้นให้เข้าสู่สภาวะนั้น หรือ ผู้สะกดจิต ( Hypnotist ) นั้นนั่นเอง และอีกตัวอย่างหนึ่งที่เราเห็นประโยชน์จากการสะกดจิตเช่นกัน คือ ในสมัยก่อนเรามักจะเห็นโยคี หรือผู้ที่ทรงศีลในต่างประเทศ เข้าสู่สภาวะจิตลำดับสูงด้วยการนั่งสมาธิ บำเพ็ญเพียรตบะ หรือสะกดจิตตนเองด้วยการชักนำจิตให้อยู่นิ่ง ในอารมณ์ใด อารมณ์หนึ่ง เพื่อไม่ให้จิตไหลไปสู่อารมณ์อันเป็นอกุศลอื่น ๆ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการเล่นมายากล กับจิตใจตัวเอง ที่ผู้เขียนมองว่าหากเราสามารถโน้มน้าวจิตใจเรา ให้เหมือนกับการสะกดจิตให้บอกตัวเองว่า เราทำได้ ๆ อย่างนี้ กำลังใจก็จะเกิดขึ้น และอุปสรรคต่าง ๆ ที่ขวางกั้นก็ไม่เป็นปัญหากระทบจิตใจเราได้เลย

Advertisement

Advertisement

ภาพที่ 1*** เครดิตภาพ : pixabay.com

ในปัจจุบัน การสะกดจิตมีมากมาย หลายแบบ แต่ส่วนใหญ่จะถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการแสดงมายากลเป็นหลักผู้ที่จะทำการแสดง จะฝึกฝนตนเองให้มีความว่องไว ให้ผู้ถูกสะกดจิตเกิดการเคลิ้มชั่วขณะ หรือเผลอลืมตัวชั่วครู่ ผู้สะกดจิตจะกระตุ้นเส้นประสาทส่วนปลายให้เกิดการกระตุก ( Nerve Shocked ) ลืมตัวชั่วขณะ แล้วทำให้สมองเกิดการตกใจ ( Shocked ) จดจำในสิ่งที่ผู้สะกดจิตได้กำหนดเอาไว้ เช่น มายากลสะกดจิตให้หลับอย่างรวดเร็ว( Rapid Sleep Hypnosis ) การให้ผู้ถูกสะกดจิตโค้งลำตัวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ อย่างนุ่มนวล แล้วผู้สะกดจิตจะผลักเบา ๆ ให้เหมือนกับว่ามีมือรองรับอยู่ข้างหน้า ทำแบบนี้สัก 2 - 3 ครั้ง ขณะที่ผู้ถูกสะกดจิตกำลังเคลิ้ม แล้วก็เปลี่ยนระดับการตั้งรับลดลงไปในทันที ทำให้ตกใจเล็กน้อย แล้วก็กระชากแขนเบา ๆ ขณะนั้น ประสาทส่วนปลายจะถูกกระตุก แล้วทำให้สมองตกใจ สภาวะ Trance ก็จึงเกิดขึ้นตามลำดับ

Advertisement

Advertisement

ภาพที่ 2*** เครดิตภาพ : pixabay.com

ผู้เขียนได้มีโอกาสลองฝึกมายากล เพื่อเบี่ยงเบนจิตใจคนดูให้หลงเชื่อด้วยคำพูดก่อนว่า ผู้เขียนเองสามารถที่จะบีบดินสอ แล้วให้มีน้ำหยดออกมาได้ เพียงแค่เอาดินสอมาถูที่บริเวณข้อศอกแค่ชั่วครู่เท่านั้น แต่ก็ปรากฏให้เห็นกันอย่างตะลึงงงกันไปว่า ผู้เขียนทำได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงนั้น มีสำลีที่ชุบน้ำ แนบซ่อนอยู่ตรงหลังใบหูอีกข้างไว้แล้ว อาศัยจังหวะที่คนดูไม่ทันได้สังเกต และความไวสลับเปลี่ยนมือให้สำลีมาอยู่ที่ดินสอนั่นเอง

ผู้อ่านจะเห็นว่าประโยชน์จากการสะกดจิตนั้น ไม่ได้มีเพียงเพื่อจะลวงจิตใจให้เกิดความเชื่อในสิ่ง ๆ หนึ่ง แต่กลับสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนไหว ถูกโน้มน้าว ชักจูงไปในทางที่ผิดได้โดยง่าย หากเราไม่รู้ทันกลลวงของผู้ที่เป็นมิจฉาชีพได้ จึงจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ อย่างทั้งทักษะ และความชำนาญ เพื่อให้จิตใจเรานั้นเข็มแข็ง มีสติรู้เท่าทัน สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างทันท่วงที ติดตามสรรสาระความรู้ และความบันเทิงที่หลากหลายได้ในบทความถัดไป ... :) JPMJ

ภาพที่ 3*** เครดิตภาพ : pixabay.com

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์