เพลง

Part1 ไขปริศนาใน Scream,BOCA,Odd Eye ความลับของจักรวาล Dystopia โดย Dreamcatcher

512
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
Part1 ไขปริศนาใน Scream,BOCA,Odd Eye ความลับของจักรวาล Dystopia โดย Dreamcatcher

จากบทความวิเคราะห์ MV BEcause ของสาวๆ Dreamcatcher เมื่อคราวที่แล้วได้ผลตอบรับจากเหล่าแฟนๆทั้งในแฟนด้อมและนอกด้อมรวมถึงเหล่าแฟนหนังและผู้ที่สนใจเรื่องการวิเคราะห์สตอรี่ของนิสาค่อนข้างดีเลยค่ะ ทำให้วันนี้นิสาเลยจะพาผู้อ่านกลับมาพบการวิเคราะห์ผลงานที่นับว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของสาวๆ 3 เพลง 3 อัลบั้ม ที่มีเรื่องราวเชื่อมต่อกันอีกเช่นเคย แต่ในครั้งนี้จะเป็นคนละสตอรี่กับเพลงอื่นๆที่ผ่านมานะคะ โดยในบทความนี้เราจะมาวิเคราะห์สตอรี่ Scream จากอัลบั้ม Dystopia : The Tree of Language , BOCA จากอัลบั้ม Dystopia : Lose Myself และ Odd Eye จากอัลบั้ม Dystopia : Road to Utopia และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมนิสาถึงตั้งชื่อบทความว่าความลับของจักรวาล Dystopia(ดิสโทเปีย) ก็เพราะว่าทั้งสามเพลงนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดนั่นเองค่ะ และถ้าคุณผู้อ่านพร้อมแล้วที่จะร่วมผจญภัยเพื่อหาทางออกจากดินแดนดิสโทเปียนี้พร้อมกับสาวๆ เรามาเริ่มกันเลยนะคะ

Advertisement

Advertisement

ก่อนอื่นเลยนิสาขอเกริ่นก่อนว่าทฤษฎีทั้งหมดคือสิ่งที่นิสาคิดและวิเคราะห์ขึ้นมาเองอาจไม่ตรงหรือไม่ถูกต้องทั้งหมดนะคะ และขออธิบายเรื่องของ Dystopia เพื่อให้ทำความเข้าใจง่ายๆก่อน ในความจริงคำว่าดิสโทเปียมักถูกใช้และถูกพูดถึงในทางการเมืองมากกว่าเพราะทฤษฎีนี้มักจะพูดถึงการสร้างเมืองจำลองสองอาณาจักรให้ชื่อว่า Utopia ซึ่งเป็นดินแดนในอุดมคติแสนสุขของใครหลายคน เราอาจจะนึกภาพไม่ออกว่ายูโทเปียคืออะไร แต่หากพูดถึง Dystopia แล้วละก็ทุกคนอาจจะ "อ๋อ" ขึ้นมาทันที เพราะนิยามของดิสโทเปียคือการมองว่าโลกดิสโทเปียคือโลกที่ทุกอย่างแย่ไปหมด รัฐบาลสามารถสอดส่องประชาชนได้ การดำรงชีวิตพื้นฐานตกต่ำ ต้องทนอยู่ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการ ผู้คนถูกล้างสมอง ปกปิดข้อมูล ตำรวจทำร้ายประชาชน ชนชั้น Elit กับคนรากหญ้าและชนชั้นกลาง ถูกแบ่งแยกกันชัดเจนค่ะ และแน่นอนว่ายูโทเปียก็คือโลกที่ทุกอย่างที่แตกต่างจากดิสโทเปียอย่างสิ้นเชิง แต่จุดที่น่าตกใจคือ การเกิดโลกดิสโทเปียหลายครั้งมักมาจากโลกยูโทเปีย ที่ไม่สามารถปกปิดจุดผิดพลาดดำมืดในสังคมเอาไว้ได้ และในท้ายที่สุดเมื่อสารพัดความชั่วร้ายที่เคยปกปิดไว้ทุกอย่างถูกเผยออกมายูโทเปียที่ว่าก็พังทลายจนกลายเป็นความโกลาหล สับสน และวุ่นวาย หลงเหลือไว้เพียงโลกดิสโทเปียที่น่ารังเกียจ แต่ถึงกระนั้นกลับไม่พบหนทางการกลับไปเป็นยูโทเปียเลยสักทางมีทางเลือกให้ประชากรแค่สองทาง คือจะอยู่กับดิสโทเปียไปตลอดกาล หรือ จะเลือกทำลายดิสโทเปียให้ย่อยยับไปพร้อมๆการสูญสลายของอาณาจักรและผู้คน

