เพลง

Part2 ไขปริศนาใน Scream,BOCA,Odd Eye ความลับของจักรวาล Dystopia โดย Dreamcatcher

331
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
Part2 ไขปริศนาใน Scream,BOCA,Odd Eye ความลับของจักรวาล Dystopia โดย Dreamcatcher

กลับมาแล้วค่าาา กับพาร์ทที่สองของการไขปริศนาความลับจักรวาล Dystopia ของสาวๆ Dreamcatcher ในพาร์ทที่แล้วทุกคนได้ทราบถึงความหมายของดิสโทเปีย ยูโทเปีย ลัทธิแม่มด และการวิเคราะห์เพลง Scream ไปแล้ว ในบทความนี้เราจะมาวิเคราะห์อีกสองเพลงที่เหลืออย่าง BOCA จากอัลบั้ม Dystopia : Lose Myself และ Odd Eye จากอัลบั้ม Dystopia : Road to Utopia รวมถึงบทสรุปของการตามหาอาณาจักรยูโทเปียกันค่ะ และแน่นอนว่าทฤษฎีทั้งหมดที่เกิดขึ้นในบทความนี้เป็นสิ่งที่นิสาตั้งสมมติฐานขึ้นมาเองอาจไม่ได้ตรงหรือถูกต้องทั้งหมด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ

BOCA

เพลงถัดมาอย่าง BOCA คำว่า BOCA(โบค่า) เป็นภาษาสเปนแปลว่า ปาก ค่ะ เพราะในเพลงก่อนหน้าเป็น Scream ที่ต้องรับรู้ผ่านทางการได้ยินโดยใช้หู ใช่มั้ยล่ะคะ เพลงนี้ก็เลยชื่อว่า ปาก มันซะเลย แน่นอนเป็นเพลงที่จะบอกเล่าแบบจิกกัดสำหรับพวกคนปากมากที่เอาเรื่องไม่ใช่ความจริงไปพูด ในที่นี้ก็หมายถึงเหล่าผู้คนที่ใส่ร้าย กล่าวหาว่าคนอื่นเป็นแม่มดนั่นแหละค่ะ ในเอ็มวีจะเปิดมาที่ต้นไม้ต้นเดิมจากเพลง Scream แต่มีคำโปรยมาเพื่อบอกว่านี่คือพาร์ทสองของจักรวาลดิสโทเปียนะ เท่านั้นเลยค่ะ ก่อนอื่นเลยขอพูดถึงเนื้อหาที่ซ่อนในเพลงก่อนนะคะ โดยในเพลงนี้เหมือนว่าสาวๆจะได้รับการปกป้องจากปีศาจที่รอบก่อนได้แต่สวดภาวนามารอบนี้นอกจากปีศาจจะมอบพลังให้ได้แก้แค้นแล้วยังตามมาปกป้องด้วย โดยปีศาจที่พูดถึงไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเองนั่นเองค่ะ เหมือนว่าจิตและวิญญาณแยกออกจากกัน ส่วนหนึ่งอยากแก้แค้นอีกส่วนอยากปกป้องแล้วพาหนีอะไรแบบนั้นเลยค่ะ มาจากท่อนร้องของดามิที่ร้องว่า "I'm a geek the big paradox" ซึ่งถ้าแปลให้ภาษาดูสวยขึ้นก็จะเป็น "ฉันนี่แหละผู้เป็นใหญ่ในศาสตร์วิชาแห่งปฏิทรรศน์" พาราด็อกซ์ในที่นี้ไม่ใช่วงดนตรีนะคะแปลว่าปฏิทรรศน์หรือเอาให้เข้าใจกันง่ายๆว่าเป็นความสับสนหรือความขัดแย้งในตัวเองค่ะสอดคล้องกับชื่ออัลบั้มอย่าง Lost Myself ที่หมายถึงการสูญเสียตัวตนไป และตอนที่บอกว่าจิตกับวิญญาณอาจถูกแยกออกจากกันแล้วคิดว่าตัวเองคือผู้แก้แค้นและผู้ปกป้อง เพราะต่อมาก็บอกเลยว่า "ฉันนี่แหละคนที่ปกป้องคนคนนั้นน่ะ แล้วพวกแกทุกคนต้องกรีดร้องราวกับตกนรกเพราะปากนั่นไม่ใช้การไม่ได้แล้ว" ตรงนี้ยิ่งทำให้มั่นใจว่าสาวๆคิดว่าตัวเองเป็นซาตานที่มากำจัดพวกปากพล่อยจริงๆ และแม้ว่าทุกคนกำลังแยกไม่ออกว่าอันไหนจริงหรือเท็จแต่มีคนนึงที่น่าจะแยกออกค่ะ เพราะท่อนของจียูที่บอกว่า "พวกเขาจ้องมองมาราวกับมีคำถามอีกร้อยพัน แต่ดูไม่ได้สลดกับสิ่งที่ตัวเองทำด้วยซ้ำ" เพราะคนพวกนั้นไม่สามารถพูดได้แล้วจึงได้แต่มองมาด้วยสายตาตั้งคำถามว่าพวกแกทำบ้าอะไร ทำแบบนี้ทำไม ฉันไปทำอะไรให้แก อะไรแบบนั้น จียูก็เลยรู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่มีทางสำนึกผิดแน่ ในขณะเดียวกันซูอาที่เป็นเหยื่อคนแรกเพราะไม่ใช่แม่มดก็กำลังรู้สึกหดหู่และแม้ว่าแผลตามตัวจะหายไปแล้วแต่ความรู้สึกพวกนั้นยังตามหลอกหลอนอยู่ทำให้ซูอาเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้ค่ะ ทันใดนั้นเองเมฆก็เริ่มตั้งเค้า เหลือไว้แค่ความมืดพร้อมด้วยเสียงฟ้าคำรามลงมาเพื่อกำจัดพวกปากดี อารมณ์แบบธรณีสูบบ้านเราเลยค่ะ แต่เปลี่ยนเป็นฟ้าผ่าแทน "อย่ามาถามหาความรักหรือความเมตตาอะไรถ้าตัวมันเองยังไม่เคยมี และหากคำพูดเลวๆพวกนั้นมันทำร้ายคุณ ฉันก็จะปิดปากนังพวกนั้นจนมันเปิดปากไม่ได้อีกเลย"

