อื่นๆ

[Review] สี่ดรุณี หนัง Oscar สุดประทับใจที่ไม่ควรพลาด

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
[Review] สี่ดรุณี หนัง Oscar สุดประทับใจที่ไม่ควรพลาด

ชีวิตวัยเด็กคือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด แต่สุดท้ายทุกคนต้องโตเป็นผู้ใหญ่

and the review goes to.. "สี่ดรุณี - Little Women"


สวัสดีครับโพสนี้จะมารีวิวหนังเรื่อง "สี่ดรุณี" ที่ดัดแปลงมากจากนวนิยายของ "Louisa May Alcott" ในปี 1868 ในชื่อเรื่องเดียวกัน หนังยังเข้าชิง 6 รางวัลออสก้าและชนะเลิศในสาขาออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม เรื่องราวจะเป็นยังไงมารีวิวกัน

สี่ดรุณีเป็นเรื่องราวของสี่สาวตระกูล "มาร์ช" ประกอบด้วย "เม็ก, โจ, เบธ และ เอมี" เรียงลำดับจากพี่คนโตไปน้องสุดท้อง ทั้งสี่อาศัยอยู่บ้านร่วมกับแม่ "มาร์มี" และแม่บ้าน "ฮันนา" โดยที่พ่อของสี่สาวเป็นทหารอยู่สนามรบ

ทั้งสี่ใช้ชีวิตด้วยกันตั้งแต่เด็กจนโต เมื่อเวลาผ่านไปพวกเธอต้องรับมือและพิสูจน์ตัวเองในสังคมชายเป็นใหญ่นี้ในแบบของตัวเอง และยิ่งโตขึ้นเท่าไรยิ่งทำให้หวนนึกถึงวัยเยาว์มากขึ้นเท่านั้น

Advertisement

Advertisement


ทีนี้ก็มารีวิวกัน เป็นหลักของหนังจะเป็นการใช้ชีวิตของพี่น้องตระกูลมาร์ช ที่แต่ละคนมีความชอบแตกต่างกันและมีความฝันแตกต่างกัน แต่สิ่งที่ต้องเผชิญคือสังคมเอาใจผู้ชายและกรอบที่ตัดสินชีวิตให้ตั้งแต่เกิดมาเป็นผู้หญิง

หนังทำออกมาได้ดีมาก ผมให้คะแนน 10/10 เพราะคิดว่าหนังสามารถทำหน้าที่ของมันได้อย่างดี หนังส่งมอบแนวคิดเรื่องหญิงชายว่ามันแสนจะโบราณ ส่งความสุข-ความทุกข์ผ่านเรื่องราวตัวละคร ส่งบทเรียนของชีวิตที่ไม่ราบรื่นแต่เราจะผ่านมันไปได้ และเมื่อออกมาจากโรงหนังสิ่งที่ส่งต่อมายังอัดแน่นอยู่ในหัวของผม

ความเจ๋งของการลำดับเรื่องคือสลับอดีตและปัจจุบันได้แบบไม่เสียอารมณ์ แต่ต้องมีสติหน่อยเวลาดูว่าช่วงนี้เป็นอดีตหรือปัจจุบันอะไรทำนองนี้ หนังแบ่งออกเป็นสองส่วนแล้วสับสองส่วนนั่นมาวางสลับกัน สมมติว่าส่วนอดีตเป็น a-b-c-d และปัจจุบันเป็น 1-2-3-4-5 หนังจะดำเนินไปแบบ 1-a-2-b-3-c-4-d-5 ประมาณนี้

Advertisement

Advertisement

ที่ประทับใจคือใช้วิธีดำเนินเรื่องแบบสลับไปมาแต่ไม่ทำให้หงุดหงิดเลย การส่งอารมณ์ฉากต่อฉากระหว่างอดีตกับปัจจุบันทำได้ดีมาก ถึงบางครั้งจะมีแบบเอ้ะนี่ช่วงเวลาไหนนะ แต่ดูไปแปปเดียวก็จะรู้ได้ว่าเป็นช่วงเวลาไหน บางครั้งการสลับไทม์ไลน์ที่พาไปอดีตยิ่งทำให้อินกับตัวละครเข้าไปอีก