Advertisement

Advertisement

Scream

เรามาเริ่มกันที่เพลง Scream กันเลยค่ะ Scream แปลความหมายตรงตัวได้ว่าการกรีดร้อง,เสียงกรีดร้อง,เสียงโหยหวน หรือจะอะไรก็ตามขึ้นอยู่กับบริบทที่เราใช้ใช่ไหมล่ะคะ แต่ในกรณีนี้ต้องบอกว่าเป็นเสียงกรีดร้องของสาวๆจากการถูกกระทำโดยที่ตัวเองไม่ได้มีความผิดแต่อย่างใด และคาดหวังว่าคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดต่างหากที่สมควรจะต้องเป็นคนทรมานจนต้องกรีดร้องออกมา โดยเปิดเรื่องมาเป็นฉากต้นไม้และมีคำโปรยว่า "ในเช้าวันหนึ่งที่แสงของวันใหม่ได้หายไป ผู้คนก็เริ่มหลงเริ่มการพูด(หรือการทำสิ่งดีๆ)ให้แก่กัน" ตรงนี้เหตุที่เป็นต้นไม้เพราะชื่ออัลบั้ม The Tree of Language หรือแปลภาษาไทยได้ว่า ภาษาต้นไม้นั่นเองค่ะ ซึ่งต้นไม้คือแกนหลักของเรื่องนี้การนำเสนอให้เห็นว่าแสงค่อยๆหายไปพร้อมๆกับต้นไม้ที่ค่อยๆตายนั้นเป็นการเชื่อมโยงของเรื่องราวนี้เลยค่ะ เพราะตามความเชื่อของชาวลัทธิแม่มดเชื่อว่าธรรมชาติคือศูนย์กลางของโลกและจักรวาล เมื่อต้นไม้ตายก็เท่ากับธรรมชาติสูญสลายและมนุษย์จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ค่ะ เริ่มมาก็จับประเด็นได้แล้วว่าจักรวาลดิสโทเปียต้องเกิดขึ้นในยุคล่าแม่มดที่อยู่ภายใต้การกำกับของศาสนจักร(คริสตจักร) และสาวๆคือคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดหรืออาจจะเป็นแม่มดจริงๆก็ได้แต่เจ้าตัวไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา โดยเนื้อเพลงมักกล่าวถึงการอ้อนวอนขอถึงปีศาจหรือซาตาน ซึ่งไม่อาจรู้ได้ว่าตนไหนให้ช่วยเพราะพวกเขาไม่เคยเชื่อในพระเจ้า สอดคล้องกับที่ในลัทธิแม่มดมีบางส่วนที่เชื่อว่าการบูชายัญและการทำพิธีต่างๆนั้นทำให้สามารถรับรู้การมีตัวตนและสื่อสารกับซาตานนั้นๆได้ แน่นอนว่าเป็นเหตุให้ศาสนจักรใช้เหตุผลนี้ในการกำจัดและปราบปรามสาวกลัทธิแม่มด แม้ว่าในภายหลังจะมีการเปิดเผยออกมาว่าเป็นเพราะผู้นำลัทธิเป็นผู้หญิง สาวกส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงและไม่เชื่อในพระเจ้าต่างหากจึงทำให้พวกเธอถูกล่า การไม่ยอมรับในความสามารถของผู้หญิงในสังคมปิตาธิปไตยของยุคนั้นทำให้พวกเธอต้องทรมานจนตายและด้วยเหตุนั้นเองทำให้มีคนไม่หวังดีแอบอ้างและกล่าวถึงว่าคนนั้นคนนี้เป็นแม่มดอย่างแน่นอนโดยไม่มีเหตุผลเมื่อนั้นผู้คนเหล่านั้นก็ถูกทรมานให้ยอมรับสารภาพว่าตัวเองนั้นคือแม่มดและใครคือพวกของตัวเองแม้ว่าจะไม่ได้เป็น หากไม่ยอมรับวิธีการทรมานจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆแน่นอนว่าในท้ายที่สุดคนส่วนใหญ่เลือกที่จะยอมรับเพราะไม่อาจทนต่อวิธีรุนแรงพวกนั้นได้ และอ้างถึงคนนั้นคนนี้ทั้งคนที่ตัวเองรู้จักและคนที่ตัวเองเกลียดเพื่อให้คนพวกนั้นทรมานเหมือนกันกับเธอ แต่ก็ใช่ว่าจะรอดเพราะไม่ว่าจะสารภาพหรือไม่ พวกเธอก็ไม่มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตได้อีกแล้ว และนั่นก็คือเสียงกรีดร้องที่ถูกใส่เข้ามาเชื่อมโยงกับสตอรี่นี้นั่นเองค่ะ