Advertisement

Advertisement

อย่างที่บอกว่าตัวละครของสาวๆนั้นมีความปฏิทรรศน์กันอยู่ ในท่อนแรพของกาฮยอนจึงเป็นการบอกให้ทุกคนหนีไปมากกว่าค่ะ หนีไปเลยแล้วอย่าหันหลังกลับมาเพราะที่ตรงนี้ไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมได้อีกแล้ว อาจหมายถึงเรามาถึงยุคที่อาณาจักรกลายเป็นดิสโทเปียไปแล้ว ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้วต่อให้ล้างแค้นไปเราก็ไม่ต่างจากคนพวกนั้น ทางเดียวที่จะรอดคือตามฉันมา เดินออกทางประตูอาณาจักรและปิดตายมันซะ เหมือนกำลังบอกให้ตัวเองย้ายไปหาดินแดนยูโทเปียอื่นแล้วทิ้งอาณาจักรที่ล่มสลายนี้ไว้ข้างหลัง และอย่างที่บอกไปแล้วว่าจียูคือคนที่ตื่นรู้เป็นคนแรกก็เหมือนพยายามจะเข้ามาคุยกับสาวๆว่า "ทำไมถึงปล่อยให้ความเกลียดชังมันครอบงำเหมือนกับคนพวกนั้นล่ะ" ตบด้วยท่อนของซูอาอย่าง "ตอนนี้เราสูญเสียเหล่านางฟ้าไปมากเกินไปแล้ว เราต้องหยุดทุกอย่างได้แล้ว" ซึ่งก็หมายถึงเหล่าคนที่ต้องสูญเสียไปกับความบ้าคลั่งของการล่าแม่มดในอาณาจักรนี้ค่ะ