ตัวละครในเรื่องค่อนข้างเยอะแต่เกลี่ยบทได้ดีมากทำให้ทุกตัวมีมิติและมีความสำคัญ ไม่ใช่มาแบบมาทำไมไม่มีก็ได้อะไรงี้ ตอนดูจะรู้สึกเหมือนดูน้องหรือพี่ตัวเองกำลังทำอะไรสักอย่าง กำลังคิด กำลังตัดสินใจ เหมือนจะเผลอเอ็นดูตัวละครโดยไม่รู้ตัว ถ้าอายุเยอะหน่อยก็เหมือนลูกเหมือนหลาน (ฮา)

ต่อไปเป็นสปอยเนื้อหานะครับสี่ดรุณี


***** สปอย *****

ส่วนนี้จะเป็นสปอยพูดถึงเนื้อหาในหนังเล็กน้อย เหมือนดูจบแล้วมานั่งฝอยกันอะนะ (ฮา) มี 5 หัวข้อดังนี้

1. การแต่งงานเป็นสูตรสำเร็จของผู้หญิง
ในขณะที่ผู้ชายสามารถทำได้ทุกอย่างที่ใจต้องการ เส้นทางอนาคตทุกรูปแบบที่ใฝ่ฝันสามารถทำได้ทั้งนั้น แต่ไม่เป็นแบบนั้นสำหรับผู้หญิง แม้แต่หนังสือที่โจเขียนส่งสำนักพิมพ์ยังถูก บก. กำหนดตอนจบให้นางเอกต้องแต่งงานหรือไม่ก็ตาย ไม่งั้นหนังสือก็ขายไม่ได้

Advertisement

Advertisement

หนังพยายามจะสื่อถึง "กรอบของเพศหญิง" ที่ถูกตีไว้ แม้กระทั่งตัวละครในจิตนาการ

"ป้ามาร์ช" ป้าเศรษฐีนีของสี่สาวตระกูลมาร์ช พร่ำบอกหลานสาวทุกคนให้หาผู้ชายดี ๆ และแต่งงาน และกรอกหูหลานสาวว่าไม่มีวิธีไหนที่จะพาผู้หญิงไปถึงจุดที่เหนือกว่าผู้ชาย ทำได้เพียง "อยู่เคียงข้างผู้ชายที่ดี" เท่านั้น และหลานที่ป้ามาร์ชพาไปยุโรปคือเอมี หลานคนเดียวที่ยอมรับในแนวคิดของเธอ

เอมีคือตัวละครที่สื่อถึงความร่วมสมัยที่สุด คือเป็นตัวละครที่พร้อมหลอกตัวเองเพื่อได้ทำตามฝัน สังคมต้องการให้แต่งงานกับคนรวยเหรอ ได้สิฉันจะแต่ง แต่ที่ทำก็เพราะอยากเดินทางศึกษาเทคนิคการวาดรูปเพื่อเป็นศิลปินให้ได้ในสักวัน และการแต่งงานก็เป็นเพียง "เครื่องมือ" ชนิดหนึ่งเท่านั้น

ความลำบากที่ผู้หญิงต้องเผชิญตลอดมา ถูกเปรียบเทียบโดย "ลอร์รี" หนุ่มน้อยเพื่อนบ้านของสี่สาว เป็นลูกเศรษฐีใช้ชีวิตสะดวกสะบาย และตกหลุมรักโจตั้งแต่แรกพบในวัยเด็ก

ปัจจุบันลอร์รีใช้ชีวิตเสเพล ไม่ตั้งใจเรียนและไม่มีแผนอนาคตหลังเรียนจบ หนังเล่นกับความรู้สึกของคนดูโดยใช้ตัวละคร "ชาย" ที่ไม่เคยรู้จักความลำบากมาก่อนอย่างลอร์รี เป็นคนบอกให้เอมีอย่าแต่งงานกับ "ลอร์ด เฟดรอยด์" ถ้าหากเธอไม่ได้รัก

ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ลอร์รีคงเป็นคนที่เอมีไม่อยากได้ยินคำนี้ที่สุด และฉากปะทะอารมณ์ระหว่างเอมีกับลอร์รีเป็นฉากที่เหมือนพูดแทนผู้หญิงทุกคนในสมัยนั้นว่า "อย่าบอกว่าการแต่งงานไม่ใช่ทางลัดสู่ความรวย เพราะว่ามันใช่"

หากลอร์รีพูดแบบนั้นเพราะห่วงเอมี นั่นก็ยังไม่พอ เพราะความห่วงใยที่ดีต้องมาจากคนที่สมควรจะพูดออกมาลอร์รี & เอมี