Advertisement

Advertisement

และถ้าทุกคนสงสัยว่านิสารู้ได้อย่างไรว่าสาวๆคือแม่มดก็ภาพโปรโมทของสาวๆนี่ไงล่ะคะ ยังไม่รวมถึงเนื้อเพลงท่อนหนึ่งของกาฮยอนและยูฮยอนที่บอกว่า "คนพวกนั้นมัดและตรึงฉันไว้จนชาไปหมด ถ้าหากคนพวกนั้นปาก้อนหินใส่ฉัน ฉันก็คงไม่รอดอยู่ดี" นั่นหมายความว่าสาวๆได้ถูกใส่ร้ายและถูกจับได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วแถมยังถูกปิดตาไม่ให้มองอะไรได้ยินแต่เสียงกรีดร้องของเพื่อนๆและคนที่ถูกใส่ร้าย นอกจากจะมีการมัดและตรึงสาวๆแล้วยังมีพิธีการจุดไฟเผาทั้งเป็นยืนยันความบริสุทธิ์อีกต่างหาก "ไม่ว่าใครก็ไม่ควรโดนแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงบอกเค้าไปแบบนั้นล่ะ ฉันขออ้อนวอนต่อเหล่าซาตานให้ช่วยเรา ฉันไม่อยากแม้แต่จะส่งเสียงร้องให้พวกมันได้ยิน ไดโปรดท่านซาตานจงตื่นขึ้น" นี่คือเนื้อหาในท่อนพรีฮุคและท่อนฮุคของเพลง ต่อมาในท่อนแรพของเพลงก็มีเนื้อหาซ่อนอยู่ว่า "สีหน้าเยือกเย็นภายใต้หน้ากากแห่งความเกลียดชังของคนพวกนั้นมันมากได้ด้วยเล่ห์เพทุบายที่แค่ทำเป็นเลือกใครก็ได้สักคนมาเป็นเหยื่อ และแม้นผ่านไฟที่เผาร่างนั่นมาได้พวกนั้นก็ยังหาว่าฉันมีความผิดและถูกต้อนไปยังหน้าผาแห่งความตาย ทางรอดเดียวที่มีคือการต้องทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้น" ความหมายของท่อนนี้คือทุกคนสามารถถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดได้ทั้งนั้น และแม้ว่าจะผ่านพิธีลุยไฟมาแล้วแต่คนพวกนั้นก็จะกล่าวหาว่าเป็นแม่มดอยู่ดีเพราะไม่มีมนุษย์คนไหนรอดพ้นจากไฟนั้นได้ ทางเดียวที่จะรอดคือต้องทนทรมานกับการลงโทษด้วยวิธีอื่นจนตายเท่านั้น แต่ในท่อน Killing Part ของชียอนกลับบอกว่าหลังจากที่คนพวกนั้นจากไป ตัวเองที่สลบไปแล้วก็ฟื้นกลับมา ร่องรอยบาดแผลที่เคยมีก็หายไปแล้ว จนตัวเองก็ไม่อยากเชื่อว่ามันคือความจริง ต่อจากนี้เราจะไม่ต้องทนอีกแล้วเราจะเอาคืนอย่างสาสม เราจะทำให้คุณทุกข์ทรมานแบบที่เราโดนบ้าง คนพวกนั้นจะทำได้แค่กรีดร้องออกมาเท่านั้นเป็นอันจบพาร์ทของ Scream ค่ะ

Dreamcatcher(드림캐쳐) 'Scream' MV

ในส่วนของเอ็มวีนั้นถ้าอิงตามจากที่นิสาวิเคราะห์ไว้คาแรคเตอร์ของสาวๆนั้นมีแม่มดตัวจริงอยู่แค่คนเดียวคือ ชียอน เพราะเป็นคนเดียวที่เปิดฉากมาก็สาดพลังได้เลยถือว่าเป็นแม่มดที่ค่อนข้างเป็นชั้นสูงแล้วน่ะค่ะ ส่วนจียูดูเหมือนว่าจะเป็นสาวกของลัทธิมากกว่า คืออาจจะเป็นแค่แม่มดฝึกหัดแต่คาดว่าถ้าไม่มีเหตุการณ์ล่าแม่มดก็อาจจะกลายเป็นแม่มดเต็มตัวอีกคนแน่ๆเพราะมักจะมีฉากที่อยู่กับไฟแต่ตัวเองไม่เป็นอะไรเลยค่ะ ส่วนซูอานิสามองว่าเป็นเหยื่อจากการล่าแม่มดคนนึงค่ะ เดิมทีอาจเป็นนักล่าแม่มดด้วยซ้ำเพราะมีฉากที่ยืนคู่กับดาบอยู่ แต่ถูกใส่ร้ายทำให้ต้องถูกทรมานร่างกายด้วย ดามิกับกาฮยอนที่แต่งตัวปกติสุดในตอนแรก เอาเข้าจริงๆแล้วเหมือนว่าจะเป็น 1ในคนที่ใส่ร้ายคนอื่น กล่าวหาเค้าว่าเป็นแม่มด ในท้ายที่สุดก็โดนเข้าซะเองด้วยฝีมือของจียูอย่างไม่ต้องสงสัย ตรงนี้อาจจะเป็นไปได้ว่าจียูบอกกับพวกนั้นว่ากาฮยอนเป็นแม่มดในขณะที่ตัวเองกำลังถูกทรมานอยู่นั่นเองค่ะ ในส่วนของคนสุดท้ายอย่างยูฮยอนมามีพลังในตอนท้ายๆแล้ว ตรงนี้แปลได้ว่าเป็นเหยื่ออีกคนนึง และทั้งหมดอาจตายไปแล้วค่ะช่วงเวลาที่จะตามแก้แค้นนี่แหละคือช่วงที่ตื่นขึ้นในโลกหลังความตายแล้วทุกคนมีพลังที่มากขึ้นจากความแค้น และเรื่องราวของ Scream ก็จบลงที่ตรงนี้ค่ะ (แอบเสียดายนิดหน่อยเพราะไม่มีฮันดง ขณะนั้นน้องอยู่ที่ประเทศจีนค่ะ) ในเอ็มวีที่เห็นเป็นผู้หญิงใส่หน้ากากเป็นแดนซ์เซอร์แบคอัพที่มาเต้นในตำแหน่งของฮันดงแทน