Advertisement

Advertisement

Dreamcatcher(드림캐쳐) 'BOCA' MV

ในส่วนของเนื้อหาเอ็มวีนั้นฉากได้เปลี่ยนไปจากเดิมดูทันสมัยมากขึ้นแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังคงยืนยันเหมือนเดิมเลยค่ะว่าเป็นเพียงโลกหลังความตายที่จิตและวิญญาณของสาวๆแยกออกจากกันเท่านั้น โดยในเอ็มวีจะมีชายใส่หน้ากากอยู่ด้วยอาจเป็นส่วนหนึ่งในห้วงความคิดว่านั่นคือซาตานที่คอยช่วยเหลือแต่จริงๆแล้วคือตัวเอง ซึ่งหมายความผู้คนที่ใส่หน้ากากแท้จริงแล้วเป็นศัตรูตัวฉกาจ อย่าลืมเนื้อหาเพลงที่แล้วนะคะ พวกใส่หน้ากากก็หน้าไหว้หลังหลอกกันทั้งนั้น แล้วที่เคยบอกไปว่าเหมือนจะมีฉากที่ราวกับความฝันทุกคนใส่ชุดเจ้าหญิงแสนสวยเหมือนแทนวิญญาณด้านดีที่ไปสู่สุคติแล้ว ในพาร์ทของดามิ เดอะบิ๊กพาราด็อกซ์นั่นน่ะเป็นซีนที่นิสาชอบมากค่ะเพราะดามิยืนอยู่ข้างบนและมีเหล่าวิญญาณตะเกียกตะกายหรือกำลังโหยหวนอยู่ข้างล่าง พร้อมประโยคว่า "ฉันนี่แหละผู้เป็นใหญ่ในศาสตร์วิชาแห่งปฏิทรรศน์" อย่างที่บอกค่ะมันคือประโยคย้อนแย้งความเป็นตัวเอง บอกไปแล้วว่าซูอากับจียูตื่นรู้ก่อนใครในเอ็มวีเลยดูเหมือนว่าไม่ค่อยจะซีเรียสเหมือนคนอื่น แต่ที่น่าตกใจคือมันมีบางฉากที่ชียอนโดนล่าค่ะ เหมือนคนพวกนั้นไม่ยอมปล่อยให้ไปสู่สุคติแม้ว่าจะเหลือเพียงแค่จิตวิญญาณก็ตามในส่วนนี้ยิ่งชัดเจนชียอนคือแม่มดตัวจริงอาจเป็นถึงผู้นำลัทธิด้วยซ้ำ ส่วนของกาฮยอนที่เคยวิเคราะห์ไว้ว่าน้องเป็นส่วนหนึ่งของคนพวกนั้นมาก่อนจากในเอ็มวีเราจะเห็นได้ชัดเลยค่ะพาร์ทของกาฮยอนจะมีฉากนึงที่ข้างหลังคล้ายๆกับตอนถ่ายรูปคนร้ายเพื่อปิดคดี เดาว่าในตอนที่ตายแรกๆก็อาจมีการรับน้องจนน้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมแล้วมาช่วยพี่ๆล้างแค้นแทน และอย่างที่บอกในพาร์ทข้างบนว่าเพลงนี้มันคือการสูญเสียตัวตนหรือสับสนในตัวเองมันเป็นปฏิทรรศน์ใช่มั้ยล่ะคะ เพราะงั้นฉากที่เข้าใจง่ายๆเลยคือฉากของยูฮยอนที่น้องง้างคันธนูชี้ไปข้างบนแล้วไปโดนตัวเองที่อยู่ในสวรรค์ ฉากนี้มองว่ายูฮยอนอาจจะทำลายจิตวิญญาณด้านดีของตัวเองทิ้งเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่คนอื่นๆเหมือนว่าจะฟังซูอากับจียู(หรือเปล่าไม่แน่ใจ) แต่หน้ากากของผู้ชายหลุดออกมาแล้ว น่าจะหมายถึงความเน่าเฟะของอาณาจักรได้ถูกเปิดเผยแล้ว หลังจากนี้ดิสโทเปียไม่เกี่ยวอะไรกับฉันอีก มุ่งหน้าต่อไปค้นหายูโทเปียที่เราฝันถึงกันเถอะ เนื้อหาของ BOCA ก็จบแต่เพียงเท่านี้ค่ะ (ปล.อัลบั้มนี้ก็ยังไม่มีฮันดงนะคะ)