2. ความรักหรือทิฐิ ก็เป็นความรู้สึกของเราเหมือนกัน
จากหัวข้อที่ผ่านมา เหตุผลที่ลอร์รีไม่อยากให้เอมีแต่งงาน เพราะลอร์รีรักเอมีเข้าแล้ว แต่เอมีที่ไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเองเพราะทิฐิของเธอ เพราะเอมีรู้ว่าลอร์รีรักโจมาตลอด เมื่ออกหักจากโจจึงมารักเธอ ทำให้เธอรู้สึกเป็นตัวตายตัวแทนที่ไม่มีความหมาย

แต่สุดท้ายแล้วเอมีก็เลือกที่จะไม่แต่งงาน ยอมลดทิฐิลงเพื่อมารักกับลอร์รี นั่นคือการจัดการความรู้สึกของตนเองเพื่อที่จะเดินหน้าต่อไป เพราะความรักหรือทิฐิต่างก็เป็นความรู้สึกของเราเหมือนกัน และความรู้สึกเป็นสิ่งที่สามารถจัดการได้

ที่สำคัญหากต้องการอะไรต้องพร้อมที่จะเสี่ยง เอมีเสี่ยงที่จะทิ้งลอร์ดเฟรอยด์ที่รวย (กว่าลอร์รี) ทิ้งจุดยืนที่ให้ไว้กับป้ามาร์ช และกลับไปหาลอร์รี ซึ่งการกลับไปหาลอร์รีคือความเสี่ยงครั้งใหญ่ที่สุด เพราะหากความคิดที่ว่าเธอเป็นตัวสำรองนั้นถูกต้อง ถ้าลอร์รียังลืมโจไม่ได้ ทุกสิ่งที่เอมีทำนั้นจะกลายเป็นศูนย์

แต่สุดท้ายการ move on จากโจของเอมีและลอร์รีครั้งนี้ ก็ทำให้ทั้งคู่ได้มารักกัน


3. ชีวิตนี้มันสั้นจนไม่มีเวลามานั่งโกรธคนในครอบครัว
ในช่วงเวลาที่เอมีและลอร์รีรักกัน เป็นช่วงเดียวกับที่โจเพิ่งมารู้ใจตัวเองว่าเธอก็รักลอร์รี ติดเพียงแต่ว่าเธอยังรักชีวิตอิสระมากกว่า

เมื่อถึงจุดจุดหนึ่งที่ครอบครัวแยกย้ายกันไป โจถึงมารู้ว่าต่อให้เป็นครอบครัวที่รักกันมากแค่ไหน ต่างคนก็ต้องเติบโตและใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง ทำให้เรื่องคู่ชีวิตกลับเข้ามาในหัวโจอีกครั้ง และคนคนนั้นคือลอร์รี คนที่รักเธอและเธอรักมาตลอดแต่ปฏิเสธไปในวัยเด็ก

ตัวละครโจอาจให้ความรู้สึกเห็นแก่ตัว หรืออีกมุมก็คือการใช้ชีวิตอย่างซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองที่สุดในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง

ในวันคริสต์มาส เทศกาลที่พาทุกคนมารวมกัน เป็นวันที่โจได้รู้เรื่องราวของเอมีกับลอร์รี เอมีดูออกว่าโจก็ยังรักลอร์รี และเธอกลัวว่าพี่สาวจะโกรธเธออีกครั้ง แต่โจกลับตอบว่า "ชีวิตนี้มันสั้นจนไม่มีเวลามานั่งโกรธคนในครอบครัวหรอก"

ในวัยเด็กโจเคยทะเลาะกับเอมีจนไม่คุยกันเลย ซึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่คืนดีกันคืออุบัติเหตุที่เกือบทำให้เอมีเสียชีวิต เอมีรอดพ้นความตายมาได้และคืนดีกับโจ แต่สิ่งที่เป็นบทเรียนครั้งสำคัญของตระกูลมาร์ชคือการสูญเสียเบธไป

ในคืนที่เบธตาย โจเฝ้าดูแลเบธอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง จนตัวเองเผลอหลับไปและตื่นเช้ามาพบกับข่าวร้ายว่าน้องสาวของเธอได้จากไปแล้วเบธ

นั่นหมายความว่าในช่วงเวลาที่ยังรักกัน ดูแลกันเต็มที่ ตอนจากกันไปยังเศร้าขนาดนี้ นับประสาอะไรหากความตายมาพรากจากกันในขณะที่เรายังโกรธกัน ความเศร้านั้นคงจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะฉะนั้นชีวิตนี้จึงมีเวลาน้อยเหลือเกิน น้อยเกินกว่าจะโกรธคนที่เรารัก