สำหรับดรีมแคชเชอร์นั้นวงนี้เป็นวงที่มีโวคอลปังๆอยู่ถึงสองคนอย่าง ชียอนและยูฮยอน มีแรปเปอร์เสียงทุ้มต่ำที่เรามักไม่ค่อยได้ยินจากไอดอลหญิง K-POP เลยอย่าง ดามิ แถมดามิยังมีส่วนร่วมในการแต่งเพลงของวงแทบทุกเพลงด้วยนะคะ อีกเรื่องที่จะไม่พูดไม่ได้เลยคือ Dance Performance ที่มักจะมีคีย์เวิร์ดของเพลงๆนั้นซ่อนอยู่ในท่าเต้นและนำทัพด้วยเมนเต้นอยากซูอา ทำให้ Performance ทุกๆเพลงของวงนี้อัดแน่นไปด้วยความสมบูรณ์แบบแบบที่นานๆทีจะได้เจอในหมู่ไอดอลเจนเดียวกัน และการมีอยู่ของเมมเบอร์อีก 3 คน อย่าง จียู ฮันดง และกาฮยอน ก็ส่งให้คอนเซปต์วงชัดเจนขึ้นอารมณ์แบบ 7 girls 7 sins อะไรแบบนั้นเลยค่ะ แต่ก็ใช่ว่าจะมีคนดรอปไปนะคะ ทุกคนมีความโดดเด่นในบทบาทที่ได้รับทั้งในเรื่องของการแสดงและการร้องเพลงรวมไปถึง Performance เองก็ด้วย (อ้างอิงจากบทความวิเคราะห์ BEcause)

ในส่วนของบทความนี้คงจะต้องจบแล้วแต่เพียงเท่านี้ก่อนค่ะ ใจจริงอยากเขียนรวดเดียวจบแต่ก็เกรงว่าคุณผู้อ่านจะอ่านกันไม่ไหวเลยจำเป็นต้องแบ่งเป็น 2 พาร์ทค่ะ ขอบคุณคุณผู้อ่านทุกท่านทั้งที่ตั้งใจมาอ่านและไม่ได้ตั้งใจมาอ่านแต่ก็อ่านจนจบด้วยนะคะ ไว้พบกันในพาร์ท 2 เกี่ยวกับการวิเคราะห์อีกสองเพลงที่เหลือ เร็วๆนี้นะคะและหากคุณผู้อ่านชื่นชอบการวิเคราะห์สไตล์นี้ หรืออยากอ่านการวิเคราะห์เพลงและ MV อื่นๆของสาวๆและศิลปินท่านอื่นก็อย่าลืมติดตาม Niisaxzz เพื่อไม่ให้พลาดคอนเทนต์ใหม่ๆด้วยนะคะ

scream2

scream3


บทความที่เกี่ยวข้องกัน


Credit

ขอบคุณรูปภาพประกอบจาก Twitter : 드림캐쳐 Dreamcatcher

ภาพปก/ภาพที่1/ภาพที่2/ภาพที่3

Dreamcatcher(드림캐쳐) 'Scream' MV จาก Youtube Dreamcatcher official

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงสุดหลากหลาย บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
niisaxzz
niisaxzz
อ่านบทความอื่นจาก niisaxzz

Part-time writer and content creator / รีวิว หนัง ซีรีส์ อนิเมะ เพลง ศิลปิน อาหาร ความเชื่อ ลัทธิ แล

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์