Advertisement

Advertisement

Odd Eye

ในตอนนี้เราได้เดินทางมาถึงพาร์ทสุดท้ายของสตอรี่ดิสโทเปียนี่แล้วค่ะ กับเพลง Odd Eye อย่างที่ได้บอกไปว่าสองเพลงก่อนหน้าจะพูดถึงประสาทสัมผัสอย่าง หู และ ปาก มาคราวนี้ก็เป็น ตา กันบ้าง Odd Eye(อ็อดอาย) มีศัพท์ทางการแพทย์ว่า Heterochromia แปลเป็นภาษาบ้านๆว่าตาสองสีนั่นแหละค่ะ โดยส่วนใหญ่มักเกิดในสัตว์อย่างแมว หมา ม้า ควาย รวมถึงคนด้วยค่ะ แต่สาเหตุการเกิดไม่ได้มาจากกรรมพันธุ์แค่อย่างเดียวนะคะ อาจเกิดได้จากอาการบาดเจ็บด้วย เช่น เลือดออกในตา ในส่วนของกรรมพันธุ์ในคนนั้นจะเกิดขึ้น 1 ในล้านเท่านั้นจึงถือว่าหายากมากๆ และไม่ได้เป็นตั้งแต่เกิดนะคะ อาจจะมาเป็นตอนคลอดได้ไม่นานหรืออาจจะมาเป็นตอนผู้ใหญ่ได้ค่ะ