และการจัดการความรู้สึกของโจครั้งนี้ทำให้เธอได้มารักกับ "เฟร็ดดิกซ์" ในที่สุด


4. โลกที่น่าเบื่อดูสวยงามเมื่อใส่วัยเยาว์ของพวกเราเข้าไป
หนึ่งประเด็นสำคัญที่หนังนำเสนอคือความสุขอย่างไร้เดียงสาในวัยเด็ก วัยที่อยู่กันพร้อมหน้า ทำเรื่องที่อยากทำไปด้วยกัน นั่นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต

ในวันที่พี่ใหญ่อย่างเม็กต้องเข้าพิธีแต่งงาน โจชวนเม็กหนีไปเพราะไม่อยากเสียเม็กให้ใครทั้งนั้น และหาเลี้ยงชีพด้วยการเขียนนิยายและแสดงละครอย่างที่เคยทำกันมาตลอด แต่ก็ไม่เป็นผล

การที่เม็กแต่งงานคือบทเรียนสำคัญที่ทำให้โจเป็นผู้ใหญ่ไปอีกหนึ่งขั้น เป็นผู้ใหญ่ที่ต้องยอมรับสถานการณ์ที่ตัวเองไม่อยากให้เกิดขึ้น เป็นผู้ใหญ่ที่ต้องใช้ชีวิตต่อไปแม้จะต้องเสียใครไปก็ตาม

เอมีคุยกับโจเรื่องนิยายที่โจเขียน เอมีบอกว่า "เรื่องธรรมดา ๆ นี่แหละถ้าเราเขียนมันออกมามันจะกลายเป็นเรื่องพี่พิเศษ" โจไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก แต่กลายเป็นว่านิยายเรื่องแรกของเธอที่ได้รับการตีพิมพ์ กลับไม่ใช่เรื่องรักใคร่ ไม่ใช่เรื่องผจญภัยตื่นเต้นเร้าใจ แต่เป็นแค่เรื่องราววัยเด็กของพวกเธอที่ใช้ชื่อหนังสือว่า "Little Women"

นั่นแสดงให้เห็นว่าช่วงเวลาในวัยเด็กสวยงามขนาดไหน


5. สุดท้ายเราจะโตเป็นผู้ใหญ่
เม็ก โจ และเอมี ต่างก็แต่งงานมีครอบครัว แต่สามก็ยังอยู่ในชีวิตของกันและกัน ไม่รู้ว่าหากเบธยังอยู่จะมีความสุขมากแค่ไหน อาจจะมากกว่านี้หรืออาจจะเทียบเท่ากับวัยเด็ก แต่เรื่องที่ผ่านไปแล้วคงไม่สำคัญเท่าปัจจุบันนี้สามพี่น้องรวมถึงสามีของพวกเธอ พ่อ แม่ ป้า และแม่บ้าน ยังอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า

ไม่ว่าวัยเด็กจะมีความสุขขนาดไหน สุดท้ายทุกเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตจะทำให้เราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเมื่อวาน จนบางครั้งกว่าจะรู้ตัวก็ทำอะไรเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว

ความสุขในวัยเด็กจบลงไม่ได้หมายความว่าความสุขในชีวิตจะจบลงไปด้วย การก้าวเข้ามาในโลกของผู้ใหญ่คือการแบกรับความทุกข์ทีเล็กทีละน้อยไว้ จนสามารถมี "ความสุขในแบบของผู้ใหญ่" ได้ และ "ความสุขในวัยเด็ก" จะอยู่ในความทรงจำให้พูดถึงอีกนานเท่านานสี่ดรุณี


สุดท้ายเมื่อดูหนังจบคุณจะคิดถึงครอบครัวบ้างไม่มากก็น้อย สี่ดรุณีเป็นหนังฟีลกู๊ดที่ไม่เลี่ยน ไม่เอาใจคนดูเกินไป และจบอย่างสมบูรณ์แบบไม่มีอะไรค้างคาใจ เป็นหนังอีกเรื่องที่แนะนำให้ดูอย่างยิ่ง

ปล. บทความจากเพจ and the review goes to.. (แอดมินเองครับ)

ที่มารูปภาพ : http://www.urbanbox.in.th/review_little-women-2019/ , https://www.vox.com/culture/2019/12/27/21037870/little-women-greta-gerwig-ending-jo-laurie-amy-bhaer , https://www.fwweekly.com/2019/12/26/little-women-forward-march/

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์