ก่อนที่จะพูดถึงเนื้อเพลงและเอ็มวีต้องขอบอกก่อนว่าเนื้อหาในเพลงนี้นั้นยังอยู่ที่โลกหลังความตายเป็นหลักและกำลังเดินทางไปหายูโทเปีย ตามชื่ออัลบั้มอย่าง Road to Utopia หรือแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า เส้นทางสู่ยูโทเปีย นั่นเองค่ะ โดยเพลงก่อนสาวๆได้พลังมาแล้วในครั้งนี้ก็ได้นัยน์ตาสองสีมาด้วย อย่างที่บอกไปในโบค่าว่ามันเกิดจากความสับสนในตัวเองจนแยกไม่ออก นัยน์ตาสองสีในที่นี้จึงเป็นการแทนจิตวิญญาณที่ดีและร้ายที่มันแฝงอยู่ในตัวเราค่ะ โดยเนื้อเพลงจะเริ่มขึ้นในตอนที่สาวๆตื่นขึ้นมาอีกครั้งในโลกใหม่ที่ไม่มีดิสโทเปียแล้ว หมายความอาณาจักรดิสโทเปียได้ล่มสลายและสาวๆก็ออกมาจากตรงนั้น ซึ่งเรายังไม่อาจแน่ใจว่าที่ที่ยืนอยู่ตอนนี้ใช่แผ่นดินยูโทเปียหรือไม่ หรือจะต้องเดินทางตามหาต่อ เนื้อเพลงในเวิร์สแรกอธิบายการตื่นมาแล้วระลึกได้ว่าเคยต้องเจ็บปวดและทรมานมาก่อนแต่เราได้หลุดพ้นมาแล้ว และกำลังเข้าสู่โลกใหม่ "ดูท้องฟ้านั่นสิ ดูสดใสซะยิ่งกว่าสีนัยน์ตาฉันอีก" แต่แล้วดูเหมือนว่าทุกอย่างจะกลายเป็นภาพลวงตาอีกครั้ง ตรงนี้น่าจะหมายถึงการทำพันธสัญญากับปีศาจ(ในตัวเอง)ให้ช่วยเหลือตั้งแต่คราแรก แต่โดนหลอก มันไม่ได้ช่วย มันหลอกเพื่อให้เราทำงานให้มันหรือก็คือไล่ฆ่า ไล่แก้แค้นนั่นแหละค่ะ แต่ตอนนี้สาวๆรู้ตัวแล้ว รู้ด้วยว่าจิตวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งถูกซ่อนไว้ในนัยน์ตาอีกข้างของตัวเองเพราะอย่างนั้นในท่อนฮุคจึงเป็นการร้องว่า "เห็นความลับที่ซ่อนในตาสองสีนั่นมั้ยล่ะ มองให้ลึกลงไปอีกสิเธอจะได้เห็นว่าความสวยงามนั้นมันจอมปลอมแค่ไหน ดวงตาจอมทำลายล้างที่่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับตัวเอง สุดท้ายมันต้องพังพินาศแน่ๆ" แล้วตบท้ายด้วยท่อนของจียูอย่าง "รีบกลับออกไปซะ นี่ไม่ใช่ที่ที่เราตามหา ไม่มีอีกแล้วล่ะยูโทเปียน่ะ" ช่างเป็นท่อนฮุคที่เฉลยบทสรุปได้อย่างชัดเจนเลยล่ะค่ะ ว่าในท้ายที่สุดแล้วสาวๆไม่สามารถเอาชนะตัวเองได้ และยูโทเปียก็ได้แตกสลายไปพร้อมๆกับดิสโทเปียนั่นแหละยอมรับความจริงกันเถอะ อย่างที่บอกไปในพาร์ทแรกแล้วว่าดิสโทเปียเกิดจากยูโทเปียที่ไม่อาจซ่อนความล้มเหลวของอาณาจักรได้ทำให้กลายเป็นอาณาจักรดิสโทเปียและเมื่อดิสโทเปียล่มสลายก็หมายความยูโทเปียเองก็ล่มสลายไปพร้อมๆกัน แล้วประชากรทั้งหมดจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรล่ะ? คำตอบอยู่ในพาร์ทของดามิที่บอกว่า "มาใช้ชีวิตให้ดีกันเถอะ พยายามกับสิ่งที่ไร้ความหมายไปก็เหมือนย่ำอยู่กับที่ ความกระหายไม่มีที่สิ้นสุดหรอกต่อให้วิ่งตามหามันก็กลายเป็นภาพลวงตาอยู่ดี" ความกระหายในที่นี้ไม่ใช่การล้างแค้นอีกต่อไปแล้วแต่เป็นการได้เจอกับดินแดนยูโทเปีย วิ่งตามหาแค่ไหนก็ไม่เจอเพราะมันไม่อยู่จริงค่ะ และสาวๆก็ได้เข้าใจว่ายูโทเปียไม่มีจริงตั้งแต่แรกแล้วแต่ดิสโทเปียที่พยายามซุกปัญหาทุกอย่างไว้ใต้พรมมาตลอดจนวันหนึ่งที่ความแตกทุกอย่างก็ระเบิดออกมา ความสุขที่เราเคยมีและกำลังตามหาเป็นสิ่งจอมปลอมที่อาณาจักรนั้นมอบให้ ในท่อน Killing Part ก็ได้บอกว่า "ความปรารถนาที่อยากจะค่อยๆเปลี่ยนมันให้ดีขึ้นก็ค่อยๆพังทลายลงไป เหมือนเรากำลังวิ่งหาเงาตัวเองแล้วมาคิดได้ว่ามันอยู่ข้างหลังเรามาตลอด ยังไงก็เปลี่ยนชะตากรรมด้วยความหวังไม่ได้หรอก" หมายความว่านอกจากจะรู้ตัวแล้วยังเกิดอาการท้อ เศร้าใจ และรู้สึกสิ้นหวัง เพราะไม่ว่ายังไงอาณาจักรก็ต้องล่มสลายไม่มีใครห้ามหรือเปลี่ยนมันได้ และในท่อนสุดท้ายอย่าง "ท้ายที่สุดฉันก็ตัดสินใจปิดดวงตาทั้งสองนั้นแล้วดำดิ่งลงสู่ความมืดมิดอันสิ้นหวัง" เป็นการประกาศจุดจบว่าเมื่อมันไม่มียูโทเปียแล้วตัวเราเองก็ไม่อยากจะอยู่แล้วเหมือนกัน ไหนๆก็ไหนๆให้มันพังไปทั้งหมดนี่แหละ เพราะหนึ่งในสาเหตุที่ให้อาณาจักรต้องล่มสลายก็คือตัวฉันเองด้วย ให้มันจบแบบนี้ดีที่สุดแล้วล่ะ เรียกได้ว่าจบแบบ Bad End ที่แท้จริง เพราะ No more Utopia ยังไงล่ะ

Dreamcatcher(드림캐쳐) 'Odd Eye' MV

มาวิเคราะห์เอ็มวีกันบ้าง ในส่วนของเอ็มวีนั้นตอนเริ่มไม่ต้นไม้เหมือนสองเพลงก่อนหน้าค่ะ แต่ละฉากเหมือนว่าสาวๆถูกขังเดี่ยวแยกกันโดยใช้ภาพลวงตาสร้างสภาพแวดล้อมขึ้นมาให้สาวๆสับสน ทุกคนอยู่คนเดียวแต่สีหน้าเหมือนกำลังมองหาหรือรอใครสักคนอยู่ เหมือนว่าจะรู้ตัวแต่ก็ไม่รู้ค่ะ เราจะได้เห็นว่าคนที่อยู่ในฉากต้นไม้จะมีแค่สองคนคือจียูกับซูอาอย่างที่เคยบอกไปแล้วในตอนต้นว่าสองคนนี้คือคนที่รู้สึกตัวก่อนคนอื่นการสร้างภาพลวงตาว่าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่เพื่อทำให้ทั้งสองคลายกังวลที่จะหาทางออกนั่นเอง และแน่นอนว่าเราจะได้เห็นสาวๆใน 2 ลุคที่แตกต่างกันที่หมายถึงจิตวิญญาณที่ยังแยกกันอยู่ มีแค่จิตวิญญาณเดียวที่ได้รับ Odd Eye ซึ่งเป็นจิตวิญญาณชั่วร้ายค่ะ ต้องสังเกตให้ดีๆเลยนะคะเพราะจิตวิญญาณด้านดีที่เหลืออยู่มีแค่ 3 คนอย่าง จียู ซูอา และฮันดง ส่วนยูฮยอนกำจัดจิตวิญญาณด้านดีของตัวเองทิ้งไปแล้วในเพลงก่อน รวมถึงชียอนที่ถูกไล่ล่าในเพลงก่อนอาจจะถูกกำจัดไปแล้วด้วยค่ะ ส่วนกาฮยอนน่าจะเป็นเพราะน้องเป็นคนร้ายมาก่อน ก่อนที่จะกลายเป็นเหยื่อ จิตวิญญาณด้านที่คิดว่าดีเลยดูนิ่งๆไม่สนโลกมากกว่า(จนกระทั่งโดนเข้ากับตัวเองนั่นแหละถึงรู้ซึ้งถึงปัญหา) และถ้าสังเกตดีๆจะเห็นฉากที่ซูอาถูกดึงไปยังที่ไหนสักที่สุดท้ายก็คงเหลือไว้แค่จิตวิญญาณชั่วร้ายเพราะในมือกำลังถือไฟที่ลักษณะคล้ายกับดาบที่ตัวเองเคยจับในยามเป็นมนุษย์ ส่วนจียูที่เหมือนจิตวิญญาณพยายามจะทำงานร่วมกันคือการหาทางติดต่อคนอื่นๆให้ได้ทำให้เกิดคลื่นสัญญาณส่งไปยังยูฮยอนที่รออยู่และชียอนที่เป็นคนควบคุมสัญญาณ(ก็เป็นผู้นำลัทธิมาก่อนแหละนะ) เลยทำการสลับสัญญาณทำให้เครื่องส่งสัญญาณของจียูและยูฮยอนหลอมละลายไปเอง ส่วนดามิเหมือนจะเป็น Home sick คืออาการคิดถึงบ้าน เพราะฉากของน้องจะเป็นการนั่งอยู่ในพาหนะชนิดหนึ่งตลอดทำให้สื่อได้ว่าน้องอาจจะมีห่วงที่ทำให้ปล่อยวางไม่ได้ แต่ก็มีฉากที่กำลังร่ายร่ำแล้วมีเศษใบไม้ปลิวว่อน อาจเป็นพิธีบวงสรวงหรือขอขมาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แม้ว่าจะสายเกินไปแล้วก็ตาม ส่วนของฮันดง(กรี้ดดดดด ฮันดงมาแล้วค่ะทุกคน) เพราะมามีบทบาทเอาในเพลงนี้เลยทำให้วิเคราะห์ยากหน่อยแต่นิสามองว่าฮันดงเป็นเหยื่ออีกคนนึงค่ะ และน้องรู้ตัวตลอดเวลา จะเห็นได้จากฉากที่พยายามจะบีบคอตัวเองในกระจกเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นนั่นเอง แต่อีกนัยหนึ่งก็แอบคิดว่า เอ๊ะ หรือฮันดงจะเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นะ เพราะมีฉากนึงที่อยู่ท่ามกลางทุ่งกว้างแล้วฮันดงยืนอยู่คนเดียวมันเหมือนฉากต้นไม้ที่ตั้งต้นอยู่ต้นเดียวเลยนี่นาแถมเป็นต้นไม้ที่เกิดอาเพศซึ่งเป็นสาเหตุให้ยูโทเปียล่มสลาย เพราะแบบนั้นเลยพยายามกำจัดตัวเองสินะ

นอกจากนั้นเราจะเห็นฉากที่จียูถูกปิดตาและโดนเผาทั้งเป็นในขณะที่ถือดอกไม้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของธรรมชาติ(ศูนย์กลางของลัทธิแม่มด) เพื่อเป็นการย้ำว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งสามเพลงนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง และเพื่อเป็นอนุสรณ์ตอกย้ำให้ทุกคนระลึกไว้เสมอไม่ให้ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ที่นี่ ในตอนจบของเอ็มวีเราได้กลับไปยังฉากต้นไม้เหมือนเดิมแต่ต่างสถานที่พร้อมกับคำโปรยว่า "ในท้ายที่สุด พวกเธอก็ไม่เจอดินแดนยูโทเปียอย่างที่ฝัน" เป็นอันจบบทสรุปของจักรวาลดิสโทเปีย ที่ว่าไม่มีใครในที่แห่งนี้รอดสักคน เราถูกกล่าวหาในสิ่งที่เราไม่ได้ทำ ไม่มีโอกาสให้แก้ตัวเพราะไม่มีใครรับฟังเรา เมื่อเราพัง คุณก็พัง ดินแดนที่สงบสุขก็ไม่สงบสุขอีกต่อไป เลิกฝันถึงยูโทเปียได้แล้ว เพราะมันไม่อยู่จริงไงล่ะ.

เป็นไงกันบ้างคะกับมหากาพย์จักรวาลดิสโทเปียของสาวๆ Dreamcatcher บอกตามตรงนี่เหมือนจะเป็นการเขียนบทความที่ดูดพลังนิสามากที่สุดเลยค่ะ ขนาดแบ่งเป็นสองพาร์ทแล้วยังยาวมากๆอยู่เลย หวังว่าคุณผู้อ่านจะประทับใจกับการวิเคราะห์ในครั้งนี้นะคะ ถ้ายังไงลองค่อยๆอ่านไปพร้อมๆกับการดูเอ็มวีทั้งสามไปด้วยเพื่อทำความเข้าใจสตอรี่นี้ก็ได้ค่ะ และต้องยอมรับความสามารถของทางทีมงานทุกท่านที่คิดสตอรี่พวกนี้ให้เชื่อมโยงกันได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์มากๆเลยล่ะค่ะ ในส่วนของบทความนี้คงจะต้องจบแล้วแต่เพียงเท่านี้เพราะยาวมากๆแล้ว ขอบคุณคุณผู้อ่านทุกท่านทั้งที่ตั้งใจมาอ่านและไม่ได้ตั้งใจมาอ่านแต่ก็อ่านจนจบด้วยค่ะ ในครั้งหน้าเราจะมาวิเคราะห์สตอรี่ของเพลงไหน ของศิลปินท่านไหน หรือวิเคราะห์ตัวละครจากซีรีส์หรือภาพยนตร์เรื่องอะไร หากคุณผู้อ่านอยากทราบก็อย่าลืมติดตาม Niisaxzz เพื่อไม่ให้พลาดคอนเทนต์ใหม่ๆด้วยนะคะ และหากทุกท่านชื่นชอบและอยากทราบอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับลัทธิแม่มดที่ได้กล่าวไปในบทความนี้ ในอนาคตไม่แน่ว่าอาจจะมีบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยก็ได้นะคะ อย่าพลาดเชียวล่ะ


บทความที่เกี่ยวข้อง


Credit

ขอบคุณภาพประกอบบทความและวิดีโอประกอบบทความจาก Twitter:드림캐쳐 Dreamcatcher และ Youtube:Dreamcatcher official

ภาพปก/ภาพที่1/ภาพที่2

วิดีโอ ฺBOCA/วิดีโอ Odd Eye


จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
niisaxzz
niisaxzz
อ่านบทความอื่นจาก niisaxzz

Part-time writer and content creator / รีวิว หนัง ซีรีส์ อนิเมะ เพลง ศิลปิน อาหาร ความเชื่อ ลัทธิ แล

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์